การฆ่าตัวตายและการพยายามฆ่าตัวตาย  


มาตรการการป้องกัน นั้น จะต้องมุ่งความสนใจว่า เหตุใดคนจำนวนมากจึงไม่ สามารถที่จะปรับตัวรับความกดดันในชีวิตประจำวันได้ เสถียรภาพของความสันพันธ์ทางสังคม และความบริบูรณ์ในเจตคติทางวัฒนธรรมที่มีต่อปัญหาด้านอารมณ์เป็นสิ่งจำเป็น

พฤติกรรมการฆ่าตัวตายมักเกี่ยวข้องกับสภาพจิตใจของแต่ละบุคคล ซึ่งไม่สามารถปรับรับ สภาพการดำเนินชีวิตของตนได้ จากการศึกษาในเรื่องนี้ พบว่า สังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม มี ความเกี่ยวข้องต่อการตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายของบุคคลนั้น ๆ มาก

การฆ่าตัวตาย หมายถึง การกระทำโดยเจตนาที่จะจบชีวิตของตนเพื่อหนีสภาวะ บางอย่างที่บุคคลนั้นทนทุกข์ทรมานอยู่ เช่น ความเจ็บปวด เหงา สำนึกผิด สูญเสีย โรคภัย เศร้าซึม ความรุนแรง และความยากจน ส่วนใหญ่จะมีสภาพจิตใจที่ห่อเหี่ยว ผิดหวังกับคุณภาพชีวิตของตน และประมาณ 60% เป็นคนที่เคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน

การพยายามฆ่าตัวตาย หมายถึง การกระทำโดยเจตนาจะจบชีวิตเพื่อหนี หรือ เปลี่ยนสภาพการดำเนินชีวิตที่ทุกข์ทรมานของตนแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ คนที่พยายามจะฆ่าตัวตายนั้นเขา ต้องการจะจบชีวิต และต้องการความช่วยเหลือด้วย ฉะนั้นความหมายที่ชัดเจนด้านสังคมของการ พยายามฆ่าตัวตาย คือ "การร้องขอความช่วยเหลือเพราะไม่สามารถที่จะรับสภาพที่ทุกข์ทรมานต่อไปได้ อีกแล้ว" คนที่พยายามฆ่าตัวตายนั้น ประมาณ 40% จะพยายามกระทำอีก และ 10% จะตายจาก การฆ่าตัวตาย ทุกอย่างต้องมีสาเหตุ

ผู้มีพฤติกรรมฆ่าตัวตายนั้น จะต้องมีบางสิ่งในขั้นพื้นฐานผิดปกติ จะเป็นที่ตัวบุคคลหรือ สถานการณ์ที่คนนั้นอยู่หรือทั้งสองประการก็ได้ ส่วนใหญ่คนที่ฆ่าตัวตายจะมีปัญหาด้านอารมณ์ จิตใจ เป็นเวลายาวนาน เช่น ซึมเศร้า กังวล เหงา สำนึกผิด มีปัญหากับญาติ ว่างงาน หรือเกี่ยวข้องกับ สิ่งเสพติด เป็นต้น และยังได้รับการรักษาทางจิต เป็นคนไข้นอกหรือคนไข้ในของแผนกจิตเวช ดังนั้น การทำความเข้าใจเรื่องนี้ต้องพิจารณาถึงบุคลิกภาพของแต่ละคน ความสามารถในการปรับตัว การ สนับสนุนทางสังคม และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของบุคคลนั้น ๆ นอกจากนี้สภาพทางสังคม เช่น ชีวิตในปฐมวัยมักมาจากครอบครัวแตกแยก หย่าร้าง สูญเสียบิดาและ/หรือมารดา ถูกล่วงละเมิด ทางเพศ ถูกทารุณ ทำร้ายร่างกาย เป็นต้น และในช่วงชีวิตต่อมามักพบว่ามีปัญหาเรื่องถูกล่วงละเมิด ทางเพศ การคลุมถุงชน ปัญหาเกี่ยวข้องกับญาติคู่สมรส การถูกทรมาน หรือได้รับความชอกช้ำในชีวิต มากกว่ากลุ่มบุคคลโดยทั่วไป

การศึกษาวิจัยในผู้ที่พยายามฆ่าตัวตาย เช่น งานวิจัยของศูนย์การศึกษาเปรียบเทียบเรื่อง การฆ่าตัวตายขององค์การอนามัยโลกภาคพื้นยุโรปตะวันออก WHO/EURO พบว่า พฤติกรรมเหล่านี้มัก พบในหญิงสาว ผู้ด้อยการศึกษา ว่างงาน ทุพพลภาพ หย่าร้างหรือแยกทางกัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่มี อำนาจหรือด้อยโอกาสที่จะปรับปรุงตนเอง มีความยากลำบากในการแสวงหาตนเองในสังคม มีปัญหา ทางด้านอารมณ์และความสัมพันธ์หลายประการ สรุปได้ว่าพฤติกรรมของการฆ่าตัวตายเป็นผลจาก สภาวะทางสังคม และการที่บุคคลนั้น ๆ ไม่สามารถจะปรับตัวได้ ความแตกต่างระหว่างนานาประเทศ

อัตราการฆ่าตัวตายและการพยายามฆ่าตัวตายที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศนั้น จะเห็นได้ ชัดจากผลกระทบของอิทธิพลทางสังคมที่ต่างกัน ฮังการี เป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุด รองลงมา คือ ฟินแลนด์ ศรีลังกา ออสเตรีย เดนมาร์ค และเบลเยี่ยม ส่วนอัตราการพยายามฆ่า ตัวตายสูงสุด คือ ฟินแลนด์ เดนมาร์ค สวีเดน อังกฤษ และฮังการี นอกจากนี้อันดับของอัตราการฆ่า ตัวตายยังคงที่ เป็นการแสดงให้เห็นชัดว่าเกิดจากแรงผลักดันทางวัฒนธรรม ปัจจัยที่สำคัญอีกประการ หนึ่ง คือ ศาสนา พบว่า ประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามมีอัตราการฆ่าตัวตายต่ำ ในขณะที่กลุ่มนับถือ ศาสนาคริสต์ นิกายโปรแตสแต้นท์ มีอัตราการฆ่าตัวตายที่สูงกว่ากลุ่มคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิค ทั้งใน ประเทศเดียวกัน หรือในแถบภูมิภาคที่ต่างกัน อัตราการฆ่าตัวตายที่สูงขึ้นในบางประเทศ ในทวีปยุโรป ในปี ค.ศ.1970 ส่วนใหญ่มักเกี่ยวเนื่องกับการลดความเชื่อและความศรัทธาในศาสนา (secularization) แม้ในกลุ่มผู้อพยพ ยังพบอัตราการฆ่าตัวตายคล้ายคลึงกับประเทศถิ่นเดิมของผู้อพยพ ฉะนั้น ปัจจัยทาง สังคมที่กระทบต่ออัตราการฆ่าตัวตายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในอีกหลายชั่วคน และประเทศที่มีอัตรา การหย่าร้างสูงจะมีอัตราการฆ่าตัวตายค่อนข้างสูงด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ความมั่นคงทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ยังมีผลต่อการฆ่าตัวตาย เช่น ในประเทศอินเดีย และศรีลังกา มีอัตราการฆ่าตัวตายในหญิงสาวสูง เนื่องจากฝ่ายหญิงต้องจ่ายค่า สินสอดแก่ฝ่ายชาย และ/หรือความต้องการด้านวัตถุอื่น ๆ ที่ถูกเรียกร้องจากฝ่ายชาย การถูกบังคับเข้า พิธีสมรส และสถานภาพที่ด้อยกว่าของสตรี ในประเทศจีนโดยเฉพาะในชนบท มีรายงานการฆ่าตัวตาย ของสตรีสูง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสังคม จากสังคมเกษตรกรรมไปสู่สังคมที่ใหม่กว่า มีการศึกษา มากกว่า ทำให้เกิดความคับข้องในในสถานภาพที่ต่ำต้อยกว่าของสตรี

ปัจจัยทางสังคมที่ควรนำมาพิจารณา คือ วิถีทาง หรือเครื่องมือที่ใช้ในการฆ่าตัวตาย ใน สหรัฐอเมริกา มักใช้อาวุธปืน ในประเทศอื่น ๆ มักใช้ยาฆ่าแมลง ยากล่อมประสาท และสารอื่น ๆ ที่หาได้ การป้องกัน

มาตรการการป้องกันการฆ่าตัวตายมีหลายวิธี สิ่งที่สำคัญ คือ การช่วยคนที่พยายามฆ่า ตัวตายครั้งแรกไม่ให้กระทำซ้ำอีก จึงจำเป็นจะต้องให้การดูแลที่ดีต่อผู้ที่พยายามฆ่าตัวตาย ในขณะพัก รักษาตัวที่โรงพยาบาล รวมทั้งการให้การดูแลต่อเนื่องหลังจากที่เป็นคนไข้นอกหรือคนไข้ในแผนกสุขภาพ จิต แต่เป็นที่น่าเสียดายที่การให้บริการในลักษณะนี้ยังไม่ได้รับการพัฒนาแม้ในเขตอุตสาหกรรม

กระบวนการป้องกันที่สำคัญอีกประการ คือ จัดให้มีการบริการดูแลด้านสุขภาพจิตแก่ผู้ที่คิด ฆ่าตัวตายในราคาย่อมเยาที่ผู้มารับบริการสามารถจะจ่ายได้ อาสาสมัครศาสนากลุ่มสามาริตัน "Samaritan Volunteer" และการให้บริการช่วยเหลือทางโทรศัพท์ก็เป็นประโยชน์มาก ผู้ให้บริการที่มี ความชำนาญในการให้ความช่วยเหลือผู้มีปัญหาด้านจิตใจก็มีความสำคัญมาก พื้นฐานของสิ่งเหล่านี้ ก็คือ เจตคติของสังคมที่มีต่อปัญหาทางอารมณ์ และสุขภาพจิต หากสังคมใดเห็นว่าปัญหาทาง อารมณ์ คือ ความอ่อนแอ หรือเป็นอาการนำของสิ่งผิดปกติแล้ว มาตรการการป้องกัน อัตวินิบาตกรรมมักไม่ค่อยได้รับการพัฒนา

การให้การดูแลกันเองในหมู่บ้านหรือชุมชน มีความสำคัญในการป้องกันจากการแยกตัว ความโดดเดี่ยวและอาการซึมเศร้าของบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย การสร้างเจตคติที่ดีต่อ ปัญหาทางอารมณ์และการป่วยทางจิต สามารถทำได้ด้วยการให้ความรู้แก่ประชาชนและยินยอมให้มีการ แสดงความคิดเห็น การให้ความรู้ต้องมุ่งประเด็นที่ปัญหาทางอารมณ์โดยทั่วไปรวมถึงผลระยะสั้นและยาว ที่มีต่อความบอบช้ำทางกายภาพ (ตัวอย่างเช่น การถูกทำร้ายทางเพศ และสงคราม เป็นต้น) ซึ่งจะต้อง นำเสนอให้ประชาชนได้เข้าใจอย่างชัดแจ้ง

ความสำเร็จของกระบวนการป้องกันการทำอัตวินิบาตกรรมนั้น ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับผู้มี อำนาจจะสนับสนุนการเกิดเจตคติที่ดีต่อปัญหาสุขภาพจิตได้มากน้อยเพียงใด ภาพทางลบ หรือมลทิน ที่เกี่ยวเนื่องกับการป่วยทางจิตที่ก่อให้เกิดความหวาดกลัว ความเข้าใจผิด และการถูกกีดกัน จะต้องได้ รับการแก้ไข นอกจากนั้นจะต้องให้ความสนใจต่อเรื่องเล็กน้อยของความผิดปกติทางจิตที่เกิดกระทันหัน หรือชั่วคราว รวมถึงสมรรถนะในการรักษาผู้ทีมีอาการหนัก มาตรการของการป้องกันจะต้องมุ่งความ สนใจไปยังสาเหตุที่ทำให้บุคคลเป็นจำนวนมากไม่สามารถจะปรับตัวรับความกดดันในชีวิตประจำวัน การ ปรับปรุงการบริการทางสาธารณสุขเพียงประการเดียวไม่สามารถที่จะลดอัตราการตายที่เกิดขึ้นจากการ ทำอัตวินิบาตกรรมลงได้ความมั่นคงของความสัมพันธ์ทางสังคม และเจตคติทางวัฒนธรรมต่อปัญหาทาง อารมณ์ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น และต้องการให้มีขึ้นด้วยเช่นกัน


Back