- อะตอม (กรีก:
άτομον ; อังกฤษ:
Atom) เป็นโครงสร้างขนาดเล็กมากมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ที่พบได้ในสิ่งของทุก ๆ
อย่างรอบตัวเรา
อะตอมประกอบไปด้วยอนุภาค 3 ชนิด คือ:
- อิเล็กตรอน,
ซึ่งมีประจุลบ;
- โปรตอน
ซึ่งมีประจุบวก; และ
- นิวตรอน
ซึ่งไม่มีประจุ.
อะตอมเป็นองค์ประกอบพื้นฐานทางเคมีซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงตามปฏิกิริยาเคมี
อะตอมเป็นอนุภาคที่เล็กที่สุดของธาตุ หากอะตอมของธาตุถูกแบ่ง
ธาตุนั้นจะสูญเสียความเป็นธาตุเดิมนั้นไป
ธาตุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในโลกนี้นั้นมีปรากฏอยู่ 90 ชนิดเท่านั้น
(นอกเหนือจากนี้มี ธาตุบางชนิดเช่น technetium และ californium
ที่พบได้ในซูเปอร์โนวา)
- จอห์น ดอลตัน เป็นคนแรกที่เสนอแนวคิดเกี่ยวกับอะตอม สรุปว่า
1.
สารประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็ก เรียกว่า อะตอม แบ่งแยกไม่ได้
และสร้างขึ้นหรือทำลายให้สูญหายไปไม่ได้
2. อะตอมของธาตุชนิดเดียวกัน
จะมีมวลเท่ากัน มีสมบัติเหมือนกัน แต่จะแตกต่างจากอะตอมของธาตุอื่น ๆ

3. อะตอมของธาตุสองชนิดอาจรวมตัวกันด้วยอัตราส่วนต่าง ๆ กัน
เกิดเป็นสารประกอบได้หลายชนิด
2. ทอมสัน
ทำการทดลองเกี่ยวกับการนำไฟฟ้าของก๊าซในหลอดรังสีแคโทด
พบว่าไม่ว่าจะใช้ก๊าซใดบรรจุในหลอด
หรือใช้โลหะใดเป็นแคโทด
จะได้รังสีที่ประกอบด้วยอนุภาคที่มีประจุลบ พุ่งมาที่ฉากเรืองแสงเหมือนเดิม
เมื่อคำนวณหาอัตราส่วนของประจุต่อมวล (e/m)
ของอนุภาค
จะได้ค่าคงที่ทุกครั้งเท่ากับ 1.76 x 108 คูลอมบ์ต่อกรัม สรุปว่า
อะตอมทุกชนิดมีอนุภาคที่มีประจุลบเป็นองค์ประกอบ เรียกว่า
อิเล็กตรอน
- รูป 2.3
หลอดรังสีแคโทดที่มีขั้วไฟฟ้าในหลอดเพิ่มอีกสองขั้วเพื่อทำให้เกิดสนามไฟฟ้า 3.
โกลดชไตน์ ดัดแปลงหลอดรังสีแคโทด เมื่อเปลี่ยนชนิดของก๊าซ พบว่า
อนุภาคที่มีประจะบวกมีอัตราส่วนของประจุ
ต่อมวลไม่คงที่ ถ้าใช้ก๊าซไฮโดรเจน
จะได้อนุภาคบวกมีประจุเท่ากับประจุของอิเล็กตรอนจึงเรียกอนุภาคบวกว่า โปรตอน
4.
มิลลิแกน ทำการทดลองหาค่าประจุของอิเล็กตรอน เท่ากับ 1.60 x 10-19 คูลอมบ์
และเมื่อนำไปคำนวณหามวล ของอิเล็กตรอน จะได้เท่ากับ 9.11 x 10-28 กรัม
5.
รัทเทอร์ฟอร์ด, ไกเกอร์ และมาร์สเดน ยิงอนุภาคแอลฟาไปยังแผ่นทองคำบาง ๆ พบว่า
อนุภาคส่วนใหญ่จะวิ่งเป็น
- เส้นตรงผ่านแผ่นทองคำ นาน ๆ ครั้งจะเบนไปจากแนวเส้นตรง
และน้อยครั้งมากที่อนุภาคจะสะท้อนกลับมากระทบ
- ฉากบริเวณหน้าแผ่นทองคำ
6. เลขอะตอม คือ ตัวเลขที่แสดงจำนวนโปรตอน
7. อะตอมโดยทั่วไปแล้วจะแบ่งตามเลขอะตอม
ซึ่งเท่ากับจำนวนโปรตอนในอะตอม
เลขอะตอมจะเป็นตัวระบุว่าอะตอมนั้นเป็นอะตอมของธาตุอะไร ตัวอย่างเช่น อะตอมของคาร์บอน
จะมีโปรตอน 6 ตัว อะตอมที่มีเลขอะตอมเท่ากันจะมีคุณสมบัติร่วมทางกายภาพหลายอย่าง
และ จะมีคุณสมบัติทางเคมีที่เหมือนกัน ในตารางธาตุ
อะตอมจะถูกเรียงตามค่าเลขอะตอม
เลขมวล
หรือ เรียก เลขมวลอะตอม
หรือ เลขนิวคลีออน ของธาตุคือ จำนวนรวมของโปรตอน และ นิวตรอน ในอะตอม
โปรตอนและนิวตรอนแต่ละตัวนั้นจะมีมวล 1 amu
จำนวนนิวตรอนในอะตอมนั้นไม่ได้เป็นตัวกำหนดชนิดของธาตุ
ธาตุแต่ละชนิดนั้นจะมีจำนวนโปรตอนและอิเล็กตรอนที่แน่นอน
แต่อาจมีจำนวนนิวตรอนที่แตกต่างไป เรียกว่า ไอโซโทปของธาตุ
การเรียกชื่อของไอโซโทป นั้นจะขึ้นต้นด้วยชื่อของธาตุและตามด้วยเลขมวล ตัวอย่างเช่น
อะตอมของ คาร์บอน-14
มีโปรตอน 6 ตัว และ นิวตรอน 8 ตัว รวมเป็นเลขมวล 14
อะตอม ที่เรียบง่ายที่สุดคืออะตอมของ ไฮโดรเจน
มีเลขอะตอมเท่ากับ 1 และ มี โปรตอน 1 ตัว อิเล็กตรอน 1 ตัว
ไอโซโทปของไฮโดรเจนซึ่งมีนิวตรอน 1 ตัวจะเรียกว่า ดิวทีเรียม
หรือ ไฮโดรเจน-2 ไอโซโทปของไฮโดรเจนซึ่งมีนิวตรอน 2 ตัว จะเรียก ทริเทียม
หรือ ไฮโดรเจน-3
เลขมวลอะตอมของธาตุที่ระบุในตารางธาตุ
เป็นค่าเฉลี่ยมวลของไอโซโทปที่พบตามธรรมชาติ
โดยเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนักตามปริมาณที่ปรากฏในธรรมชาติ
-
เลขมวล คือ ผลรวมของจำนวนโปรตอนและนิวตรอน
8. ไอโซโทป คือ อะตอมต่าง ๆ
ของธาตุเดียวกันที่มีเลขมวลต่าง ๆ เช่น 11H, 21H และ 31H
9. สัญลักษณ์นิวเคลียร์
วิธีเขียน เลขอะตอมไว้มุมล่างซ้าย และเลขมวลไว้มุมบนซ้ายของสัญลักษณ์ เช่น 23
Na11
10. การจัดอิเล็กตรอนในอะตอม
- วิธีการใช้ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียส คือ
การศึกษาสเปกตรัมของสารหรือธาตุแสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
แสงที่มองเห็นได้มีความยาวคลื่น 400 - 700 นาโนเมตร แสงสีต่าง ๆ
ในแถบสเปกตรัมของแสงได้แก่ ม่วง น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง
- แสงสีม่วง มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด แต่มีความถี่สูงที่สุด
และมีพลังงานสูงสุด
- แสงสีแดง มีความยาวคลื่นมากที่สุด แต่มีความถี่ต่ำที่สุด
และมีพลังงานต่ำสุด
- มักซ์ พลังค์ สรุปว่า
พลังงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับความถี่ของคลื่นนั้น
- E = พลังงาน จูล (J)
- h = ค่าคงที่ของพลังค์ มีค่า 6.625 x 10-34 จูลวินาที (Js)
- = ความถี่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Hz)
- C = ความเร็วของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในสูญญากาศ = 3.0 x 108 m/s
- = ความยาวคลื่น (m) (1 นาโนเมตร เท่ากับ 10-9 เมตร)

- สเปกโตสโคป เป็นเครื่องมือสำหรับแยกสเปกตรัมของแสงขาว
และตรวจเส้นสเปกตรัมของธาตุที่ถูกเผา
การทดลองใช้ลวดนิโครมจุ่มลงในกรดไฮโดรลอริกเข้มข้น (HCI)
แตะสารประกอบที่ต้องการทดสอบ นำไปเผาบนเปลวไฟ สังเกตสีของเปลวไฟ
และใช้สเปกโตสโคปสังเกตสีของเส้นสเปกตรัม
- 1. สีของเปลวไฟ หรือเส้นสเปกตรัม เกิดจากส่วนที่เป็นโลหะ (ion +)
ในสารประกอบชนิดนั้น ๆ
- 2. ธาตุแต่ละชนิด มีเส้นสเปกตรัมเป็นลักษณะเฉพาะตัวไม่ซ้ำกัน
ลักษณะของเส้นสเปกตรัมจึงเป็นสมบัติเฉพาะตัว
- ประการหนึ่งของธาตุ เส้นสีเขียวที่เห็นจากแสงไฟฟลูออเรสเซนต์ เกิดจาก ไอปรอท
11. การศึกษาเรื่องสเปกตรัมของสารหรือของธาตุ สรุปได้ว่า
- 1. เมื่ออิเล็กตรอนได้รับพลังงาน จึงขึ้นไปอยู่ในระดับพลังงานที่สูงขึ้น
ทำให้อะตอมไม่เสถียร อิเล็กตรอนจึงคาย พลังงานเท่ากับพลังงานที่ได้รับเข้าไป
พลังงานส่วนใหญ่ที่คายออกอยู่ในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ปรากฎเป็นเส้น
สเปกตรัม
- 2. การเปลี่ยนระดับพลังงานของอิเล็กตรอน อาจมีการเปลี่ยนข้ามขั้นได้
- 3. อิเล็กตรอนในระดับพลังงานต่ำจะอยู่ใกล้นิวเคลียส
- 4. ระดับพลังงานต่ำอยู่ห่างกันมากกว่าระดับพลังงานสูง
ระดับพลังงานยิ่งสูงขึ้นจะยิ่งอยู่ชิดกันมากขึ้น
12. นีลส์ โบร์
สร้างแบบจำลองว่า อิเล็กตรอนในอะตอมวิ่งอยู่รอบนิวเคลียสเป็นชั้น ๆ
หรือเป็นระดับพลังงานมีค่า
- พลังงานเฉพาะคล้าย ๆ กับวงโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์
ซึ่งแบบจำลองนี้ใช้ได้ดีกับอะตอมขนาดเล็กที่มี
- อิเล็กตรอนเดียว เช่น ไฮโดรเจนเท่านั้น

13.
พลังงานไอออไนเซชัน (IE) คือ
พลังงานปริมาณน้อยที่สุดที่ทำให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอมในสถานะก๊าซ
- Mg(g) + IE1 Mg+(g) + e-
- Mg+(g) + IE2 Mg2(g) + e-
- พลังงานไอออไนเซชันลำดับที่หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นของธาตุใดก็ตาม
ล้วนมีค่าต่ำสุดเมื่อเทียบกับพลังงานไอออไนเซชัน ลำดับอื่น ๆ ของธาตุเดียวกัน
เพราะอิเล็กตรอนที่หลุดออกไปตัวแรกได้รับแรงดึงดูดจากนิวเคลียสน้อยที่สุด
- ค่าพลังงานไอออไนเซชันใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดกลุ่มอิเล็กตรอนได้
คำถาม
กำหนดปฏิกิริยาต่อไปนี้
- ก. Zn(s) Zn(g) ดูดพลังงาน 130 kj/mol
- ข. Zn(s) Zn2+(aq) + 2e- ดูดพลังงาน 737 kj/mol
- ค. Zn2+(g) Zn2+(aq) ดูดพลังงาน 2046 kj/mol
- ผลรวมของค่าพลังงานไอออไนเซชันลำดับที่หนึ่ง
และที่สองของสังกะสีเป็นเท่าใดในหน่วย kj/mol
- 1) 607 2) 1179 3) 1439 *4) 2653
14.
จำนวนอิเล็กตรอนที่มีได้มากที่สุดในแต่ละระดับพลังงาน = 2n2
- อิเล็กตรอนในระดับพลังงานสูงที่สุดของแต่ละธาตุ เรียกว่า เวเลนซ์อิเล็กตรอน
- 3919K มีการจัดอิเล็กตรอน เป็น 2, 8, 8, 1 (หมู่ 1 A คาบ 4)
15.
แบบจำลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก สรุปได้ว่า
- 1. การเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนไม่มีทิศทางแน่นอน
บอกได้เพียงโอกาสที่จะพบอิเล็กตรอน ณ ตำแหน่งต่าง ๆ เท่านั้น
- 2. โอกาสที่จะพบอิเล็กตรอนในแต่ละระดับพลังงานไม่เหมือนกัน
ขึ้นกับจำนวนอิเล็กตรอนและระดับพลังงานของ อิเล็กตรอนนั้น
- 3.
อิเล็กตรอนที่มีพลังงานต่ำอยู่ในบริเวณใกล้นิวเคลียสมากกว่าอิเล็กตรอนที่มีพลังงานสูง
- สนใจศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ http://hello.to/chemku