ยินดีต้อนรับสู่ http://www.oocities.org/pheedu เว็บไซต์ผีดุของคนไทย !!

..............................."วิญญาณ"กับ"สัมผัสที่6"

.........เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบางครั้งมันก็มีคำตอบ แต่บางเหตุการณ์ก็ไม่มีคำตอบ อย่างกับเรื่องที่คุณป้าของผม ท่านได้เล่าให้ฟังสมัยที่ท่านเป็นเด็ก 
ป้าได้ยินพวกผู้ใหญ่เขาพูดกันว่าหากคุณตาเชื่อเรื่องที่แม่ชีบอก คุณตาผมท่านก็จะไม่ตาย ! 
"ทำไมคุณตาต้องตายด้วยล่ะค่ะ?"
ตอนนั้นคุณป้าท่านยังเป็นเด็ก คำถามของท่านจึงไม่มีใครให้ความสนใจ เพราะทุกคนต่างก็สารวนกับการจัดงานศพของคุณตา 
ร่างของคุณตานอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง ตอนนั้นคุณป้าคิดว่าคุณตานอนหลับ คุณยายจึงเข้าไปเขย่าเพื่อที่จะปลุกให้คุณตาตื่นขึ้นมา 
"เล็ก อย่าไปกวนคุณตาซิลูก"
"ก็เล็กอยากจะให้คุณตาตื่นขึ้นมาเล่นกับเล็กนี่คะ"
"คุณตาท่านไปสบายแล้ว เราไม่มีคุณตาอีกแล้วลูก"
คราวนี้คุณป้ายิ่งสับสนในคำพูดของพวกญาติผู้ใหญ่ ในเมื่อคุณตาท่านก็นอนอยู่ บนเตียง ไม่มีอะไรที่จะเป็นความผิดปกติเลยแม้แต่น้อย
"ตอนนั้นป้ามีความรู้สึกปวดหัวมาก มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงแบบนั้น"
"คนอื่นๆ เขาไม่รู้หรือว่าคุณป้าไม่สบาย"

ประสบการณ์จริงคนถูกผีหลอก

วินาทีแห่งความตาย

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

คุณเชื่อหรือไม่

ท่องแดนลี้ลับ

สัมผัสที่ 6

ที่นี่ผีดุ
Gallery

เซ็นสมุดเยี่ยมชม

"ไม่มีใครเชื่อป้า ทุกคนคิดว่าป้างอแง หาเรื่องเรียกร้องความสนใจ แต่ความจริงเราปวดจนหัวแทบระเบิดเป็นเสี่ยงๆ พี่สาวของป้าคงรำคาญ ไม่อยากฟังเสียงร้องไห้ของป้า ก็เลยพาป้าเข้าไปในห้องเก็บของ แล้วปิดประตูขังเอาไว้ให้อยู่ในนั้นคนเดียว"
"ความรู้สึกในขณะนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?"
"กลัวจนบอกไม่ถูก เด็กทุกคนจะต้องกลัวการถูกขังไว้ในห้อง ยิ่งเป็นห้องแคบๆ อย่างกับห้องส้วมก็ยิ่งกลัวมากขึ้น"
..........คุณป้าเล่าว่าเมื่อพี่สาวเอามาขังในห้อง ท่านก็ได้ยินเสียงข้างนอกใส่กลอนประตู ห้องเก็บของมีขนาดใหญ่ มีกลอนใส่ทั้งด้านในและด้านนอก หากว่าด้านหนึ่งด้านใดถูกใส่กลอน อีกด้านหนึ่งเป็นอันหมดสิทธิ์ที่จะออกไป
อยากให้ท่านผู้อ่านลองวาดภาพเหตุการณ์งานศพว่าจะมีความฉุกละหุกเพียงใด ไหนจะต้องนิมนต์พระมาสวด ไหนจะเรื่องทำกับข้าวเลี้ยงคนที่มาช่วยงาน สมัยก่อนนั้นจะต้องทำกันเอง ไม่มีแม่ครัวรับเหมาเหมือนกับสมัยนี้ และสภาพของจิตใจที่ต้องเสียเสาหลักของบ้าน ผู้ซึ่งเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพวกลูกๆ มันเป็นสิ่งที่วุ่นวายมาก 
ทุกคนลืมไปว่าได้ขังคุณป้าไว้ที่ห้องเก็บของ !!!
"ตอนนั้นป้าร้องไห้จนเจ็บคอไปหมด พยายามทุบประตูห้องก็ไม่มีใครได้ยิน ตอนนั้นหิวข้าวจนแสบท้อง ในใจก็นึกถึงคุณตา ป้าอยู่กับคุณตาไม่เคยร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียว เพราะคุณตาท่านไม่เคยขัดใจป้าเลย มีขนมให้กินตลอดเวลา ป้าก็เลยตะโกนสุดเสียงขอให้คุณตาช่วยด้วย"
..........เมื่อสิ้นเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือจากคุณตา เสียงกลอนประตูห้องเก็บของก็ค่อยๆ ดังขึ้น แสดงว่าด้านนอกมีคนเปิดกลอนประตู
"ใครมาเปิดประตูครับ"
"คุณตา"
คำพูดของคุณป้าทำให้ผมถึงกับขนหัวลุกทันที 
"คุณป้าแน่ใจหรือว่าเป็นคุณตา"
"ป้าเห็นเต็มตาเลยว่าคุณตายืนอยู่หน้าประตู ตอนนั้นดีใจมาก โผเข้าไปกอดคุณตาแล้วร้องไห้ บอกคุณตาว่าหิวข้าว คุณตาท่านบอกว่าหิวข้าวก็กินซิลูก ตาเอาข้าวเอาขนมมาให้กินแล้ว ตอนนั้นคุณตาถือถาดใส่อาหารมาด้วย ในถาดมีอาหารคาวหวานหลายอย่าง"
เมื่อทานอาหารเสร็จคุณป้าก็นึกขึ้นมาได้ว่าคุณตาตายไปแล้ว แต่คุณป้าท่านไม่เข้าใจว่าอะไรคือความตาย ท่านจึงถามคุณตาว่าคุณตาตายไปแล้วนี่คะ
"ตายังไม่ตายหรอกลูก หากว่าตาตายไปแล้วใครจะเอาข้าวเอาขนมมาให้กินล่ะลูก พวกนั้นมันบ้า ตาแค่นอนหลับไปเท่านั้นเอง แต่พวกเขาก็เอาตาไปมัดตราสังข์ เอาร่างของตาใส่โลง ตาพยายามบอกกับทุกคนแต่ก็ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครสนใจตาเลย"
"ถ้าอย่างนั้นหนูจะไปบอกให้พวกเขาเอาคุณตาออกจากโลงนะคะ"
"ดีมากลูก ช่วยไปบอกพวกมันด้วย ตาพูดจนปากเปียกปากแฉะแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสนใจ ไม่รู้เป็นบ้าอะไรกันไปหมด ลูกไปบอกให้พวกมันเอาตาออกจากโลงทีเถอะนะ"
..........คุณป้ารีบวิ่งไปเรือนหลังใหญ่ทันที พอไปถึงก็พบว่าพระกำลังสวดศพคุณตา พี่สาวคนที่เอาคุณป้าไปขังถึงกับตกตลึง เขาลืมไปว่าได้เอาคุณป้าไปขังไว้ในห้องเก็บของแล้วลืมไปเลย พี่สาวถามว่าใครเป็นคนเปิดให้คุณป้าออกมาจากห้องเก็บของ
"พี่ลืมไปเลยว่าเอาเธอไปขังไว้ในห้องเก็บของ แล้วเธอออกมาได้ยังไง?"
"คุณตาเป็นคนเปิดประตูให้ออกมา"
"โกหก ไปเอานิสัยโกหกมาจากใคร"
บรรดาพวกญาติๆ ต่างก็ไม่พอใจในคำพูดของคุณป้า แต่คุณป้าก็ยังคงยืนยันว่าคนที่เปิดประตูห้องเก็บของให้คุณป้าออกมาคือคุณตาจริงๆ
"คุณตายังเอาข้าวกับขนมไปให้กินเลย มีข้าวคลุกกะปิ และต้มจืดเต้าหู้ขาวกับผัดถั่วงอก ขนมก็ถั่วเขียวต้มน้ำตาล"
คราวนี้ทุกคนต่างนิ่งอึ้งไปตามๆ กัน พี่ชายคนโตของคุณป้า ซึ่งนั่งอยู่ในเหตุการณ์ได้เดินไปที่ข้างๆ โลงศพของคุณตา ซึ่งมีสำรับกับข้าวสำหรับคนตายตั้งอยู่
"ป้าเห็นพี่ชายยืนตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก คนอื่นๆ ก็เลยเดินตามไปดู จานใส่อาหารของคุณตาเหลือแต่จานเปล่าๆ ไม่มีกับข้าวหรือขนมเหลืออยู่เลย"
..........กับข้าวรวมทั้งขนมที่คุณป้าพูดมานั้น ตรงกับที่พี่ชายของคุณป้าจัดได้ไปให้คุณตาทุกอย่าง คราวนี้ทุกคนเริ่มมีอาการหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว คุณป้าจึงเล่าเรื่องที่คุณตามาบอกว่าท่านยังไม่ตาย ให้เปิดฝาโลงเอาคุณตาออกมาด้วย
"ทีแรกก็ไม่มีใครกล้า เพราะกลัวว่าผีคุณตาจะไม่มีความสุข แต่พี่ชายของป้าเป็นคนห้าวๆ อยู่แล้ว เขาจึงตัดสินใจเปิดฝาโลงออก"
พอฝาโลงศพเปิดออก ทุกคนก็พากันไปดูร่างของคุณตา ปรากฏว่าคุณตานอนลืมตา พยายามดิ้นรนแก้สายสิญจน์ที่ผูกมือออก
ปรากฏว่าคุณตายังไม่ตาย !
.........คุณตาได้เล่าให้ฟังว่าตอนที่คุณตากำลังเดินอยู่ในคันนา จู่ๆ ก็เกิดหน้ามืดเป็นลมขึ้นมา หลังจากที่ท่านวูบไปพักหนึ่งท่านก็ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าท่านนอนอยู่ในโลงศพ มือของท่านถูกมัดตราสังข์อย่างแน่นหนา พยายามดิ้นก็ดิ้นไม่หลุด 
คุณตาท่านเป็นคนชอบนั่งสมาธิอยู่แล้ว ดังนั้นท่านจึงพยายามถอดจิตของท่านให้ออกจากร่าง
..........ท่านเล่าว่าเมื่อท่านถอดจิตออกจากร่างได้แล้ว ท่านก็พยายามบอกกับใครต่อใครว่าท่านยังไม่ตาย ช่วยเอาท่านออกมาจากโลงด้วย แต่ไม่มีใครได้ยินที่คุณตาพูด จนกระทั่งคุณตาได้ยินเสียงคุณป้าร้องขอความช่วยเหลือและบอกว่าหิวข้าว ท่านจึงคว้าสำรับอาหารแล้วรีบไปที่ห้องเก็บของเพื่อช่วยคุณป้าทันที ท่านก็ยังอดที่จะแปลกใจไม่ได้ ที่คุณป้าสามารถสื่อสารทางโทรจิตกับคุณตาได้จริงๆ ทั้งที่คุณป้าไม่เคยนั่งวิปัสสนาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
สิ่งที่เป็น สัมผัสที่ 6 เราไม่จำเป็นต้องศึกษาหรอกครับ เพราะ "ญาณ" นี้มันเกิดขึ้นได้เอง !!!

กลับหน้าแรก