สำนักงานมูลนิธิสาธารณกุศลสถาน (เม่ง จิน เซี่ยง ตั๊ว) อ.โพธาราม จ.ราชบุรี 70120 0-3223-1038,0-3223-3733,0-3223-3433
หน้าแรก
:
อุปกรณ์ที่จำเป็น(งานกู้ภัย)
อุปกรณ์ที่จำเป็น(งานกู้ภัย)
ถังดับเพลิง
ไฟวับวาบจำเป็นต่อการออกเหตุฉุกเฉิน เป็นอย่างมาก เพราะการทำงานของเหตุฉุกเฉินนั้น สัญญาณไฟและเสียงไซเรนเป็นส่วน สำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะการขอเส้นทางจราจรนั้นหมายถึงชีวิตของผู้ประสบภัย หรือการไปยังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วนั้นแสดงถึงประ สิทธิภาพของทีมงาน
สัญญาณไฟวาบๆและชุดสัญญาณไซเรนหรือที่เราเรียกกันว่าหวอนั้น ปัจจุบันนอกจาก หน่วยงานของสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ใช้อุปกรณ์เหล่านี้แล้วยังมีหน่วยงานอื่นๆอีก ซึ่งเห็นความสำคัญของออุปกรณ์เหล่านีเพิ่มมากขึ้น ดังจะเห็น ได้จากการติดตั้งใช้งานของหน่วยงานต่างๆ เช่นหน่วยกู้ภัย หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ อาสาสมัครบรรเทาสาทารณภัย หน่วยอปพร. เป็นต้น
การเลือกใช้อุกกรณ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่ผู้ใช้ควรเห็นความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากสัญญาณไฟวาบๆ และ ชุดสัญญาณเสียงไซเรน ถูกจัดไว้ เป็นอุปกรณ์ฉุกเฉิน จะต้องใช้แสดงเป็นสัญญาณเพื่อความปลอดภัยที่ผู้มองเห็น หรือได้ยิน จะต้องใช้ความระ มัดระวังมากขึ้นเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันมี ผู้ผลิตอุปกรณ์เหล่านี้หลายแห่ง
รถยนต์สมัยนี้มักจะติดไฟสัญญาณแปลกๆ ซึ่งบางทีกฎหมายจราจรที่ค่อนข้างจะโบราณ ก็ไม่ได้กล่าวเอาไว้อย่าง ชัดเจนว่าอนุญาตให้ใช้สัญญาณอะไรบ้าง ทำให้หลายคนเลือกติดและใช้กันตามอำเภอใจ จนกลายเป็นธรรมเนียมที่หลายคนปฏิบัติต่อๆ กันมา
ความจริงแล้ว ไฟต่างๆ เหล่านี้เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งและในเรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนนถือว่า "สัญญาณ" นั้นเป็นภาษาของถนนซึ่งต้องเป็นสากล หมายความว่าไม่ว่าชนชาติใด พูดภาษาใด จะต้องฟังหรืออ่านภาษาของถนนอันเป็นสากลนี้เข้าใจ แจ่มชัดเหมือนกันหมด เป็นภาษาเดียวกัน
ไฟสัญญาณอันดับแรกที่กลายเ็ป็น ธรรมเนียมอันไม่เป็นสากล และน่าจะเกิดอันตรายก็คือ
ไฟหน้าใหญ่
ที่ผู้ขับขี่ยวด ยานชอบเปิดกัน แว็บๆ ให้หลายคนสงสัยว่ามันหมายความว่าอะไรกันแน่
ในประเทศไทยเรานั้น แปลกันเองได้ความว่า "เอ็งอย่ามาข้าจะไป"
หรือ
"ผมไปก่อนนะ"
หรือ
"อั๊วะใหญ่กว่าไปก่อน"
อะไรทำนองนั้น ก็พอจะเข้าใจกันในประเทศไทยเราว่าหมายความว่าอย่างนั้น ธรรมเนียมนี้ก็ค่อยๆ วิวัฒนาการขึ้นเรื่อยๆ จนบัดนี้บนท้องถนนหลวงเข้า ใจกันได้อีกความหมายหนึ่งว่า เมื่อรถที่วิ่งสวนมาบนถนนหลวงให้สัญญาณไฟหน้า แว็บๆ ล่ะก็ ให้เตรียมระวังอย่าขับเร็วเกินกฎหมายกำหนด อย่าเดิน รถในช่องขวา อย่าแซงซ้าย ฯลฯ เพราะข้างหน้ามีหน่วยตำรวจทางหลวงคอยดักจับอยู่ สัญญาณนี้เลยกลายเป็นสัญญาณประสานสามัคคีกันในหมู่ผู้ใช้ รถบนถนนหลวงไปอีกความหมายหนึ่ง
ส่วนในต่างประเทศบางแห่ง เช่น ในยุโรปและประเทศอังกฤษ ไฟแว็บหน้าที่เปิดกันแว็บๆ นั้น สัญญาณนี้แปลได้ว่า
"เชิญคุณไปได้ ผมให้ทางคุณ"
ดังนั้น พวกฝรั่งพวกนี้มาขับรถในเมืองไทยเห็นพี่ไทยเปิดไฟให้แว็บๆก็นึกว่าเหมือนบ้านตัวเองก็ออกพรวดไปเลยจึง มักจะถูกชนซี่โครงหักไปหลายราย นี่ก็คืออันตรายอีกอย่างหนึ่งที่เป็นภาษาสากล แต่อ่านแปลให้ผิดเพี้ยนไปตามวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น แต่ละประ เทศ
ที่จริงแล้วไฟแว็บๆ จากไฟหน้าใหญ่นี้ใช้ทำอะไร และในภาษาสากลหมายความว่าอย่างไร
ไฟแว็บหน้าใหญ่นั้น จริงๆ แล้วแปลว่า
"ระวัง"
หรือ
"ผมอยู่ตรงนี้"
เพื่อเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนได้ระมัดระวังว่ามี รถอีกคันอยู่ตรงนี้ หรืออีกนัยหนึ่งสัญญาณนี้ใช้แทนสัญญาณแตร ในกรณีที่ใช้แตรไม่ได้ เช่นในเวลากลางคืน กฎหมายห้ามใช้แตร หรือในสถานที่ที่มี เครื่องหมายห้ามให้แตร เพราะจะรบกวนบุคคลอื่น เช่นโรงพยาบาล โรงเรียน สถายที่ราชการ หรือกรณีที่เป็นกลางวัน จะใช้เตือนรถที่หันหน้าเข้าหา ใช้ ไฟแว็บเตือนให้ระวังจะดีกว่าเสียงแตร เพราะแสงนั้นเดินทางได้เร็วกว่าเสียงหลายเท่าตัวนัก
นอกจากนั้น ยังมีสัญญาณไฟฉุกเฉินที่วัฒนธรรมผันแปร จนเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตในทางหลวงหลายรายแล้ว คือสัญญาณไฟฉุกเฉินนั่นเอง รถสมัยนี้จะติดมาให้ทุกคันเป็นสัญญาณไฟเหลืองกระพริบทั้งหน้าหลังซ้ายขวารวม 4 ด้าน ตามวัฒนธรรมบ้านเรา หาก รถถูกลากจูงก็จะเปิดไฟฉุกเฉินทันที หรือถ้าผ่านสี่แยกจะไปทางตรงส่วนใหญ่ก็จะเปิดไฟฉุกเฉินทันที จุดนี้สร้างอันตรายอย่างมากบนทางหลวง เพราะ การให้สัญญาณที่ผิดและไม่เป็นสากล คือผู้ที่สวนทาง หรือผู้ที่ตามหลัง คงจะเดาได้ว่ารถคันที่ให้สัญญาณนี้คงจะไปตรงแต่รถที่ผ่านสี่แยกทางด้านข้าง จะอ่านสัญญาณที่ผิดทันทีเพราะจะเห็นสัญญาณเพียงด้านข้าง ข้างหนึ่งข้างใดแค่เพียงด้านเดียว ทำให้เข้าใจว่ารถคันที่ให้สัญญาณฉุกเฉินนี้จะเลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา แล้วแต่รถคู่กรณีจะอยู่ทางใด เมื่ออ่านผิด รถคันที่อ่านผิดก็จะออกรถไปในทางตรงทันที ก็เกิดชนกันกลางสี่แยกถึงบาดเจ็บล้มตายไป มาก จึงขอให้นักขับรถทั้งหลาย พึงระวังในการใช้ไฟสัญญาณฉุกเฉินนี้ให้มาก
ไฟสัญญาณฉุกเฉินนี้ใช้อย่างไรจึงจะถูกต้อง ชื่อก็บอกว่าเกิดเหตุฉุกเฉิน คือหมายความว่า รถคันเกิดเหตุนั้นไปไม่ได้ เพื่อให้รถคันอื่นๆ ทราบว่ารถเราเสียไปไม่ได้ต้องจอดขวางทางอยู่ หรือต้องจอดอยู่เฉยๆ หรือรอความช่วยเหลือ หรือจอดเพื่อดูแลซ่อมแซมอยู่ก็เปิด ไฟฉุกเฉินไว้เพื่อให้รถคันอื่นได้รับทราบ หรือขณะที่ขับอยู่บนถนนหลวงมีเหตุที่ต้องจอด เพราะมีสิ่งกีดขวางถนนอยู่จนไม่สามารถเลื่อนรถได้ ก็ให้เปิด ไฟฉุกเฉินนั้น เพื่อให้รถตามหลังมาทราบว่าขณะนี้รถเราจอดอยู่นิ่งๆ บนท้องถนน ความปลอดภัยก็จะเกิดขึ้นแก่ตัวเราผู้ขับขี่ และแก่บุคคลอื่นที่ตามเรา มา จะได้อ่านสัญญาณนี้ออกเป็นภาษาเดียวกัน
กล่าวโดยสรุปก็คือ ไฟสัญญาณฉุกเฉินนี้ จะใช้ต่อเมื่อรถนั้นได้จอดอยู่กับที่เท่านั้น ห้ามไปใช้วิ่งบนท้องถนนแล้วเปิด ไฟฉุกเฉิน บางกรณีที่เห็นบ่อยๆ ก็คือ เมื่อรับคนเจ็บป่วยต้องการรีบนำไปส่งโรงพยาบาล ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เปิดไฟฉุกเฉินแล้ววิ่ง เพื่อจะได้ถึง โรงพยาบาลเร็วๆ แต่มักปรากฏว่าทั้งคนขับคนเจ็บและญาติ ไม่ค่อยจะถึงโรงพยาบาลส่วนมากจะถึงเพียงสี่แยกใดสี่แยกหนึ่งเท่านั้น
ขับรถหากระมัดระวัง ใช้กฎแห่งความปลอดภัยโดยถูกต้อง ทั้งเทคนิคการขับและสัญญาณให้เป็นสากลโดยแท้ ท่านก็ จะเป็นผู้ขับรถอย่างปลอดภัยตลอดไป