...........................................ยายสิงห์ หมอดู "ตาทิพย์" ..........เมื่อพูดถึงการพยากรณ์ดวงชะตา หรือการที่คนทั่วไปเรียกว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล คำพยากรณ์ของหมอดูจะมีความแม่นยำเพียงใด ไม่มีใครทำออกมาเป็นสถิติ แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่คนจำนวนไม่น้อย ยังคงมีความเชื่อว่าคนที่จะเป็นหมอดูได้นั้น เขาจะต้องมีความสามารถพิเศษเหนือกว่าคนทั่วไป |
|
ที่นี่ผีดุ | |
Gallery | |
ทำให้เขาสามารถล่วงรู้ถึงเรื่องส่วนตัว อันจะเป็นแนวทางของการพยากรณ์ ทำให้การพยากรณ์ดูคล้ายกับว่าใกล้เคียงกับความเป็นจริง หมอดู "ตัวจริง" จะต้องไม่ซักถามประวัติของผู้มาให้ดูดวงมากเกินไป เคยมีคนถามผมว่าเป็นไปได้หรือ ที่คนบางคนจะมีความสามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ในอนาคต ผมมีความเชื่อว่าเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ เนื่องจากคนบางคนมีความสามารถ "เหนือมนุษย์" ซึ่งฟังแล้วอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างจะเกินความเป็นจริง แต่เหตุการณ์ดังกล่าวมันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ............คุณยายสิงห์ ปัจจุบันอายุเกือบจะ 80 ปี สุขภาพร่างกายของหญิงชราวัยนี้ เปรียบประดุจกับไม้ใกล้ฝั่ง เรี่ยวแรงย่อมจะเริ่มลดน้อยถอยลงตามลำดับ หูตาที่เคยแจ่มใส มาบัดนี้มันก็เริ่มฝ้าฟาง คุณยายสิงห์ใช้ชีวิตเป็น "หมอดู" อยู่ในตลาด อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี หากเป็นคนต่างพื้นที่มาเจอสภาพของคุณยายสิงห์ ซึ่งยึดอาชีพเป็นหมอดูอยู่ภายในศาลเจ้า พวกเขาคงจะคิดว่าคุณยายสิงห์กำลังทำธุรกิจ เพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้องตัวเอง แต่สำหรับคนในพื้นที่ พวกเขาจะไม่พูดอย่างนี้เป็นอันขาด คนในพื้นที่ต่างก็รู้ดีว่า คนอย่างคุณยายสิงห์ไม่จำเป็นต้องมาเป็น "หมอดู" แกก็มีกินไปจนถึงชาติหน้า กิตติศัพท์ความ "แม่นยำ" ในเรื่องการ "ดูดวง" ของคุณยายสิงห์ ทำให้ผมต้องเดินทางมาที่ อ.อู่ทอง เพื่อพิสูจน์ความจริงของเรื่องดังกล่าว ...........เมื่อคุณยายสิงห์เห็นหน้าผม ประโยคแรกของการทักทาย มันทำให้ผมรู้สึก "ทึ่ง" ในตัวของแกทันที "อยากเลือกอาชีพนี้มันก็ต้องเหนื่อยหน่อย แต่มันก็สนุกดีนะ" "คุณยายรู้ได้อย่างไรว่าผมทำงานอะไร?" "ไม่รู้เหมือนกัน ยายรู้แต่เพียงว่างานที่เอ็งกำลังทำอยู่นี้มันเหนื่อย ต้องออกต่างจังหวัดบ่อยๆ ต้องขับรถไปที่ไกลๆทุกวัน" บอกตามตรงว่างงมาก วันนั้นผมแต่งตัวแบบสบายๆ กางเกงยีนเก่าๆ เสื้อยืดตัวละ 60 บาท ใส่รองเท้าแตะอีกต่างหาก ท่าทางเหมือนคนตกงานด้วยซ้ำไป ส่วนกล้องถ่ายรูปผมใส่กระเป๋ากางเกง คุณยายสิงห์ไม่มีทางจะมองเห็นอย่างแน่นอน ตอนนั้นผมรู้สึกอยากลองของขึ้นมาเสียแล้ว ผมจึงแกล้งอำคุณยายสิงห์ไปว่า "คุณยายครับ ตอนนี้ผมกำลังเดือดร้อนเพราะตกงาน ที่มานี่ผมอยากจะให้คุณยายดูดวงผมว่า เมื่อไหร่จะมีงานทำกะเขาสักที ตอนนี้เบื่อที่จะต้องเกาะเมียกินเต็มแก่แล้ว" คุณยายสิงห์มองหน้าผมอย่างพินิจวิเคราะห์ "เกิดวันอะไร?" "วันอังคารครับ" "ปีอะไร?" "มีมะแมครับ" คุณยายสิงห์นั่งนับนิ้วครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า "คนเกิดวันอังคาร ปีมะแม เป็นไปไม่ได้ที่จะตกงาน เพราะดวงของเอ็งมีผู้ใหญ่อุปการะ แววตาของเอ็งแสดงถึงความไม่จริงใจ เรื่องที่พูดมาทั้งหมดล้วนโกหก" ความรู้สึกของผมในขณะนั้น ผมมีความรู้สึกศรัทธาในตัวคุณยายสิงห์ขึ้นมาทันที !!! "อย่าโกรธผมเลยนะครับคุณยาย ผมไม่มีเจตนาจะมาลบหลู่คุณยายเลยแม้แต่น้อย แต่ผมต้องการจะพิสูจน์ว่า คุณยายจะเหมือนหมอดูทั่วๆ ไปหรือเปล่า" "หมอดูทั่วไปเอ็งว่าเป็นยังไง?" "ก็หลอกลวงต้มชาวบ้าน หลอกเอาเงินชาวบ้านน่ะซิครับ" "พวกนั้นไม่ใช่หมอดู แต่เป็นพวกแอบอ้าง คนที่เป็นหมอดูคือคนที่อุทิศตัวเพื่อคนอื่น แต่ก่อนยายก็ไม่เชื่อเรื่องนี้ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่คนธรรมดาๆ จะสามารถหยั่งรู้เรื่องราวในอนาคต จนกระทั่งวันหนึ่งยายฝันไปว่า มีชายชราแก่ๆ คนมาหายาย แล้วชายคนนั้นได้พูดกับยายว่า เจ้าจะต้องช่วยเหลือมนุษย์ร่วมโลกของเจ้า ยายถามว่าจะให้ยายช่วยเรื่องอะไร ชายชราคนนั้นบอกว่า ความสามารถพิเศษของเจ้ายังไงล่ะ เจ้าสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคต เจ้าจะต้องบอกพวกมนุษย์ให้เขารู้ว่า เขาจะเจอกับเหตุการณ์ใดบ้าง ...........ยายถามว่าหากบอกแล้วเขาไม่เชื่อล่ะ เขาตอบว่าก็เป็นเรื่องกรรมเก่าของเขา เราช่วยเขาแล้วแต่เขาอยากไม่เชื่อก็ช่วยไม่ได้ จากนั้นยายก็ตกใจตื่น หลังจากที่ได้ทบทวนเหตุการณ์ในความฝัน มันก็เลยทำให้ยายลองดูว่ามันจะเป็นความจริงหรือเปล่า เวลาที่ยายเห็นหน้าคนบางคน หากเป็นคนปกติก็แล้วไป แต่บางคนยายเห็นหน้าของเขาหมองคล้ำ บางคนหน้ามีสีแดงคล้ายเลือดสดๆ ยายก็ไปเตือนเขา บางคนก็เชื่อ แต่บางคนก็ไม่เชื่อ ซึ่งยายก็จนปัญญา เราช่วยเขาแล้ว แต่เขาไม่เชื่อเราเอง" เหตุการณ์ที่ลือลั่นเป็นที่วิพากย์วิจารณ์ของคนทั่วไป วันหนึ่งขณะที่คุณยายสิงห์กำลังเดินอยู่ในตลาด แกได้พบกับผู้ชายคนหนึ่ง ทันทีที่เห็นหน้าคุณยายสิงห์ถึงกับผงะ "หน้าของเขามีสีดำคล้ำ ดวงตาไม่มีแวว ซึ่งเป็นลักษณะของคนชะตาขาด ยายจึงเข้าไปบอกเขาว่าตอนนี้ดวงไม่ดี หากเป็นไปได้อย่าขับรถ อย่าเดินทาง อยู่ในบ้านสัก 7 วัน เขามองหน้ายายแล้วหัวเราะ เขาบอกว่ายายกลับบ้านไปเลี้ยงหลานดีกว่า" "แสดงว่าเขาไม่เชื่อยาย จากนั้นเกิดอะไรกับเขา" "ตอนนั้นยายรู้สึกเหนื่อยมาก เดินต่อไปไม่ไหวจึงนั่งพัก พอหายเหนื่อยก็ออกตามหา แต่ก็ไม่ทันแล้ว เห็นอีกทีเขากำลังขึ้นรถแล้วขับออกไป ตอนนั้นได้แต่ภาวนาขอให้เขาอย่าเป็นอะไรเลย แต่มันก็ไม่เกิดประโยชน์ ............เวลาผ่านไปราวชั่วโมงเศษ คนในตลาดก็ลือกันว่าเกิดอุบัติเหตุ รถเก๋งถูกรถบรรทุกข้ามเลนมาชน คนขับรถเก๋งตายคาที่ พอได้ฟังยายรู้สึกเสียใจมาก เรารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขา แต่ไม่สามารถช่วยเขาให้รอดพ้นจากความตาย" ............กิตติศัพท์ความแม่นยำในเรื่องการดูดวงของคุณยายสิงห์ ดูเหมือนว่า "ค่าครู" ในการดูดวงจะสวนทางกันโดยสิ้นเชิง เพราะคุณยายสิงห์เรียกค่าครูเพียงรายละ 40 บาทเท่านั้นเอง คุณยายสิงห์บอกกับผมว่า ทุกวันนี้แกเหนื่อยจนแทบขาดใจ เมื่อเป็นบัญชาจากสวรรค์ให้แกต้องช่วยมนุษย์ จึงเป็นหน้าที่ซึ่งมิอาจจะปฏิเสธได้ จนกว่าวันสุดท้ายของชีวิตแกจะมาถึง... |