การฝึกสมาธิ....
บริกรรมยุบหนอ- พองหนอ
เน้นการใช้สติปัฏฐาน 4
ควบคู่กับการบริกรรมยุบหนอ-พองหนอ
สติปัฎฐาน แปลว่า
ที่ตั้งของสติ
เป็นทางสายเอกที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้สาวกปฎิบัติ
และ
กล่าวว่าเป็นการปฎิบัติไปสู่พระนิพพานได้อย่างไม่ล่าช้า
การปฎิบัติวิธีนี้คือการมีสติตามรู้
ในที่ตั้งของสติ อย่างต่อเนื่อง
คือ
![]() | กายานุปัสสนาสติปัฎฐาน
ได้แก่
การตั้งสติดูลมหายใจเข้าออก
ดูอริยาบถยืน เดิน นั่ง นอน และ ในการเคลื่อนไหวในอริยาบถย่อย เช่น เหลียวซ้าย แลขวา คู้ เหยียด ถอย ถ่าย |
![]() | เวทนานุปัสสนาสติปัฎฐาน ได้แก่การ ตั้งสติพิจารณาดู สุข ทุกข์ และ อุเบกขาเวทนา (เฉย) จน เห็นเวทนาเหล่าดับไป |
![]() | จิตตานุปัสสนาสติปัฎฐาน เฝ้าดูจิตตนในกิเลส ราคะ โทสะ โมหะ ให้เห็นอาการที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป |
![]() | ธรรมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน กำหนดรู้ธรรม 5 อย่างคือ นิวรณ์ 5 ขันธ์ 5 อายตนะ 12 โพชฌงค์ 7 และ |
อริยสัจ 4
ให้ได้รู้ภาวะความเป็นจริงของอนัตตา
คือ ความไม่ใช่ตัวตน
การฝึกอิริยาบถย่อยคือ
ฝึกให้มีสติรู้ตลอดเวลา
ตั้งแต่ตื่นนอน
ให้สติตามรู้ตั้งแต่ลมหายใจแรกที่ตื่นนอน
ลุกเคลื่อน
ไหว เข้าห้องน้ำ รับประทานอาหาร
ทำงานต่าง ๆ
จนกระทั่งเอนตัวลงนอน
สติตามจนรู้ลมหายใจ เข้าหรือ ออก
ในขณะเมื่อจะหลับ
การนั่งสมาธิ และ เดินจงกรม
ที่สอนในแนวนี้
อาจมีความแตกต่างกันบ้างในรายละเอียด
ตามแต่อาจารย์ที่สอน
วิธีการโดยทั่ว ๆ มีคือดังนี้
การเดินจงกรม
ให้ยืนตัวตรง
ใบหน้าและลำคอตรง
ทอดสายตาไปที่พื้นห่างจากปลายเท้าประมาณ
2-3 เมตร
เอามือวางหน้าท้องเหนือสะดือเล็กน้อย
ยกเท้าขวาจากพื้นช้าๆ
พร้อมกับบริกรรม ขวา
พอเท้าขวาเคลื่อนไปข้างหน้า
บริกรรม ย่าง
พอเท้าขวาลงจดพื้น บริกรรม หนอ
และยกเท้าซ้าย บริกรรม ซ้าย
พอเท้าซ้ายเคลื่อนไปข้างหน้า
กำหนดย่าง พอเท้าซ้ายจดพื้น
บริกรรม หนอ พอเดินไปได้ สุดทาง
ประมาณ 7-8
เมตรหรืออย่างน้อยควรมีที่เดินได้สัก
8 ก้าว ก็กำหนดหยุดหนอ
เท้าชิดกันบนพื้น ยืนตรงกำหนด
ยืนหนอ แล้วก็กลับตัว กำหนด
กลับหนอ พร้อมหมุนส้นเท้าขวา
ตามด้วยเท้าซ้ายอย่างช้า ๆ
ค่อย ๆ ทำจนหมุนกลับมาทางเดิม
และเริ่ม ขวา-ย่าง-หนอ และ
ซ้าย-ย่าง-หนอ
ต่อไปจนครบเวลาพอสมควร
เมื่อฝึกกำหนดจนคล่องแล้วอาจเพิ่ม
การกำหนดละเอียดขึ้นไปอีก จนครบ
๖ ระยะ คือ
๑. ขวา... ย่าง... หนอ ..., ซ้าย ... ย่าง ...
หนอ...
๒. ยก... หนอ... , เหยียบ... หนอ...
๓. ยก... หนอ... , ย่าง.... หนอ... , เหยียบ...
หนอ...
๔. ยกส้น ... หนอ...., ยก....หนอ...,
ย่าง...หนอ...., เหยียบ.... หนอ....
๕. ยกส้น .... หนอ....., ยก.... หนอ..., ย่าง...
หนอ..., ลง... หนอ..., ถูก... หนอ...
๖. ยกส้น... หนอ..., ยก... หนอ..., ย่าง...
หนอ..., ลง... หนอ..., ถูก... หนอ ..., กด...
หนอ...
ถ้าเป็นสายคุณแม่สิริ กรินชัย
จะเพิ่มระยะที่ ๗
๗. ยกส้น... หนอ ..., ไม่คิดหนอ, ยก...
หนอ...ไม่คิดหนอ, (ทวนระยะ ๖
เพิ่มคิดและไม่คิด)
การนั่งสมาธิ ให้นั่งแบบพระพุทธรูปที่ใช้พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้ายบนตัก
ผู้ที่ไม่ถนัดอาจอนุโลมให้นั่งพับเพียบ
หรือนั่งเก้าอี้ก็ได้
แต่ต้องนั่งตัวตรง
และไม่พิงพนักเก้าอี้
หลับตา
ให้เอาสติมาจับอยู่ที่ท้องเหนือสะดือ
ขึ้นมาประมาณ 2 นิ้ว
หายใจตามปรกติ โดยเวลาหายใจเข้า
ท้องโป่งพองออก กำหนดว่า
พองหนอ
เวลาหายใจออกท้องจะแฟบยุบ
ก็กำหนดว่า ยุบหนอ
โดยกำหนดให้เท่าทันอาการ
ในเวลานั่งไป หากได้ยินเสียง
ก็กำหนดยินหนอ
หากมีความปวดเมื่อยเกิด
ก็กำหนดเมื่อยหนอจนหายไป
คงมีสติกำหนดในอาการต่าง ๆ
ตามสติปัฏฐาน 4
หากไม่มีอาการอื่นก็
กำหนดพองยุบต่อไปจนเห็นความดับเฉยของ
พองยุบ
เวลาที่ใช้ในการนั่งสมาธิมักใช้เวลาพอดีกับการ
เดินจงกรม