|
![]() |
กิจวัตรประจำวันของพระอาจารย์มั่น
ท่านปฏิบัติกิจประจำวันเป็นอาจิณณวัตร
เพื่อเป็นแบบอย่างแก่สานุศิษย์
และพร่ำสอนสานุศิษย์ให้ปฏิบัติเป็นอาจิณณวัตรต่อไปนี้
เวลาเช้าออกจากกุฏีทำสรีรกิจ
คือล้างหน้าบ้วนปากนำบริขารลงสู่โรงฉัน
ปัดกวาดลานวัดแล้วเดินจงกรม
พอได้เวลาภิกขาจารก็ขึ้นสู่โรงฉันนุ่มห่มเป็นปริมณฑล
สะพายบาตรเข้าสู่บ้านเพื่อบิณฑบาต
กลับจากบิณฑบาตแล้วจัดแจงบาตรจีวร
แล้วจัดอาหารใส่บาตร
นั่งพิจารณาอาหารปัจจเวกขณะทำภัตตานุโมทนา
คือยถาสัพพีเสร็จแล้วฉันจังหัน
ฉันเสร็จแล้วล้างบาตรเก็บบริขารขึ้นกุฏี
ทำสรีรกิจ
พักผ่อนเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นล้างหน้า
ไหว้พระสวดมนต์
และพิจารณาธาตุอาหาร - ปฏิกูล -
ตังขณิก - อดีตปัจจเวกขณะ
แล้วชำระจิตจากนิวรณ์
นั่งสมาธิพอสมควร เวลาบ่าย 3-4 โมง
กวาดลานวัด ตักน้ำใช้
น้ำฉันมาไว้
อาบน้ำชำระกายให้สะอาดปราศจากมลทินแล้วเดินจงกรมจนถึงพลบค่ำจึงขึ้นกุฏี
เวลากลางคืนตั้งแต่พลบค่ำไป
สานุศิษย์ก็ทะยอยกันขึ้นไปปรนนิบัติ
ท่านได้เทศนาสั่งสอนอบรมสติปัญญาแก่สานุศิษย์พอสมควรแล้ว
สานุศิษย์ถวายการนวดเฟ้นพอสมควรแล้ว
ท่านก็เข้าห้องไหว้
พระสวดมนต์นั่งสมาธิแล้วพักนอนประมาณ
4 ชั่วทุ่ม เวลา 3.00 น.
ตื่นนอนล้างหน้า
บ้วนปากแล้วปฏิบัติกิจอย่างในเวลาเช้าต่อไป
กิจบางประการ
เมื่อมีลูกศิษย์มากและแก่ชราแล้วจึงได้อาศัยศิษย์เป็นผู้ทำแทน
เช่น การตักน้ำใช้ น้ำฉัน
เพราะเหน็ดเหนื่อยเนื่องจากชราภาพ
ส่วนกิจอันใดเป็นสมณะประเพณีและเป็นสีลวัตร
กิจนั้นท่านปฏิบัติเสมอเป็นอาจิณ
มิได้เลิกละ ท่านถือคติว่า "
เมื่อมีวัตรชื่อว่ามีศีล
ศีลเป็นเบื้องต้นของการปฏิบัติ"
ท่านกล่าวว่า " ต้นดี ปลายก็ดี
ครั้นผิดมาแต่ต้นปลายก็ไม่ดี "
ดังคำว่า " ผิดมาตั้งแต่ต้น
ฮวงเม่าบ่มี " อุปมารูป
เปรียบเหมือน " การทำนา
เมื่อบำรุงรักษาลำต้นข้าวดีแล้ว
ย่อมหวังได้แน่ ซึ่งผลดังนี้"
ท่านจึงเอาใจใส่ตักเตือนสานุศิษย์ให้ปฏิบัติศีลวัตรอันเป็นส่วนเบื้องต้นให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ไว้เสมอ
ธุดงควัตรที่ท่านถือปฏิบัติเป็นอาจิณ
5 ประการ
1. ปังสุกูลิกังคธุดงค์
ถือนุ่มห่มผ้าบังสุกุล
นับตั้งแต่วัน
อุปสมบทมาตราบกระทั่งถึงวัยชรา
จึงได้ผ่อนใช้คหบดีจีวรบ้าง
เพื่ออนุเคราะห์แก่ผู้ศรัทธานำมาถวาย
2. ปิณฑปาติกังคธุดงค์
ถือภิกขาจารวัตรเที่ยวบิณฑบาตมาฉันเป็นนิตย์
แม้อาพาธไปในละแวกบ้านไม่ได้
ก็บิณฑบาตในเขตวัด บนโรงฉัน
จนกระทั่งอาพาธลุกไม่ได้
ในปัจฉิมสมัยจึงงดบิณฑบาต
3. เอกปัตติกังคธุดงค์
ถือฉันหนเดียวเป็นนิตย์
จนกระทั่งถึงสมัยอาพาธหนักในปัจฉิมสมัยจึงงด
4. เอกาสนิกังคธุดงค์
ถือฉันหนเดียวเป็นนิตย์ตลอดมา
แม้ถึงอาพาธหนักในปัจฉิมสมัยก็มิได้เลิกละ
ส่วนธุดงควัตรนอกนี้
ได้ถือปฏิบัติเป็นครั้งคราวที่นับว่าปฎิบัติได้มากก็คืออรัญญิกังคธุดงค์
ถืออยู่เสนาสนะป่าห่างบ้านประมาณ
25 เส้น
หลีกเร้นอยู่ในที่สงัดตามสมณะวิสัย
เมื่อถึงวัยชราจึงอยู่ในเสนาสนะป่าห่างบ้านพอสมควร
ซึ่งพอเหมาะกับกำลังที่จะภิกขาจารบิณฑบาต
เป็นที่ที่ปราศจากเสียงอึ้งอึง
ประชาชนเคารพยำเกรงไม่รบกวน