มิเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง
กัลวานอมิเตอร์(galvanometer)เป็นเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า โดยสามารถแสดงทั้งปริมาณและทิศทางของกระแสไฟฟ้าใน จำนวนน้อยๆเข็มชี้ของกัลวานอมิเตอร์จะชี้ที่กึ่งกลางสเกล และมีตำแหน่งเลข0อยู่กลางสเกลเช่นเดียวกัน
โครงสร้างของกัลวานอมิเตอร์ จะใช้ส่วนเครื่อนไหวชนิดมูฟวิ่งคอยล์หรือชนิดดาร์สันวาลนั่นเอง เพียงแต่ทำให้เข็มชี้ที่กึ่งกลางสเกลและสเกลหน้าปัดแคลิเบรต ให้มีตำแหน่งเลข 0 อยู่กึ่งกลาง มีตัวเลขสเกลที่เหมือนกัน ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาดังรูป
จุดประสงค์ของกัลวานอมิเตอร์คือ สามารถวัดปริมาณไฟฟ้า ได้โดยไม่ต้องกลับขั้วมิเตอร์เข็มชี้จะสามารถบ่ายเบน แสดงค่าได้เลย เพียงแต่ค่าที่ได้จะเป็นบวกหรือลบเท่านั้น ค่าการทนกระแสจะได่ค่าต่ำๆเท่ากับค่าทนกระแส ของมูฟิว่งคอยล์เท่านั้นซึ้งอาจทนได้ เป็นไมโครแอมแปร์ดังนั้นถ้าต้องการ ให้วัดปริมาณไฟฟ้าได้มากขึ้นจึงต้องเพิ่มวงจรต่างๆ เข้าไป โดยดัดแปลงไปใช้เป็นแอมิเตอร์ หรือโวล์มิเตอร์ที่ยังมีเลข 0 อยูากึ่งกลางสเกล หรืออาจจะเป็นประเถทอิเล็กทรอนิกส์กัลวานอมิเตอร์ดังรูป
ดีซีแอมมิเตอร์ เป็นมิเตอร์ที่ไว้วัดปริมาณของกระแสไฟฟ้า และถือว่าเป็นมิเตอร์พื้นฐานที่สามารถดัดแปลง ไปใช้เป็นมิเตอร์อื่นๆ แอมมิเตอร์เบื้องต้น จะเป็นแอมมิเตอร์แบบไฟฟ้าตรง (DC) หรือดีซีแอมมิเตอร์มีขั้วในการต่อวัดกระแส ตายตัวในการต่อแอมมิเตอร์วัดกระแสในวงจร จะต้องต่ออันดับแอมมิเตอร์เข้ากับวงจรที่วัดกระแส และต้องต่อขั้วของแอมมิเตอร์ให้ถูกต้อง มิเช่นนั้นเข็มของแอมมิเตอร์จะตีกลับอาจทำให้ แอมมิเตอร์ชำรุดเสียหายได้การต่อขั้ว ของแอมมิเตอร์ถือหลักการใกล้บวกต่อบวก ใกล้ลบต่อลบ คือด้านที่จะต่อแอมมิเตอร์เข้าไป ใกล้ขั้วไหนของแหล่งจ่ายก็ใช้ขั้วเหมือนกันของ แอมมิเตอร์ต่อเข้าไป ดังรูป


แอมมิเตอร์เดิมอาจวัดกระแสได้น้อยถ้าต้องการทำ ให้แอมมิเตอร์เดิมวัดกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มมากขึ้น สามารถทำได้โดยหาความต้านทานมาต่อขนาน (shunt resistor) เพื่อแบ่งกระแสส่วนเกินผ่านตัวต้านทาน
แอมมิเตอร์แบบหลายย่าน (multirange ammeter) แบ่งได้ 2 แบบ 1. แบบอินดิวิดวล (individual type) หรือเรียกอีกอย่างว่า แบบหลายย่านเบื้องต้น (simple multirange type) มีอัตราขยายที่แยกอย่างอิสระแต่ละย่านไม่เกี่ยวข้องกัน มีข้อเสียคือ ขณะเปลี่ยนย่านวัดกระแสในวงจร มิเตอร์จะชำรุดทันที
2. แบบยูนิเวอร์แซล (universal type) หรือเรียกอีกอย่างว่า แบบอาร์ตอนชันต์ (ayrton shunt) แอมมิเตอร์หล่ายย่านแบบนี้ ตัวต้านทานที่ต่อขยายย่านวัดทุกตัวต่ออันดับกัน และทั้งหมดไปต่อแบบนี้ดีกว่าแบบอินดิดวลตรงที่ในขณะเปลี่ยนย่าน วัดกระแสในวงจร ดีซี แอมมิเตอร์แบบนี้ไม่ชำรุดเสียหาย


ดีซีโวลต์มิเตอร์ (DC voltmeter) ก็คือดีซีแอมมิเตอร์ที่ดัดแปลงวงจร และปรับแต่งหน้าปัดให้สามารถวัดแรงดันไฟตรง และสามารถอ่านค่าเป็นแรงดันได้เลย มีขั้วกำกับเป็นบวก - ลบตายตัว ในการวัดแรงดัน ในวงจรจะต้องต่อดีซีโวลต์มิเตอร์คร่อมขนานกับวงจร ขั้วของดีซีโวลต์มิเตอร์ต้องตรงขั้วของแหล่งจ่ายแรงดัน ที่ป้อนเข้ามาโดยใช้หลักการใกล้บวกต่อบวก ใกล้ลบต่อลบ ถ้าต่อผิดขั้วเข็มชี้จะตีกลับ ดังรูป
การวัดแรกดันที่สูงขึ้นย่อมจะทำให้มีกระแสไหล
ผ่านมิเตอร์มากขึ้น เข็มมิเตอร์จะบ่ายเบนไปมาก
ขึ้นดังนั้นถ้าต้องการทำให้มิเตอร์ตัวเดิมวัดแรง
ดันได้สูงขึ้นจะต้องหาความต้านทานมาต่ออันดับ
เพื่อจำกัดกระแสที่จะไหลผ่านมิเตอร์ไม่ให้เกินกว่า
ที่มิเตอร์ต้องการ
โอห์มมิเตอร์ (ohmmeter) เป็นเครื่องวัดความต้านทาน สามารถอ่านค่าออกมาเป็นโอห์มได้โดยตรง มีอยู่ด้วยกันหลายแบบคือ
1. โอห์มมิเตอร์แบบอันดับ(serie ohmmeter) นี้ถือว่าเป็นโอห์มมิเตอร์เบื้องต้น วงจรประกอบด้วยมิเตอร็ แหล่งจ่ายไฟ ตัวต้านทานปรับค่าได้ และอาจประกอบด้วย ตัวต้านทานคงที่เพื่อกำจัดกระแสโดยมีตัวต้านทานที่ไม่ทราบค่าต้องการวัดค่า ต่ออันดับกับวงจรโอห์มมิเตอร์จึงถูกเรียกว่า โอห์มมิเตอร์แบบอันดับ
2. โอห์มมิเตอร์แบบขนาน (shunt ohmmeter) ถือว่าเป็นโอห์มมิเตอร์ แบบพื้นฐานอีกแบบหนึ่งส่วนประกอบโครงสร้าง จะคล้ายกับโอห์มมิเตอร์แแบอันดับคือ จะประกอยด้วยมิเตอร์ แหล่งจ่ายไฟ ตัวต้านทานปรับค่าได้ และตัวต้านทานคงที่เพื่อจำกัดกระแส โดยมีตัวต้านทานที่ไม่ทราบค่าที่ต้องการวัดค่าต่อขนานกับมิเตอร์ จึงถูกเรียกว่า โอห์มมิเตอร์แบบขนาน
3. โอห์มมิเตอร์แบบโพเทนทิโอมิเตอร์ (potentiometer ohmmeter) ก็คือโอห์มมิเตอร์แบบอันดับมีความต้านทานมาตรฐาน ต่อขนานกับความต้านทานของโอห์มมิเตอร์แบบอันดับความต้านทาน ที่ต้องการทราบค่า (RX) จะต่อเป็นตัวแบ่งแรงดัน (voltage divider) กับความต้านทานมาตรฐาน วงจรโอห์มมิเตอร์แบบโพเทนทิโอมิเตอร์
4. โอห์มมิเตอร์แบบหลายย่าน สิ่งสำคัญของโอห์มมิเตอร์หลายย่านคือจะต้องใช้สเกล ในการวัดค่าเพียงสเกลเดียวถ้าความต้านทานภายในมิเตอร์ต่ำ จะวัดค่าความต้านทานได้ต่ำและถ้าความต้านทานภายในมิเตอร์ มีค่าสูงจะวัดค่าความต้านทานได้สูงได้
กลับไป center