การใช้ตัวยาอันตราย |
|||||
|
|||||
|
|||||
๑.
เมล็ดสลอด มีฤทธิ์แรงในทางถ่าย กินมากจะถ่ายมาก
เป็นอันตราย อ่อนเพลีย เสียน้ำ ในร่างกาย อาจถึงตายได้ สรรพคุณ ถ่ายเสมหะ และโลหิต ถ่ายน้ำเหลืองเสียและถ่ายพยาธิ |
|||||
๒. ยางตาตุ่ม มีฤทธิ์แรงในทางถ่าย รับประทานมากถ่ายมาก
ทำให้หมดกำลังอาจถึงตายได้ สรรพคุณ ถ่ายพยาธิ ถ่ายโลหิต และเสมหะ ถ่ายอุจจาระธาตุ |
|||||
๓. ยางสลัดได มีฤทธิ์แรงในทางถ่าย กินมากถ่ายมาก ทำให้หมดกำัลังอ่อนเพลีย
อาจตายได้ สรรพคุณ ถ่ายพยาธิน้ำเหลืองเสีย ถ่ายอุจจาระธาตุ ถ่ายพิษตานซาง |
|||||
๔. ลูกแสลงใจ มีฤทธิ์แรงในทางเมาเบื่อ รับประทาน
ชักระตุก ถึงตายได้ สรรพคุณ บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท แก้พยาธิผิวหนัง แก้ลมอันกระเพื่อมในอุทร |
|||||
๕. ยางฝิ่น มีฤทธิ์แรงในทางเมาเบื่อ ระงับประสาท รับประทานมาก ระงับประสาท ทำให้หมดสติ อาจตายได้ สรรพคุณ แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้โรคบิด( เป็นยาเสพติด) |
|||||
๖.
กีญชา มีฤทธิ์แรงในทางเมา ทำให้ประสามหลอน รับประทานมาก
ทำให้เสียจริตเป็นบ้า |
|||||
๗. พระขรรค์ไชยศรี(
หนาวเดือนห้า) มีฤทธิ์แรงในทางขับเหงื่อ ทำให้ร่างกายเย็นมาก รับประทานมาก
อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต สรรพคุณ แก้ไข้ ดับพิษร้อน ลดความร้อนในร่างกาย ขับเหงื่อ |
|||||
๘. ยางรักดำ มีฤทธิ์แรงในทางเมาเบื่อและทางถ่าย รับประทานมาก
ทำให้ถ่ายมาก หมดกำลัง อาจถึงตายได้ สรรพคุณ ถ่้ายน้ำเหลืองเสีย ถ่ายอุจจาระธาตุ ถ่ายพยาธิและถ่ายเสมหะ |
|||||
๙. ปรอท มีฤทธิ์แรงในทางเมาเบื่อ รับประทานมาก ทำให้เปื่อยพุพองและเบื่อยา
อาจตายได้ สรรพคุณ แก้มะเร็ง คุดทะราด โรคเรื้อน รักษาโรคผิวหนังและรักษาน้ำเหลืองเสีย |
|||||
๑๐. สารหนู มีฤทธิ์แรงในทางเมาเบื่อ รับประทานมาก ชักกระตุกทำให้ตายได้ สรรพคุณ แก้มะเร็ง คุดทะราด โรคเรื้อน แก้ประดง รักษาน้ำเหลืองเสีย แก้โรคผิวหนัง และบำรุงโลหิต |
|||||
๑๑. จุนสี มีฤทธิ์แรงทางกัดทำลาย รับประทานมาก กัดทำลายกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้ฟันโยกหลุด สรรพคุณทางยา กัดหัวฝี หัวหูด รักษาคุดทะราด รักษาฟัน |
|||||
๑๒. เมล็ดสบู่แดง
มีฤทธิ์แรงในทางถ่าย รับประทานมาก ทำให้ปวดท้องอย่างแรง คลื่นไส้
อาเจียน ท้องร่วงอย่างแรง กดหัวใจ กดการหายใจ ถึงตายได้ สรรพคุณทางยา เผาให้สุกรับประทาน ถ่ายอุจจาระธาตุ ทำให้อาเจียน ตำพอกบาดแผล แก้โรคผิวหนัง |
|||||
๑๓. ยางหัวเข้าค่า มีฤทธิ์แรงในทางถ่าย รับประทานมาก ท้องร่วงอย่างแรง อ่อนเพลีย หมดน้ำ
ถึงตายได้ สรรพคุณทางยา ฆ่าพยาธิภายนอก แก้ฟกบวม แก้คุดทะราด |
|||||
๑๔. เมล็ดลำโพง มีฤทธิ์แรงในทางเมาเบื่อ หลอนประสาท รับประทานมาก ทำให้เสียสติ ตาแข็ง
หายใจขัด สรรพคุณทางยา บำรุงประสาท แก้กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ |
|||||
๑๕. ยางเทพทาโร มีฤทธิ์แรงในทางถ่าย รับประทานมากถ่ายแรง หมดน้ำ อ่อนเพลีย
ถึงตายได้ สรรพคุณทางยา ถ่ายพยาธิ ถ่ายน้ำเหลืองเสีย |
|||||
การสะตุ คือการทำให้ตัวยามีฤทธิ์อ่อนลง
หรือทำให้พิษของตัวยาน้อยลง หรือทำให้ตัวยานั้นสะอาดขึ้น |
|||||
๑. การสะตุเหล็ก เอาเหล็กมาครางด้วยตะไบ
แ้ล้วนำผงเหล็กที่ได้มาใส่ในฝาละมี หรือหม้อดิน บีบน้ำมะนาว
ลงไปให้ท่วมผงเหล็ก เอาขึ้นตั้งไฟให้แห้ง ทำให้ได้ ๗-๘ ครั้ง จนผงเหล็กรอบดี
จึงนำไปใช้ปรุงยา |
|||||
๒. การสะตุสารส้ม เอาสารส้ม
มาบดให้ละเอียดนำมาใส่หม้อดิน เอาตั้งไฟจนสารส้มละลายฟู ขาวดีแล้ว ยกลงจากไฟ
จึงนำไปใช้ ปรุงยาได้ |
|||||
๓.
การสะตุรงทอง เอารงทองมาบดให้ละเอียด แล้วห่อด้วยใบบัวหรือใบข่า
๗ ชั้น นำปิ้งไฟจนสุกกรอบดี จึงนำไปใช้ปรุงยาได้ |
|||||
๔. การสะตุมหาหิงคุ์
นำมหาหิงคุ์ มาใส่ภาชนะ ไว้ใช้ใบกะเพราแดง ใส่น้ำต้มจนเดือด เทน้ำกะเพราะแดง ต้มลง
ละลาย มหาหิงคุ์ แล้วนำมากรองให้สะอาด จึงนำไปใช้ปรุงยาได้ |
๕.
การสะตุดินสอพอง นำดินสอพองใส่หม้อดิน
ปิดฝายกขึ้นตั้งไฟ ให้นานพอสมควร จนเห็นว่าดินสอพองสุกดีแล้ว จึงนำไปใช้ปรุง
ยาได้ |
||||
๖. การสะตุน้ำประสานทอง เอาน้ำประสานทองใ่ส่หม้อดิน ตั้งไฟจนละลายฟูขาว ทั่วกันดีแล้ว จึงนำไปใช้ปรุงยาได้ |
||||
๗. การสะตุยาดำ นำเอายาดำใส่หม้อลงดิน เติมน้ำเล็กน้อย ยกขึ้นตั้งไฟ กรอบดีแล้ว จึงนำไปใช้ปรุงยาได้ |
||||
การประสะ คือการทำให้พิษของตัวยาอ่อนลงเช่นการประสะยางสลัดได หรือ หมายถึง ในยาขนานนั้นมีตัวยาหนึ่ง ขนาดเท่าตัวยาอื่น หนักรวมกัน เช่น ยาประสะไพล มีไพล จำนวนเท่าตัวยาอื่นทั้งหมด หนักรวมกัน การประสะยางสลัดได ยางตาตุ่ม ยางหัวเข้าค่า
มีวิธีการเหมือนกันทั้ง ๓ อย่างคือ
|
||||
การฆ่าฤทธิ์ของตัวยา
|
||||
๑.
การฆ่าสารหนู เอาสารหนูมาบดให้ละเอียดใส่ในฝาละมี
หรือหม้อดิน บีบน้ำมะนาว หรือน้ำมะกรูดใส่ไปให้ท่วมตัวยา
ตั้งไฟจนแห้ง ทำให้ได้ ๗-๘ ครั้ง จนกว่าสารหนูกรอบดีแล้ว จึงนำไปใช้ปรุงยาได้ |
||||
๒. การฆ่าปรอท
นำเอาทองแดง
ทองเหลือง หรือเงินใส่ไว้ในปรอท ให้ปรอทกินจนอิ่ม จึงนำไปใช้ปรุงยาได้ |
||||
๓. การฆ่าลูกสลอด มีหลายวิธีเช่น |
||||
วิธีที่
๑ เอาลูกสลอดห่อรวมกับข้าวเปลือก ใส่เกลือพอควร นำไปใส่หม้อดิน
ใส่น้ำลงตั้งไฟ ต้มจนข้าวเลือกบานทั่วกัน จึงเอา
ลุกสลอด มาล้างให้สะอาด ตากให้แห้ง จึงนำไปใช้ปรุงยาได้ วิธีที่ ๒ เอาลูกสลอดต้มกับใบมะขาม ๑ กำมือ ใบส้มป่อย ๑ กำมือ เมื่อสุกดีแล้ว จึงเอาเนื้อในลูกสลอด นำไปใช้ปรุงยาได้ |
||||
๔. การฆ่าชะมดเช็ด โดยหั่นหัวหอม หรือผิวมะกรูด ให้เป็นฝอยละเอียด ผสมกับชะมดเช็ด ใส่ลงในใบพลู หรือช้อนเงิน นำไปลน ไฟเทียน จนชะมดเช้ดละลาย จนหอมดีแล้ว จึงกรองเอาน้ำชะมดเช้ด นำไปใช้ปรุงยาได้
|
||||
(
จากหนังสือ คู่มือเภสัชกรรมแผนไทย งานแพทย์แผนไทย สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดเชียงใหม่
กรกฎาคม ๒๕๔๑ หน้า ๑๙๐-๑๙๓) |
||||