สมาธิ 3 แบบ

Home

การคิด เพ่ง และปล่อยเพื่อให้เกิดสมาธิ

การคิดที่จะให้เกิดสมาธิ   เราต้องคิดในเรื่องเกี่ยวกับธรรมะ เช่น  อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ คิดอยู่ว่า อนิจจังซึ่งแปลว่า ไม่เที่ยง มันเป็นอย่างไร   ในขณะที่คิดต้องมีสติสัมปชัญญะ มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่   อย่าให้จิตไปคิดเรื่องอื่น เมื่อจิตใจจดจ่ออยู่แต่เรื่องอนิจจังที่เราคิด   จิตก็จะเป็นสมาธิขึ้นมาเอง คือ เมื่อสมาธิเกิดแล้วก็จะสิ้นสงสัยในเรื่องที่คิดนั้นได้

การทำสมาธิแบบเพ่งหรือพิจารณา คือ น้อมจิตมาเพ่งดู กาย เวทนา จิต อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้หรือจะเพ่งดูลมหายใจ เข้าออกก็ได้ เพราะลมหายใจเข้าออกก็จัดเป็นกายสังขาร เพราะปรนปรือร่างกายให้เป็นอยู่
การเพ่งดูลมหายใจ เพื่อให้เกิดสมาธิ ให้ตั้งสติไว้ที่ลมกระทบในรูจมูกของเราเพ่งดูอยู่ที่เดียวก่อน ถ้าจิตมันแลบออกไป ก็พยายามดึงกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าจิตฟุ้งซ่านมาก สูดลมเข้าไปในปอดลึก ๆ หรือในทรวงอกลึก ๆ แล้วปล่อยลมให้ซึมซาบไปทั่วกาย ปล่อยความรู้สึกของกระแสใจให้ไหลเวียนลงในกาย แผ่ใจให้ทั่วกายเหมือนมีตารอบตัว เห็นทั่วร่างกาย อย่างหลับตา การทำสมาธิโดยวิธีธรรมชาติไม่ต้องหลับตา เมื่อลมหายใจละเอียดความอิ่มใจกายจะค่อย ๆ เกิดขึ้น จะรู้สึกว่า ทั้งร่างกายและจิตใจมันจะผสมผสานกลมกลืนเป็นอันเดียว จะมีความรู้สึกเยือกเย็นทั้งกายใจ ทั้งภายในภายนอก

การปล่อย ในที่นี้ หมายถึงการปล่อยวางความคิด ปรุงแต่งในเรื่องอดีต อนาคต   และปล่อยอารมณ์ปัจจุบันอื่น ๆ เสียให้สิ้น เพ่งดูลมหายใจเข้าออกเพียงอย่างเดียว ทำอย่างนี้จนจิตไม่ซัดส่ายไปมา สงบนิ่งอยู่ ณ ศูนย์ที่กำหนดไว้แล้ว จะมีความอิ่มเอิบใจแปลก ๆ เกิดขึ้นเป็นอย่าง ๆ เช่น มีอาการขนลุก น้ำตาไหล มีอาการเสียวแปลบปลาบบ้าง และมีแสงโชติช่วงดังฟ้าแลบ ทำให้รู้สึกซ่า ๆ คล้ายคลื่นกระทบฝั่ง ทำให้กายฟูเบาเลื่อนโลดลอยไป ทำให้รู้สึกซาบซ่านทั่วกาย นี้เป็นอาการของปิติทั้ง ๕ และถ้าเกิดพร้อมกันทำให้รู้สึกว่าเนื้อตัวเติบโตอ้วนใหญ่ขึ้น ถึงไม่กินอาหารหลาบก็อาจอยู่ได้หลายวัน
การทำสมาธิแบบปล่อยวางหรือวิธีธรรมชาติ ไม่ต้องเข้าไม่ต้องออกจากสมาธิ คือ เขาเป็นเองเกิดเอง ถ้าจิตของเราว่างจากอารมณ์ บางคราวอ่านหนังสืออยู่เพลิน ๆ จิตก็รวมตัวมีอารมณ์เป็นหนึ่งได้ หรือ บางคราวขณะรับประทานอาหารอยู่จิตก็รวมตัวมีอารมณ์เป็นหนึ่งได้เหมือนกัน

Home