การพิจารณาจิต
คือการตรวจดูจิตของตนว่าจิตนั้นมีกิเลสหรือไม่ จิตผ่องใสหลุดพ้นหรือไม่ คือ เมื่อผู้ปฏิบัติรู้จักจิต จับจิตได้ และสามารถรักษาจิตจนจิตผ่องใส แล้วปล่อยจิตให้เป็นอิสระ เมื่อผู้ปฏิบัติปล่อยจิตให้เป็นอิสระแล้ว ก็จะต้องหมั่นพิจารณาจิตด้วยว่า จิตของตนนั้นถูกกิเลสนิวรณ์เข้าหุ้มห่ออีกหรือไม่ เพราะจิตนั้นเป็นธรรมชาติที่รับอารมณ์อยู่เสมอ และเกิดดับรวดเร็วมาก ดังนั้นถ้าหากผู้ปฏิบัติปล่อยจิตที่หลุดพ้นแล้วให้เป็นอิสระ นานเข้าอาจขาดสติ ทำให้จิตถูกนิวรณ์เจ้าครอบงำอีกได้ เหมือนผ้าขาวที่เราหมั่นซักรอยเปื้อนออก ผ้าก็จะขาวสะอาดเรื่อยไป จิตก็เช่นกัน เมื่อผ่องใสหลุดพ้นจากกิเลสแล้ว เราปล่อยให้เป็นอิสระตามธรรมชาตินานเข้า ก็อาจถูกนิวรณ์เข้าห่อหุ้มได้ เพราะฉะนั้นผู้ปฏิบัติจะต้องหมั่นพิจารณาดูจิตของตนเองอยู่เสมอว่า จิตนั้นถูกกิเลสนิวรณ์เข้าห่อหุ้มหรือไม่ เมื่อเห็นว่าจิตของตนถูกนิวรณ์เข้าห่อหุ้ม ก็จะสามารถรักษาจิต ทำจิตให้ผ่องใสหลุดพ้นได้ เมื่อพิจารณาเห็นจิตหลุดพ้นก็รู้ว่า จิตหลุดพ้น จิตก็จะผ่องใส สะอาด สงบอยู่เสมอ
เมื่อผู้ปฏิบัติมั่นพิจารษาจิต