แหล่งโบราณสถานและโบราณวัตถุในจังหวัดเลย |
ที่มา : สัมฤทธิ์ สุภามา กลุ่มส่งเสริมศาสนาและวัฒนธรรม
ศิลปะถ้ำ
จากการสำรวจศิลปะถ้ำในพื้นที่จังหวัดเลย ที่อยู่ตามถ้ำเพิงผาหรือหน้าผา เคยถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งมีทั้งถาวรและชั่วคราวเขาหินปูน ๕ แห่ง ได้แก่
ถ้ำผาปู่ วัดถ้ำผาปู่ บ้านนาอ้อ หมู่ ๙ ตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง
ถ้ำมโหฬาร วัดถ้ำมโหฬาร บ้านน้อยสุขใจ ตำบลหนองหิน กิ่งอำเภอหนองหิน
ถ้ำสูง วัดถ้ำมโหฬาร บ้านน้อยสุขใจ ตำบลหนองหิน กิ่งอำเภอหนองหิน
ถ้ำผาฆ้อง ๑ ภูผาฆ้อง บ้านผาฆ้อง ตำบลห้วยส้ม อำเภอภูกระดึง
ถ้ำผาฆ้อง ๒ ภูผาฆ้อง บ้านผาฆ้อง ตำบลห้วยส้ม อำเภอภูกระดึง
เขาหินทราย ๓ แห่ง
ถ้ำพระ บ้านนาน้อย ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง
ถ้ำมือ บ้านนาน้อย ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง
ถ้ำคิววิว บ้านนาน้อย ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง
เขาหินแกรนิต ๑ แห่ง
ภูถ้ำพระบ้านกกดู่ ตำบลกกดู่ อำเภอเมือง
การสำรวจแหล่งศิลปถ้ำหินปูน
สำหรับแหล่งที่ ๖ ถ้ำลายแทง
ซึ่งอยู่ในพื้นที่ดงลาน
เขตอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน
จังหวัดขอนแก่น
ต่อมาในปี ๒๕๒๑
มีพระธุดงค์ไปพำนักปักกลด
อยู่ที่ถ้ำภูฝาง
ถัดภูรวกแหล่งแร่โบราณที่ได้สำรวจไปแล้ว
ท้องที่บ้านทรัพย์มงคลตำบลนาดินดำ
อำเภอเมือง
ชาวบ้านสำคัญว่าเป็นลายแทงกรุสมบัติ
จนถึงปี ๒๕๒๘ จึงได้เปิดเผย
ซึ่งนายประพนธ์ พลอยพุ่ม
ได้เข้าไปสำรวจ
เป็นภาพลายเส้น
เขียนด้วยสีแดงอมส้มอยู่เพิงผาปากถ้ำ
ซึ่งมีต้นมะขามลำต้นโตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๑๕ เซนติเมตร อยู่ ๑ ต้น
ชาวบ้านเรียกถ้ำขามและพื้นที่
ปากถ้ำ
จะสูงกว่าระดับดินเดิมประมาณ
๑๕ เมตร
ปัจจุบันสภาวัฒนธรรมจังหวัดสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองเลยและกรมป่าไม้อนุรักษ์พื้นที่ไว้
เป็นวนอุทยานแห่งชาติ
เพื่อการท่องเที่ยวทางโบราณวิทยา
ศิลปสมัยก่อนประวัติศาสตร์ |
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานมีพื้นที่รวมกันถึง
๑ ใน ๒ ของประเทศไทย
หรือประมาณ ๑๗๐,๒๖๖
ตารางกิโลเมตร
ประกอบด้วยพื้นที่ ๑๙ จังหวัด
ไม่มีพื้นที่ติดต่อกับทะเล
พื้นที่ส่วนใหญ่มีระดับความสูงโดยเฉลี่ย
๒๐๐ เมตร
พื้นที่ส่วนนี้ยังถูกแบ่งออก
๒
ส่วนโดยแนวเทือกเขาภูพาน
จากลักษณะดังกล่าวทำให้เกิดพื้นที่เป็นแอ่ง
๒ บริเวณ คือ แอ่งโคราช และ
แอ่งสกลนคร
ในที่นี้จะกล่าวถึง
แอ่งสกลนคร หรือ อีสานเหนือ
แอ่งสกลนครเป็นพื้นที่ส่วนเหนือที่แยกตัวออกจากอีสานใต้หรือแอ่งโคราชโดยแนวเทือกเขาภูพานและภาคกลางโดยแนว
เทือกเขาเพชรบูรณ์ตะวันออกและตะวันตก
รวมทั้งเทือกเขาดงพญาเย็น
ลักษณะแนวเทือกเขาดังกล่าวเป็นแนวขอบโดยรอบ
ทำให้พื้นที่
ตรงกลางมีลักษณะเป็นแอ่งกว้างระหว่าง
๕๐
อย่างไรก็ตามเมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตพบว่าพื้นที่บริเวณนี้มีวิวัฒนาการมาไม่ต่ำกว่า
๒๒๐ ล้านปีมาแล้ว
อยู่ในสมัยโทรแอสสิก
บริเวณนี้เป็นลำธารน้ำจืดที่เป็นที่อาศัยของสัตว์โบราณหลายชนิด
อาทิ ไฟโตซอร์ (สัตว์คล้ายจระเข้ขนาดใหญ่)
เต่า และไดโนเสาร์ เป็นต้น
ดังซากกระดูกไดโนเสาร์
ซอโรพอดและคาร์โบซอร์
ที่พบที่ภูประตูตีหมา
อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น
เป็นจุดหนึ่งที่แสดงถึงความอุดม
สมบูรณ์ของพื้นที่ในบริเวณนี้
ที่เกิดมีสิ่งมีชีวิตและวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง
ในระหว่าง ๕,๖๐๐
๓,๐๐๐ ปีมาแล้วพบว่า ในบริเวณแอ่งสกลนครนี้มนุษย์ได้เริ่มตั้งถิ่นฐานอย่างมั่นคง ซึ่งนักวิชาการทั่วไป
ลักษณะการตั้งถิ่นฐานจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มและมีระเบียบแบบแผนในการปกครองกลุ่มมนุษย์ดังกล่าวยังได้ทิ้งร่องรอยของ
การแสดงออกในความคิดเป็นพวก
การเขียนสีบนผนังถ้ำหรือเพิงผา
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีการดำรงชีวิต
ความเชื่อและสภาพแวดล้อม
ของกลุ่มนั้น ได้เป็นอย่างดี
ดังได้พบหลักฐานในแหล่งต่าง
ๆ เช่น จังหวัดอุดรธานี เลย
ขอนแก่น ชัยภูมิ และกาฬสินธุ์
เป็นต้น
(เอกสารกองโบราณคดี
หมายเลข ๑๑/๒๕๓๒)
แหล่งโบราณคดีในพื้นที่แอ่งสกลนครหรืออีสานเหนือ
จะได้ทำการศึกษา
เฉพาะกรณีจังหวัดเลย
อยู่ในระหว่าง ๕,๖๐๐
หลักฐานทางด้านโบราณคดี
ที่พบได้แก่ ศิลปะถ้ำ
เครื่องมือหิน กำไลสำริด
เหล็ก ทองเหลือง และภาชนะต่าง
ๆ ศิลปะ
เป็นทรัพยากรที่
ต่างไปจากทรัพยากรธรรมชาติที่คนทั่ว
ๆ ไป เห็นแล้วรู้ว่าเป็นอะไร
แต่อาจมองศิลปะไม่เห็นเพราะรูปศิลปะที่ปรากฏอาจจะไม่เหมือนกับสิ่งที่
เห็นในธรรมชาติก็ได้
เว้นแต่จะเลียนแบบขึ้น
อดีตมนุษย์ยังไม่มีหนังสือใช้
มนุษย์ใช้ศิลปะเป็นสื่อมากกว่าสมัยนี้เพราะศิลปะเป็นสื่อบอกเล่าให้คนในกลุ่มสังคมเดียวกันเข้าใจอีก
ทางหนึ่งเพิ่มเติมจากภาษาพูด
และเป็นสิ่งติดต่อกับพลังเหนือธรรมชาติอีกหลายเรื่องหลายทางด้วยกัน
หน้าผา คือ ไม่มีความลึกเลย
งานศิลปะที่ทำอยู่ในถ้ำ
ปากถ้ำ จึงเรียกว่าศิลปะถ้ำ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว
งานศิลปะประเภทนี้ยังทำอยู่ตามหน้าผา
เพิงผา และเพิงหิน
ด้วย
สำหรับจังหวัดเลย
เพิงผาหรือเพิงหินที่ให้ร่มเงาได้
ชาวบ้านเขาเรียกว่า
ถ้ำกันทั้งนั้น เช่น
ถ้ำผาฆ้อง และถ้ำผาฆ้อง ๒
ถ้ำมโหฬาร ถ้ำสูง
ถ้ำลายแทง ถ้ำพระ ถ้ำมือ
ถ้ำคิววิว ถ้ำผาปู่ ถ้ำพระ (ตำบลกกดู่)
และถ้ำขาม
ล้วนแต่เป็นเพิงหินและถ้ำที่ให้ร่มเงาทั้งสิ้น
โปรดติดตามตอนต่อไป