เทคนิคเรียนเก่ง 

 

 

 

เริ่มต้นที่ชั้นเรียน เพื่อให้เรียนรู้อย่างได้ผลที่สุดในชั้นเรียนคุณควรเตรียมตัวดังนี้

        เตรียมรายละเอียดหัวข้อวิชาที่กำลังเรียนไว้ให้พร้อม

        อ่านบทเรียนก่อนเข้าชั้น

        เมื่ออยู่ในชั้นให้ตั้งใจฟังประเด็นสำคัญ ข้อโต้แย้งหลักสูตรและตัวอย่างแบบฝึกหัดที่สำคัญต่าง ๆ

        หลังเลิกเรียนแล้วให้ทำบันทึกย่อจากคำบรรยายและบทเรียนในหนังสือ

 

 

การเตรียมตัว การเรียนรู้ทุกอย่างต้องการการเตรียมตัวที่ดี คุณควรเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับชั้นเรียนโดย

        จัดหารายละเอียดหัวข้อวิชาสำหรับอ้างอิงก่อนเข้าชั้นเรียนในแต่ละวิชา

        อ่านหนังสือส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนเข้าเรียนแต่ละครั้งให้คุ้นเคยกับบทเรียนยิ่งขึ้น

        เขียนคำถามที่คิดว่าสำคัญต่อการทำความเข้าใจในหัวข้อเรื่องที่กำลังเรียนอยู่ จากนั้นพยายามหาคำตอบขณะเข้าชั้นเรียนในวิชานั้น

        เปิดแฟ้มสำหรับเก็บข้อมูลสำคัญ ๆ ในแต่ละหัวข้อ (เช่น หัวข้อโดยสังเขป บันทึก คำบรรยาย หนังสืออ้างอิง สรุปประเด็นสำคัญ ฯลฯ)

 

 

สมาธิ คุณจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยหากไม่มีสมาธิ สมาธิที่ว่านี้หมายความถึงการตั้งใจฟังในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบทเรียนเพื่อจะได้เกิดการเรียนรู้ คุณสามารถเพิ่มพูนสมาธิได้โดย

        จูงใจตัวเองว่าคุณสามารถเรียนได้ดีในวิชานั้น ๆ

        พุ่งความสนใจของตัวเองไปในเรื่องนั้น 

        เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับบทเรียนนั้น

        นั่งให้ห่างจากสิ่งรบกวนสมาธิ เช่น เพื่อนที่ชอบชวนคุย วิทยุและโทรทัศน์

        มีส่วนร่วมในบทเรียน การบรรยายหรือขณะอ่าน เช่น จดคำบรรยาย สรุปเนื้อหาของบทเรียน หรือพยายามรวบยอดความคิดการบรรยายในชั้นเรียนหรือบางบทของเนื้อหาในหนังสือให้เป็นแผนภูมิหรือแผนภาพ

        ทดสอบตัวเองเป็นระยะ ๆ ว่าสามารถจำความคิดหลักที่เพิ่งฟังจากการบรรยายในชั้นเรียนหรือจากหนังสือที่เพิ่งอ่านได้หรือไม่ 

 

 

การสรุปย่อรายวิชา

        ใช้เอกสารการจัดระเบียบความคิดหลักล่วงหน้า เพื่อให้ได้ภาพรวมของหัวข้อเรื่องและคำถามหลักของแต่ละบทเรียน

        ใช้เอกสารเหล่านี้เป็นตัวช่วยทบทวนอย่างรวดเร็วหรือช่วยฟื้นความจำ (แต่ควรใช้สมุดจดบันทึกคำบรรยายอื่น ๆ ประกอบด้วย)

        อย่าใช้เอกสารเหล่านี้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับศึกษาวิชานั้น ๆ เพียงอย่างเดียว เนื่องจากเอกสารประเภทนี้ไม่สามารถใช้ทดแทนการอ่านตำราหรือเนื้อเรื่องฉบับเต็มได้อย่างแท้จริง

 

 

ผู้สอน  ผู้สอนเป็นส่วนจำเป็นยิ่งส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ แต่บ่อยครั้งที่คุณไม่มีโอกาสได้เลือกผู้สอน จึงจำเป็นต้องทนเรียนรู้กับผู้สอนประจำวิชาบังคับอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ คำถามที่น่าคิดก็คือ ถ้าไม่ได้เรียนกับผู้สอนในอุดมคติ คุณจะทำอย่างไรให้เกิดผลดีกับตัวเองมากที่สุด

        เรียนให้หนักยิ่งขึ้น การเตรียมตัวเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งหากได้ผู้สอนที่ไม่ชำนาญการสอน คุณต้องตั้งใจฟังและเข้าชั้นเรียนให้มากยิ่งขึ้น

        ขอยืมสมุดจดบันทึกคำบรรยาย เอกสารประกอบการบรรยายจากชั้นอื่น ๆ ที่มีผู้สอนที่ดีกว่า

        พยายามทำให้ผู้สอนของคุณดีขึ้นด้วยพฤติกรรมของคุณเอง เพราะผู้สอนส่วนใหญ่จะใช้ความพยายามมากขึ้นสำหรับผู้เรียนที่ดี

        คุณควรขอบคุณผู้สอนหลังการบรรยายสรุปหรือสาธิตพิเศษในชั่วโมงสุดท้ายของชั้นเรียนตามสมควร

        คุณควรตั้งคำถามในชั้นเรียนเพื่อแสดงความสนใจในวิชาที่เรียน (โดยไม่ทำตัวโดดเด่นจากเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน)

        ลองถามผู้สอนเกี่ยวกับงานพิเศษหรือรายชื่อเอกสารอ้างอิงเพิ่มเติม (แต่ควรระวังว่าผู้สอนที่ด้อยคุณภาพอาจไม่ชอบทำงานพิเศษเท่าใดนัก)

        หาผู้สอนหรือติวพิเศษในวิชาที่เรียน

 

 

งานที่ได้รับมอบหมาย วิชาส่วนใหญ่มักมีการมอบหมายงานให้ผู้เรียนทำเป็นการบ้านเนื่องจากการเรียนการสอนในแต่ละวิชาไม่สามารถครอบคลุมรายละเอียดหัวข้อวิชาทั้งหมดได้ในชั้นเรียน

        คุณควรใส่ใจว่างานที่ได้รับมอบหมายแต่ละชิ้นมีคะแนนเท่าไรและจะมีผลกระทบต่อคะแนนสอบไล่มากเพียงไร เพื่อจะได้ตัดสินใจได้ถูกต้องว่าจะใช้เวลามากน้อยหรือต้องทำงานหนักเพียงไรในการทำงานชิ้นนั้น จะไม่คุ้มค่าหากคุณใช้เวลาเป็นวัน ๆ กับงานที่มีคะแนนเพียงไม่กี่คะแนนและยังมีงานชิ้นอื่น ๆ ต้องทำอีกมาก วางแผนว่าคุณจะทำงานที่ได้รับมอบหมายแต่ละชิ้นเมื่อไร (ไม่ใช่ในนาทีสุดท้าย) โดย

        จดรายการขั้นตอนต่าง ๆ ที่คุณต้องทำสำหรับงานที่ได้รับมอบหมายแต่ละชิ้นและประเมินเวลาที่ต้องใช้สำหรับแต่ละขั้นตอน คุณควรซื่อสัตย์กับตัวเองและยอมรับความจริงว่างานส่วนใหญ่มักใช้เวลามากกว่าที่คาดไว้ คุณอาจต้องไปห้องสมุดเพื่อค้นคว้าเนื้อหาหัวข้อวิชาที่จะทำ หรือต้องปรึกษาหารือกับเพื่อน หรือต้องนำสมุดจดบันทึกคำบรรยายมาสรุปประเด็นใหม่อีกครั้งหนึ่งเพื่อจัดระเบียบความคิดให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น จากนั้นก็ทำร่างหัวข้อเนื้อหาอย่างคร่าว ๆ ก่อนจะนำเสนอเป็นรายงานตัวจริง หากงานที่ต้องนำเสนอนั้นมีลักษณะพิเศษกว่างานทั่วไป คุณควรเผื่อเวลาให้มากกว่าเดิมด้วย

        เริ่มทำงานจากวันที่ถึงกำหนดส่งย้อนมาข้างหน้าตามหมายกำหนดการที่จดไว้ในสมุดบันทึกประจำวันของคุณ ตัดสินใจให้ดีว่าคุณจะลงมือทำงานชิ้นใดท่ามกลางงานอื่น ๆ ที่มีอยู่

        ทำตามแผนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด (นี่เป็นขั้นตอนที่ทำได้ยากที่สุด)

 

 

บันทึกประจำวัน คุณจะต้องมีสมุดบันทึกประจำวันและใช้มันให้เกิดประโยชน์เต็มที่ ต่อไปนี้เป็นข้อแนะนำการใช้สมุดบันทึกประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพ 

        จดบันทึกการนัดหมาย กิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญต่อการศึกษาโดยเร็ว (เช่น ต้นปีการศึกษาหรือทันทีที่ทราบ) วันสำคัญเป็นพิเศษ ได้แก่ วันสอบ วันไปทัศนศึกษานอกสถานที่ และวันไปพบปะญาติพี่น้องในครอบครัวซึ่งคุณต้องไปร่วมด้วย

        จดบันทึกวันที่ต้องส่งงานที่ได้รับมอบหมายรวมทั้งวันที่ได้รับ เพื่อจะได้วางแผนว่าจะทำงานแต่ละอย่างให้เสร็จสิ้นเมื่อใด ทำรายการกิจกรรมที่ต้องทำให้สำเร็จ จากนั้นก็เขียนเวลาที่ต้องใช้ในการทำกิจกรรมเหล่านั้น เช่น เวลาที่ต้องไปห้องสมุด เขียนร่างรายงาน อ่านสมุดจดคำบรรยายและอื่น ๆ

        สมุดบันทึกประจำวันมักมีตารางสำหรับวางแผนล่วงหน้าตลอดปีที่ส่วนหน้า คุณควรจดบันทึกวันหยุดพักผ่อน วันสอบธรรมดา วันสอบไล่ ฯลฯ ไว้ให้ครบถ้วน คุณจะวางแผนได้ดีขึ้นหากมีแผนที่ระบุกิจกรรมทั้งปีล่วงหน้า การทำเช่นนี้จะช่วยให้หลอกตัวเองได้ยากขึ้นว่ายังมีเวลาอีกมากพอที่จะไปทำกิจกรรมอื่น

        ใช้สมุดบันทึกประจำวันเก็บข้อมูลข่าวสารย่อ ๆ ที่สำคัญ เช่น ผลการทดสอบและงานที่ได้รับมอบหมาย เมื่อมีการสอบหรือประเมินการเรียนเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง วิธีนี้จะช่วยให้ทราบว่าคุณต้องทำคะแนนที่เหลือให้ได้อีกเท่าไรในแต่ละวิชา เพื่อให้ได้ระดับที่ต้องการเมื่อใกล้สิ้นสุดปีการศึกษา นอกจากนี้ยังช่วยให้ทราบว่าตัวเองใช้เวลาหมดไปเท่าไรกับการทำการบ้านหรือทบทวนบทเรียน (เวลาที่ใช้ทบทวนตำราควรเพิ่มมากขึ้นตลอดปี) และเพื่อทดสอบติดตามประเมินผลว่าคุณกำลังจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้แต่ต้นปีสำหรับกิจกรรมนี้

 

 

การใช้แผ่นการ์ดช่วยจำ  แผ่นการ์ดช่วยจำเป็นการ์ดเล็ก ๆ พร้อมคำจดบันทึกสั้น ๆ ที่เขียนอยู่ในนั้น คุณอาจเคยเห็นผู้เรียนใช้แผ่นการ์ดที่ว่านี้ขณะโต้วาที หรือคุณอาจเคยใช้มันมาก่อนในวิชาการอ่านก็ได้ 

        เขียนข้อความสำคัญที่ต้องจำลงในแผ่นการ์ดเล็ก ๆ และใช้ทบทวนความจำในช่วงเวลาว่าง ๆ เช่น ขณะเดินทางไปโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย หรือช่วงรับประทานอาหารกลางวัน คุณสามารถเก็บการ์ดเหล่านี้ไว้ในกระเป๋ากระโปรงหรือกางเกงเพื่อนำมาทบทวนได้เสมอ แต่ควรจำไว้ว่าการทบทวนห้านาทีในหนึ่งอาทิตย์จะได้ผลดีกว่าการทบทวนสิบห้านาทีในเวลาสามอาทิตย์

        ทดลองบันทึกข้อความในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เขียนสูตรต่าง ๆ ที่ส่วนหน้าของการ์ดและตัวอย่างต่าง ๆ ที่ส่วนหลัง เขียนความคิดหลักต่าง ๆ ที่ส่วนหน้าของการ์ดและรายละเอียดสนับสนุนต่าง ๆ ที่ด้านหลัง เป็นต้น

 

 

การเน้นสาระสำคัญ 

        เป็นการทำเครื่องหมายจุดสำคัญ ๆ ในหนังสือเรียนให้เด่นชัดน่าสนใจยิ่งขึ้น โดยแทนที่จะเน้นความสำคัญด้วยเครื่องหมายต่าง ๆ บนเนื้อเรื่องที่เห็นว่าสำคัญด้วยวิธีทั่วไป คุณควรใช้สีที่แตกต่างสำหรับประเด็นหลักและประเด็นรอง ใช้เครื่องหมายสี่เหลี่ยมสำหรับเน้นประเด็นหลักที่สำคัญมาก และวงกลมสำหรับประเด็นรองที่ให้รายละเอียดสนับสนุนประเด็นหลัก หากคุณเน้นสาระสำคัญสิ่งต่าง ๆ มากกว่าครึ่งหนึ่งของสิ่งที่อ่าน แสดงให้เห็นว่าคุณยังไม่ได้เลือกสรรกลั่นกรองมากพอ วิธีปรับปรุงก็คือลองตรวจสอบดูว่าคุณไม่ได้เน้นเนื้อหาอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ประเด็นหลัก

 

 

การบ้าน 

        การบ้านเป็นงานที่ต้องทำ (เช่น การอ่าน การทำแบบฝึกหัด การศึกษาตัวอย่างข้อสอบเก่า การทำงานที่ได้รับมอบหมาย ฯลฯ) ซึ่งกำหนดโดยผู้สอนและใช้เวลาทำนอกชั้นเรียน แต่ไม่จำเป็นต้องทำที่บ้าน ควรทำในช่วงเวลาที่ว่างจากการเข้าห้องเรียน เช่น ในห้องสมุดหรือแม้แต่ในรถประจำทาง (หากคุณมีที่นั่งและสมาธิดีพอ) คุณควรบันทึกงานเหล่านี้ลงในสมุดบันทึกประจำวันอย่างระมัดระวังและควรทำให้เสร็จภายในวันเวลาที่กำหนดแม้บางครั้งผู้สอนอาจไม่ได้นำมาใช้คะแนนก็ตาม เพราะงานเหล่านี้มักสำคัญสำหรับวิชานั้น ๆ ผู้เรียนที่ดีมักขยันมากกว่าเพียงทำการบ้านต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในวิชาเรียนเท่านั้น งานสำคัญอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่การบ้านที่คุณอาจทำเองในยามว่างที่บ้าน ได้แก่ การเตรียมบทเรียน การทบทวน การศึกษาและเรียนรู้เพิ่มเติม (เช่น การพยายามจำประเด็นสำคัญ) ข้อสำคัญที่ควรตระหนักก็คือการทำการบ้านให้เสร็จวันต่อวันนั้นไม่เพียงพอต่อการเรียนให้ได้ดี

 

 

เทคนิคความจำ 

        ข้อมูลข่าวสารบางอย่างต้องเรียนรู้ในลักษณะความเป็นจริงที่ไม่ต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดในสถาบันการศึกษามักกระทำเป็นขบวนการหรือเกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ความจำระยะสั้นของเราสามารถจำข้อมูลข่าวสารได้ประมาณห้าถึงเจ็ดอย่างก่อนที่จะเริ่มจำไม่ได้ ข้อจำกัดนี้จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อต้องเรียนรู้สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเป็นจำนวนมาก เช่น ศัพท์ภาษาต่างประเทศ ตารางธาตุ คำพูดของบุคคลสำคัญ ขั้นตอนต่าง ๆ ของย่อความ สาเหตุของการปฏิวัติในรัสเซีย ทฤษฎีของ Freud เป็นต้น มีเทคนิคความจำที่จะช่วยเอาชนะข้อจำกัดเหล่านี้ที่ได้ผลหลายอย่าง เช่น

        สถานที่ เทคนิคนี้เกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงสิ่งที่ต้องจำกับสถานที่ที่รู้จักดี เช่น ในห้องนอนคุณอาจใช้ความนึกคิดติดตารางธาตุยี่สิบตัวแรกไว้ในสถานที่ที่แตกต่างกัน จากนั้นก็พยายามจำข้อมูลเหล่านั้นด้วยการใช้ความนึกคิดเคลื่อนไปรอบสถานที่นั้น ๆ เช่น เตียงนอน ขั้นบันไดแต่ละขั้น หลังประตู ใต้หมอน และอื่น ๆ ขณะวางข้อมูลข่าวสารแต่ละชิ้นในสถานที่พิเศษแต่ละแห่ง ใช้เวลานึกถึงความจริงต่าง ๆ ในสถานที่เหล่านั้นบ่อย ๆ หากรู้สึกผ่อนคลายและขณะนั้นปราศจากเสียงรบกวนใด ๆ คุณจะพบว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลดี

        อักษรนำ เป็นเทคนิคที่ใช้ตัวอักษรตัวแรกของประโยคมาช่วยเตือนความจำ เช่น SOHCAHTOA สำหรับวิชาตรีโกณมิติ หรือ ROY G BIV สำหรับการจำลำดับสีต่าง ๆ ของสเปกตรัม

        คำคล้องจอง เป็นวิธีเชื่อมข้อมูลข่าวสารที่ต้องการจำเข้ากับคำที่ออกเสียงคล้องจองกันเหมือนวิธีสอนเด็ก ๆ ในสถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก (เช่น หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง สองบวกสองเป็นสี่ ฯลฯ)

        โซ่จินตนาการ เป็นการโยงสิ่งที่ต้องการเรียนรู้เข้ากับจินตนาการที่จำได้ง่าย กฎสำคัญสำหรับวิธีนี้คือยิ่งโยงเข้ากับเรื่องตลกขบขันหรือพิสดารมากเท่าไรก็ยิ่งดี เช่น ในการจำสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คุณอาจนึกถึงภาพปืนใหญ่ยิงกระสุนใส่กัน แต่ทำไมไม่ลองนึกถึงภาพสัญลักษณ์ที่จำได้ง่ายยิ่งขึ้นแทนละ เช่น คุณอาจวดภาพลาแทนกลุ่มพันธมิตร และภาพกากบาทดำแทนลัทธิชาตินิยม (หรือคลั่งชาติ) จากนั้นก็นึกถึงบุคคลสำคัญในเหตุการณ์ เช่น Archduke Ferdinand (โอรสองค์จักรพรรดิ์แห่งออสเตรเลีย) กำลังขี่ลา ซึ่งบนอานบรรทุกหอกดาบเต็มไปหมดอันเป็นสัญลักษณ์แทนกำลังทหารเหล่าทัพต่าง ๆ เป็นต้น วิธีนี้จะทำให้นึกถึงภาพเหตุการณ์นี้พร้อมรายละเอียดและเขียนคำตอบลงในสมุดคำตอบระหว่างสอบได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

 

 

การสอบ การสอบเป็นรูปแบบหนึ่งที่ใช้กันมากที่สุดในการประเมินผลการเรียนอย่างเป็นทางการ เพื่อทำข้อสอบได้ดีคุณจำเป็นต้อง

        จำเนื้อหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ดี โดยพยายามสร้างสมความเชี่ยวชาญในวิชาที่เรียนอยู่ด้วยการเรียนรู้ว่าอะไรเป็นกฎหรือเนื้อหาที่สำคัญ จากนั้นก็พยายามจำด้วยเทคนิคการจำหรือฝึกหัดทำตัวอย่างต่าง ๆ 

        พยายามควบคุมความตื่นเน้นวิตกกังวลให้อยู่ในระดับพอดี

        ใช้เทคนิคการสอบที่ดีด้วยการฝึกหัดให้ช่ำชองก่อนสอบจริง ๆ ซึ่งทำได้ดังนี้

        วางแผนเรื่องเวลาให้ดี โดยปรับให้เหมาะสมกับจำนวนคะแนนที่คำถามกำหนดให้สำหรับคำถามย่อยต่าง ๆ ในข้อสอบ โดยทั่วไปควรใช้เวลากับข้อที่มีคะแนนมากที่สุดให้นานที่สุด อย่างไรก็ดีบางครั้งคุณสามารถทำคะแนนได้ง่ายและรวดเร็วหากมีความสนใจและชำนาญในบางวิชาหรือบางหัวข้อเป็นพิเศษ

        อ่านดูให้ดีว่าคำถามแต่ละหัวข้อให้คะแนนเต็มเท่าไร สำหรับคำถามที่ต้องการคำตอบสั้น ๆ คะแนนมักจะให้กับคำตอบที่เสนอประเด็นใหม่ ๆ เช่น ในส่วนทดสอบความเข้าใจในเนื้อหาสิ่งที่อ่าน ควรตอบอย่างน้อยสองประเด็น สำหรับคำถามที่ให้คะแนนสองคะแนน กฎง่าย ๆ ก็คือควรเขียนอย่างน้อยหนึ่งประเด็นสำหรับแต่ละหนึ่งคะแนนของคำถาม

 

 

การเดา  

        คุณอาจใช้วิธีเดาได้หากข้อสอบนั้นเป็นแบบปรนัยและไม่คิดเป็นคะแนนติดลบในข้อที่ตอบผิด หากมีคำตอบให้เลือก 4 ข้อก็แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสตอบถูก 25 เปอร์เซ็นต์ หากมีความรู้เกี่ยวกับหัวข้อนั้นบ้างและพอทราบได้ว่าคำตอบข้อใดไม่ถูกต้อง คุณมีโอกาสตอบถูกในเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นอีก

        ในกรณีที่มีคะแนนติดลบสำหรับการเดาหรือการเขียนคำตอบในเรียงความโดยไม่ทราบข้อมูลอย่างแท้จริง ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการเดาเพราะคุณอาจได้คะแนนน้อยลงไปอีก

 

 

คืนก่อนสอบ 

        การพยายามอ่านหนังสือแบบยัดทะยานในนาที่สุดท้ายก่อนสอบไม่เคยให้ผลดี และอาจให้ผลร้ายยิ่งขึ้นเพราะเป็นการเตือนให้ทราบว่ายังไม่รู้เกี่ยวกับอะไรบ้าง ทำให้เกิดความวิตกกังวลเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าอ่อนเพลียเนื่องจากนั่งนานเกนิไปหรือเข้านอนดึกเกินไปก็ได้

        เป็นการดีที่สุดหากทบทวนการเรียนอย่างสม่ำเสมอจนเป็นกิจวัตรประจำวันและเข้านอนในเวลาปกติรวมทั้งรับประทานอาหารเช่นเคยทุกวัน และพยายามเลี่ยงสิ่งที่มีผลกระทบต่อระบบประสาท เช่น แอลกอฮอล์หรือกาแฟ พยายามหลีกเลี่ยงอาหารบางอย่างที่มีผลต่อกระเพาะอาหาร (เช่นแกงเผ็ด) เพราะอาจทำให้คุณต้องไปเสียเวลาที่มีค่ายิ่งในห้องสุขา ควรพยายามหลีกลี้จากสิ่งที่กระทบกระเทือนอารมณ์ด้วยเช่นกัน อาจเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับคนรักในเรื่องขัดแย้งบางอย่างจนกว่าจะสอบเสร็จ เพื่อให้จิตใจสงบและมีสมาธิอย่างเต็มที่ในวันสอบ

 

 

การอ่านข้อสอบก่อนตอบ

        ผู้คุมสอบบางท่านอนุญาตให้อ่านคำถามทั้งหมดก่อนเริ่มลงมือทำ ช่วงเวลาที่ว่านี้มีค่าอย่างยิ่งเพราะทำให้มีโอกาสเลือกได้ว่าจะตอบคำถามอะไรและทำข้อไหนก่อน วิธีง่าย ๆ ก็คือทำข้อที่ง่ายที่สุดก่อน (นั่นก็คือข้อที่คุณมีความรู้ความเข้าใจมากที่สุด) นี่เป็นการอุ่นเครื่องและทำให้เก็บคะแนนให้ได้มากที่สุดก่อนจะลงมือตอบคำถามอื่น ๆ ซึ่งอาจต้องใช้เวลามากขึ้นและไม่มีเวลาพอในช่วงท้าย ๆ ของการสอบ เมื่อได้รับอนุญาตให้เริ่มทำข้อสอบได้ ให้รีบเขียนแผนการตอบข้อสอบนี้ทันทีเพื่อกันลืม

 

 

การคลายเครียดหลังสอบเสร็จ

        มักมีการฉลองอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอหลังสอบเสร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคร่ำเคร่งดูหนังสืออย่างหนักมาก่อนตลอดภาค ผู้เรียนประเภทนี้อาจไม่รู้ว่าจะจัดการเวลาว่างที่เหลือหลังสอบได้อย่างไร นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมนักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่มักจะวางแผนไปเที่ยวทันทีเมื่อสอบเสร็จ เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานที่และกิจวัตรประจำวันหลังการสอบยังเป็นช่วงเวลาแห่งการ "ระบายไอร้อน" (หรือในบางกรณี "ปล่อยผี") อีกด้วย อาจมีการจัดปาร์ตี้เพื่อสนุกสนานกันอย่างสุดเหวี่ยง

        ยังมีวิธี "คลายเครียด" อื่น ๆ หลังสอบอีกหลายอย่างที่ไม่สิ้นเปลืองหรือเสี่ยงอันตราย คุณอาจวางแผนทำกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ เช่น อ่านหนังสือที่เคยอยากอ่านมาก่อนแต่ไม่มีเวลาได้อ่านสักที เริ่มท่าบริหารร่างกายหรือเล่นกีฬาใหม่ ๆ ที่อาจต้องใช้เวลานาน ทำอะไรดี ๆ สำหรับคนอื่นบ้าง การได้ช่วยเหลือผู้อื่นบ้างจะช่วยให้คุณกลับไปสู่ชีวิตประจำวันปกติอีกครั้งหนึ่ง เช่น การช่วยทำงานบ้างบางอย่างเป็นพิเศษ การได้ทำอะไรให้แก่ครอบครัวบ้างเป็นการบอกกล่าวว่าคุณรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณครอบครัวเพียงไรที่ได้อดทนและให้ความเกื้อกูลต่อคุณเป็นอย่างดีระหว่างที่กำลังสอบอยู่

 

 

 

 

 

 

l กลับสู่หน้าแรก Star Variety

 


FastCounter by bCentral