ในการสัมนาเนื่องในวาระครบ 23 ปี ของสมาคมสมาริตันส์แห่งประเทศไทย วานนี้ น.พ. วินัย วิริยกิจจา อธิบดีกรมสุขภาพจิต ว่าที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวตอนหนึ่งว่า สถิติการฆ่าตัวตายในประเทศไทยในปี 2543 ถือว่าเพิ่มสูงขึ้นมากจากปี 2535 โดยปี 2535 มีอัตราการฆ่าตัวตาย 5.3 % แต่ล่าสุดปี 2543 พบสูงถึง 8.2 % ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่นที่เกิดความผิดหวัง ซึมเศร้า
" ที่ผ่านมากรมสุขภาพจิตมีศูนย์ฮอตไลน์ที่บริการให้คำปรึกษาอยู่ แต่กำลังมีโครงการจัดตั้งคลังสมองโดยดึงชมรมผู้สูงอายุจังหวัดนนทบุรีมาทำเป็นโครงการตัวอย่าง ซึ่งขณะนี้ รมว. สาธารณสุขเห็นชอบแล้ว โดยดึงผู้สูงอายุที่อยากช่วยเหลือสังคมเข้ามาเพื่อให้คำปรึกษาประสานกับศูนย์ฮอตไลน์ของกรม ฯ และของสมาคมสมาริตันส์ " น.พ. วินัย กล่าว
ด้าน ศ.น.พ. อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม นายกสมาคมสมริตันส์ ฯ กล่าวว่าทางสมาคม ฯ ได้จัดอาสาสมัครบริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์แก่ผู้ที่คิดฆ่าตัวตายมาถึง 23 ปี จากสถิติพบว่าสาเหตุการฆ่าตัวตายของคนไทย 60 - 70 % มาจากสภาพจิตเครียด คือ 1. มีความทุกข์ และซึมเศร้า 2. มีปัญหาความสัมพันธ์กับบุคคล ทั้งคนรัก สามีภรรยา พ่อแม่ และ 3.ปัญหาทางเพศ เช่น รักร่วมเพศ และยาเสพติด
" เป็นที่น่าสังเกตว่า ในประเทศไทยคนที่ฆ่าตัวตายอายุลดลง โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น ซึ่ง 1 ใน 3 ของสาเหตุการตายของวัยรุ่น คือการฆ่าตัวตาย อายุเฉลี่ย 15 - 25 ปี จะมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุด สาเหตุหลักก็มาจากโรคซึมเศร้า เพราะสังคมเปลี่ยนแปลงเร็ว การรับค่านิยมตะวันตก กระแสวัตถุนิยม ใช้สินค้าแบรนด์เนม การบูชาตัวเอง ทำให้มีความคิดน้อยลง รวมทั้งการแข่งขันที่สูง ทำให้คนใจร้อนขึ้น อดทนน้อยลง หวังผลสำเร็จมาก เมื่อไม่ได้อะไรก็รอไม่ได้ "
น.พ. อุดมศิลป์ ระบุด้วยว่าการเลี้ยงดูจากครอบครัวก็มีส่วนสำคัญ การที่พ่อแม่ปรนเปรอเด็กจนเคยตัว เมื่อถูกขัดใจเด็กก็รับไม่ได้ ทำให้เกิดปัญหา จากการที่มีผู้โทรศัพท์มาปรึกษา มีสถิติที่น่าวิตกคือ เคยมีเด็กอายุเพียง 9 ขวบ คิดที่จะฆ่าตัวตาย ส่วนตัวคิดว่าปัญหานี้จะลดน้อยลงได้ถ้าคนในรอบครัวดูแลซึ่งกันและกัน