เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน

จังหวัดสุราษฏร์ธานี   พ.ศ.2540

1. ประวัติความเป็นมา

ด้วยเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2532 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เชิญกรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการเพิ่มเติมจากแผนแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนแก่งกรุง ที่ประชุมมีมติให้ขยายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสงเพิ่มเติม จนถึงแนวถนน รพช.สายบ้านยาง - ตะกุกเหนือ และขยายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคาเพิ่มเติม จนถึงแนวขอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกรุงทางด้านทิศตะวันตก

กรมป่าไม้ได้ทำการสำรวจสภาพป่าคลองยัน และนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ครั้งที่ 1/2533 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธุ์ 2533 ที่ประชุมมีมติว่าป่าเตรียมการหมายเลข 92 ป่าคลองสก - คลองแสง - คลองยัน ซึ่งอยู่ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคาและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง ในท้องที่ตำบลปากฉลุย อำเภอท่าฉาง ตำบลตะกุกเหนือ ตำบลตะกุกใต้ ตำบลท่าขนอน ตำบลน้ำหัก ตำบลกะเปา อำเภอคีรีรัฐนิคม และตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฏร์ธานี มีความเหมาะสมที่จะรักษฯไว้ให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของสัตว์ป่า โดยกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และได้เริ่มดำเนินการจัดตั้งหน่วยงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2535 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หน้า 3 เล่มที่ 109 ตอนที่ 126 วันที่ 30 ธันวาคม 2535 ให้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน เนื้อที่ประมาณ 305,000 ไร่ หรือ 488 ตารางกิโลเมตร

2. สถานที่ตั้งและอาณาเขต

ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน ตั้งอยู่บริเวณน้ำตกวิภาวดี หมู่ที่ 8 ตำบลตะกุกใต้ กิ่งอำเภอวิภาวดี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ห่างจากที่ว่าการกิ่ง อ.วิภาวดีไปตามถนน รพช. สายตะกุกเหนือ-บ้านยาง มีทางแยกขวาบริเวณบ้านปากพาย ระยะทาง 8 กิโลเมตรถึงบริเวณน้ำตกและที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน เขตฯมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ ตำบลปากฉลุย อำเภอท่าฉาง ตำบลตะกุกเหนือ ตำบลตะกุกใต้ กิ่งอำเภอวิภาวดี ตำบลน้ำหัก ตำบลท่าขนอน ตำบลกะเปา อำเภอคีรีรัฐนิคม และตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่ประมาณ 305,000 ไร่หรือ 488 ตารางกิโลเมตร

ทิศเหนือ แนวเขตติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา จังหวัดระนอง และอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง จังหวัดสุราษฏร์ธานี

ทิศใต้ แนวเขตติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ทิศตะวันออก แนวเขตติดต่อกับอุทยานแห่งชาติแก่งกรุงและพื้นที่หมู่บ้านในท้องที่กิ่งอำเภอวิภาวดี และอำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ทิศตะวันตก แนวเขตติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา จังหวัดระนอง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสงและอุทยานแห่งชาติเขาสกส่วนที่เป็นพื้นที่น้ำเขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฏร์ธานี

3. สถานที่และโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อกับหน่วยงานได้

สถานที่ติดต่อทางไปรษณีย์

1. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน

ตู้ปณ. 2 อ.คีรีรัฐนิคม

จ.สุราษฏร์ธานี 84180

2. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน

สำนักงานป่าไม้เขตสุราษฎร์ธานี

อ.เมือง จ.สุราษฏร์ธานี 84000 โทร.272058

 

4. สภาพภูมิประเทศ

ลักษณะภูมิประเทศของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยันพื้นที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

ส่วนเหนือ มีลักษณะเป็นภูเขาสลับซับซ้อนมียอดเขาหลังคาตึกเป็นจุดเด่น สูงจากระดับน้ำทะเล 1,010 เมตร ลักษณะเป็นภูเขาดินดานและหินทราย เป็นจุดกำเนิดของต้นน้ำคลองยัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และต้นน้ำคลองกะเปอร์ จังหวัดระนอง พื้นที่ส่วนนี้เป็นศูนย์กลางของป่าผืนใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง และอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง

ส่วนใต้ ลักษณะเป็นภูเขาสลับซับซ้อนวางแนวยาวจากเหนือจรดใต้ ประกอบด้วยทิวเขาสูงซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 1,007 เมตร ทิวเขาแดนมุย 1,028 เมตร และทิวเขาแดนยัน 1,019 เมตร ทิศทางการไหลของน้ำส่วนใหญ่จะไหลไปทางทิศตะวันออกลงสู่หมู่บ้าน เป็นจุดกำเนิดของลำคลองหลายสายที่ไหลลงสู่คลองยัน และส่วนหนึ่งจะไหลไปทางทิศตะวันตกลงสู่คลองมุยและไหลลงเขื่อน รัชชประภาแนวเขตด้านตะวันตกจะติดกับพื้นที่ป่าสมบูรณ์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง และพื้นที่น้ำของเขื่อนรัชชประภาซึ่งอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก

 

5.สภาพภูมิอากาศ

ภูมิอากาศโดยทั่วไปมีความชื้นสูง อุณหภูมิระหว่าง 22 - 25 องศาเชลเซียส เนื่องจากพื้นที่อยู่ระหว่างอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ทำให้ได้รับอิทธิพลของลมมรสุมจากทะเลทั้ง 2 ด้าน ส่งผลให้มีฝนตกในทุกเดือน ปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในเดือนสิงหาคม และปริมาณน้ำฝนน้อยที่สุดในเดือนมกราคม สามารถแบ่งฤดูกาลออกได้เป็น 2 ฤดูกาล คือฤดูแล้ง ตั้งแต่เดือนธันวาคม ถึง เดือน มีนาคม รวม 4 เดือน และฤดูฝนตั้งแต่เดือน เมษายน ถึงเดือน พฤศจิกายน รวม 8 เดือน

 

6. สถาพทางธรณีวิทยาและปฐพีวิทยา

ลักษณะดินโดยทั่วไปเป็นดินร่วนปนทราย มีความอุดมสมบูรณ์สูง ชนิดพรรณไม้จะขึ้นได้ดีในทุก พื้นที่ อัตราการพังทลายมีน้อย ชั้นหน้าดินลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ลักษณะหินเป็นหินทรายและหินดินดาน การวางตัวของหินส่วนใหญ่จะลอยตัวอยู่ในชั้นดิน รูปทรงเป็นก้อนค่อนข้างกลม ในพื้นที่บางจุด เช่น บริเวณคลองมุย ท้องที่ ต.ตะกุกเหนือ กิ่งอำเภอวิภาวดีและคลองลงปลา ต.ปาก ฉลุย อ.ท่าฉาง จะมีบ่อน้ำร้อนอยู่ในลำธาร แห่งละ 1 จุด

 

7. ทรัพยาการป่าไม้ (ชนิดป่าและพรรณไม้)

เนื่องจากปริมาณและการกระจายของน้ำฝนที่ตกชุกเกือบทั้งปี ประกอบกับสภาพภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ทำให้พื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน ปรากฎสภาพป่าลักษณะเดียวกันทั้งพื้นที่คือป่าดิบชื้น (Tropical Rain Forest) ลักษณะโดยทั่วไปเป็นป่ารกทึบ ต้นไม้มีใบเขียวตลอดทั้งปี ชนิดพรรณไม้ที่สำคัญและพบอยู่ทั่วไปได้แก่ ไม้ยาง ไข่เขียว หลุมพอ หงอนไก่ เสียดช่อ นาคบุตร ตะเคียนราก ตะแบก อินทนิน ตะเคียนทราย ตะเคียนหิน กระบาก จำปา พยอม ตะเคียนทอง ฯลฯ และมีไม้ชั้นรองหลายชนิดรวมทั้งไผ่ ไม้ตระกูลปาล์ม (Palmaceae) เช่นระกำ ค้อ หลาวชะโอน และหวายชนิดต่าง ๆ บนต้นไม้มีกาฝาก กล้วยไม้ป่า เถาวัลย์หลายชนิด พื้นล่างจะมีพืชจำพวกเฟิร์นและกล้วยไม้ดิน เห็ด ชนิดต่าง ๆ พืชตระกูลเปล้า รวมทั้งพรรณพืชที่หายากเฉพาะถิ่น เช่น บัวผุด (Rafflesia Keeri) กล้วยไม้ในตระกูลรองเท้านารี

 

8. ทรัพยากรสัตว์ป่า

จากข้อมูลการสำรวจรวบรวมชนิดสัตว์ป่าโดยทั่วไปของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยันสามารถแยกสัตว์ป่าออกได้เป็น 6 ประเภท ดังนี้คือ

    1. สัตว์ป่าจำพวกเลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 56 ชนิด และมีสัตว์ป่าที่หายาก คือเสือลายเมฆ เสือโคร่ง สมเสร็จ กระทิง ชะนีธรรมดา เสือดาว ช้างป่า เก้งหม้อ วัวแดง เลียงผา ค่างแว่นถิ่นใต้ และเสือไฟ
    2. สัตว์ป่าจำพวกนกมีไม่ต่ำกว่า 155 ชนิด เช่น นกชนหิน นกกก นกเงือก ตระกูลนกปรอด นกหัวขวาน นกหว้า
    3. จำพวกแมลงชนิดต่าง ๆ มีไม่น้อยกว่า 187 ชนิด เช่น ผีเสื้อ ผึ้ง ต่อ แตน จั๊กจั่น แมลงปอ แมงมุม ฯลฯ
    4. สัตว์จำพวกเลื้อยคลานมีไม่น้อยกว่า 64 ชนิด เช่น จำพวกงู เต่า กิ้งก่า จิ้งเหลน เห่าช้าง เหี้ย ฯลฯ
    5. สัตว์จำพวกสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก มีไม่น้อยกว่า 17 ชนิด เช่น กบ เขียด ปาด อึ่งจิ๋วหลังลาย อึ่งอ่างมลายู จงโคร่ง
    6. สัตว์จำพวกปลามีประมาณ 80 ชนิด เช่น ปลาหางบ่วง ปลาหนามหลัง ปลาเสือพ่นน้ำ ปลาพรม ปลากระทิง ปลาชะโด ปลาไหล ฯลฯ

 

9. ทรัพยากรน้ำและสินแร่

ทรัพยากรน้ำ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยันเป็นจุดกำเนิดสายน้ำ หล่อเลี้ยงสรรพชีวิตจำนวนมากมายเป็นพื้นที่กว้าง กล่าวคือท้องที่อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง อ.บ้านตาขุน อ.คีรีรัฐนิคม อ.พุนพิน อ.เมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ความสำคัญและความอุดมสมบูรณ์ของป่าต้นน้ำลำธาร เป็นตัวบกชี้ถึงคุณภาพของน้ำในลำห้วยเล็กๆ ที่จะช่วยหล่อเลี้ยงแม่น้ำสายสำคัญต่างๆ ให้ไหลอยู่ได้อย่างยั่งยืนตลอดไป

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน คือป่าอนุรักษ์ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของลำห้วยหลายสาย ครอบคลุมพื้นที่ลุ่มน้ำที่สำคัญจำนวน 3 ลุ่มน้ำคือ

    1. ลุ่มน้ำคลองกะเปอร์ จากสายน้ำคลองลงปลา และคลองแพรกซ้าย ไหลรวมตัวกับที่บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าวังน้ำเย็น และไหลลงคลองกะเปอร์ที่ตำบลบ้านนา ผ่านตำบลบ้านนา ตำบลเชี่ยวเหลียงและตำบลกะเปอร์ อำเภอกะเปอร์และไหลลงสู่ทะเลอันดามันที่อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง
    2. ลุ่มน้ำคลองยัน ประกอบด้วยลำน้ำที่เกิดจากพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยันหลายสายรวมตัวกันเป็นสายน้ำคลองยัน จากส่วนเหนือสุดคือคลองท่าฉาง ไหลลงทางทิศใต้กลายเป็นคลองยัน และมีลำคลองที่สำคัญอีกหลายสายที่ไหลสู่ความยัน เช่นคลองชุน คลองมุย (บ่อน้ำร้อน) คลองปาว คลองแอ๊ะ คลองพาย และคลองตุย ไหลลงสู่แม่น้ำพุมดวงที่บ้านปากคลองยัน อำเภอคีรีรัฐนิคม และต่อไปลงแม่น้ำตาปีออกสู่ทะเลอ่าวไทย ที่อ่านบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    3. ลุ่มน้ำคลองพุมดวง ในพื้นที่อำเภอคีรีรัฐนิคมมีลำคลองที่เป็นต้นน้ำคลองพุมดวงคือคลองปังหลา คลองกะเปา และคลองทำเรียง สำหรับในท้องที่อำเภอบ้านตาขุนประกอบด้วย ห้วยบางกัว บางลาพวก บางโพรง บางเน่า ไหลรวมกันเป็นคลองมุย ไหลลงเขื่อนรัชชประภา แล้วลงคลอง พุมดวงสู่แม่น้ำตาปีออกสุ่ทะเลอ่าวไทยที่อ่าวบ้านดอน จ.สุราษฏร์ธานี

สินแร่ ชนิดแร่ที่สำคัญ ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยันคือแร่ดีบุก เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีประทานบัตรการทำเหมืองแร่ดีบุกในท้องที่ตำบลปากฉลุย อำเภอท่าฉาง ปัจจุบันได้ยุติการดำเนินการแล้วเนื่องจากสิ้นอายุประทานบัตรและไม่สามารถต่ออายุได้

 

10. แหล่งความงามตามธรรมชาติ

จากสภาพที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน และมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของลำห้วย ลำคลองหลายสาย ความเป็นธรรมชาติที่สวยงามยังมีปรากฎอยู่ในหลายลักษณะ โดยเฉพาะความงามของป่าผืนใหญ่ ที่ปราศจากการถูกรบกวนจากปัจจัยภายนอก ยอดเขาสูงที่ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกตลอดทั้งปี และความชุกชุมของสัตว์ป่านานาชนิด ซงเป็นการยากที่จะเข้าไปสัมผัสกับความสวยงามของสิ่งเหล่านี้ได้ จะมีได้ก็เฉพาะธรรมชาติที่สวยงามใกล้แหล่งชุมชน ดังนี้คือ

1. น้ำตกวิภาวดี (น้ำตกคลองพาย) เป็นน้ำตกขนาดกลางเดิมชาวบ้านเรียกน้ำตกคลองพายต่อมาเมื่อหม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีเสด็จประทับแรมบริเวณน้ำตก จึงขนานนามใหม่ว่า "น้ำตกวิภาวดี" ต้นน้ำของน้ำตกอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน ลักษณะทั่วไปเป็นน้ำตกขนาดกลางมีทั้งหมด 10 ชั้น ไม่รวมชั้นย่อย ร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้ของป่าดิบชื้น จุดที่ตั้งของน้ำตกอยู่ในท้องที่หมู่ที่ 8 ตำบลตะกุกใต้ กิ่งอำเภอวิภาวดี จังหวัดสุราษฏร์ธานี ห่างจากที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยันประมาณ 500 เมตร เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในท้องถิ่นและต่างถิ่นเป็นอันมาก

2. น้ำตกวังน้ำเย็น มีลักษณะความงามและจุดเด่นเป็นพิเศษ กล่าวคือบริเวณน้ำตกจะเป็นจุดร่วมระหว่างธารน้ำเย็นและธารน้ำร้อนซึ่งไหลมาจากบ่อน้ำร้อนในลำคลองอีกสายหนึ่ง จุดที่ตั้งบริเวณที่ทำการหน่วยพิทักษ์ป่าวังน้ำเย็นหมู่ที่ 5 ตำบลปากฉลุย อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฏร์ธานี เส้นทางคมนาคมที่จะเข้าถึงน้ำตก มีเส้นทางเดียวคือเส้นทางจากอำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง สายน้ำจากน้ำตกและธารน้ำร้อนเป็นต้นน้ำของคลองวกะเปอร์ไหลลงสู่ทะเลอันดามันที่อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง

3. ธรรมชาติสองฝั่งคลองยัน คลองยันเป็นลำน้ำสายสำคัญที่มีจุดกำเนิดมาจากพื้นที่ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน ไหลรวมกับคลองพุมดวง เป็นแม่น้ำตาปี ในสายลำคลองมีความงามของป่าธรรมชาติทั้งสองฝั่ง ตลอดถึงน้ำตกและเกาะแก่งที่สายงาม ในส่วนที่ผ่านหมู่บ้านนอกพื้นที่เขตฯ สามารถชมความงามในสวนผลไม้และความเป็นอยู่ของวิถีชีวิตของชาวชนบทที่แท้จริง

11. สถิติประชากรเเละการถือครองที่ดินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

จากการสำรวจประชากรที่ถือครองที่ดินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน ประจำปี 2542 ปรากฏว่ามีพื้นที่ทำกินของราษฎรจำนวน 329 แปลง พื้นที่ 5,768 ไร่ 3 งาน 79 ตารางวา ราษฎรจำนวน 255 ครอบครัว 1,105 คน

12. ประโยชน์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านับว่ามีประโยชน์ต่อสังคมไทยเเละมีผลต่อระบบสิ่งแวดล้อมโดยส่วนรวมเป็นอย่างมาก ซึ่งสามารถสรุปคุณประโยชน์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้ดังนี้

1. เป็นการป้องกันมิให้สัตว์ป่าที่มีน้อยเเละหาได้ยากต้องสูญพันธุ์

2. สัตว์ป่าที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะได้รับการคุ้มครองเเละป้องกันมิให้ถูกล่าทำลายทำให้สัตว์ป่าเหล่านั้นได้มีโอกาสสืบพันธุ์และเพิ่มจำนวนมากขึ้น สัตว์ป่าที่เพิ่มขึ้นจะได้มีโอกาสกระจายเข้าไปในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง

3. บรรดาต้นไม้ พรรณไม้ทุกชนิด ตลอดจนสภาพของต้นน้ำลำธาร ดิน หิน และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่มีอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้รับการคุ้มครองป้องกันเป็นอย่างดี ทำให้ป่าไม้และต้นน้ำลำธารคงอยุ่ เพื่อช่วยหล่อเลี้ยง แม่น้ำสายต่าง ๆ ให้มีน้ำไหลตลอดปี และยังช่วยป้องกันมิให้เกิดอุทกภัยที่รุนแรงอีกด้วย

4. สัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ และทัศนียภาพสวยงามภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้าไปเยี่ยมชม เป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และยังทำให้ประชาชนในท้องถิ่นมีงานทำและมีรายได้อีกด้วย

5. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเปรียบเสมือนห้องทดลองค้นคว้าทางวิชาการขนาดใหญ่สำหรับการค้นคว้าทางวิทยาศาตร์สาขาต่าง ๆ โดยเฉพาะสาขาชีววิทยาและสิ่งแวดล้อม