EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 19xx

ข้อมูลใหม่


"สวัสดีครับ คุณโคะจิโร่ มาตรงเวลาเป๊ะเลยนะครับ"
เกล็นทักขึ้น ทันทีที่ผมโผล่เข้าไปในบาร์ ผมตรงเข้า
ไปร่วมโต๊ะด้วยทันที
"โทษที ที่เรียกนายมาพบด่วนอย่างนี้"
"ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีรับใช้เสมอ เหอะ ๆ ๆ" เกล็น
ตอบแล้วหัวเราะเสียงต่ำตามสไตล์ "ว่าแต่คุณโคะจิ
โร่นี่ยอดไปเลยนะครับ กำลังตามคดีใหญ่อยู่ละสิ
ครับเนี่ย"
"เอ๊ะ?" ผมงง
"อ้าว! ก็คดีนายโคไงล่ะครับ ผมสงสัยตั้งแต่เมื่อวาน
นี้แล้ว ทำไมคุณโคะจิโร่ก็หาของหายให้เขาได้แล้ว
แต่ยังสนใจที่จะซื้อข้อมูลจากผมอีก แล้วเป็นไงล่ะ
ครับ พอเข้าวันนี้นี่ ทุกคนก็รู้กันเลยว่า กลายเป็น
เรื่องใหญ่ไปเสียแล้ว"
"นายนี่ก็ไวเหมือนเดิมนะ" ผมแค่นยิ้ม
"โอ๊ะ! ผมก้าวก่ายงานของคุณโคะจิโร่มากไปหน่อย
แล้วมั้งครับ ขอโทษด้วยครับ เหอะ ๆ มันอดชื่นชม
ไม่ได้น่ะครับ ว่าลูกค้าของผมคนนี้ไม่ใช่นักสืบ
ธรรมดา ๆ" เกล็นพูดมายาวเหยียด ผิดปกติวิสัย
ของหมอนี่ที่มักจะพูดเท่าที่จำเป็น และจะพูดยาว ๆ
ก็ต่อเมื่อกำลังสาธยายข้อมูลให้ฟังเท่านั้น
"เออ! แต่นายรู้ก็ดีแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องเท้าความ
มาก" ผมตอบ แล้วเข้าเรื่องทันที "ฉันสงสัยว่า ฆาต
กรคดีนายโคจะเป็นเจ้าอะซะชินที่นายแถมเป็นข่าว
ฟรีให้ฉันรึเปล่า...แต่ก่อนอื่น ฉันต้องบอกนายก่อน
นะว่า นายโคที่มาให้ฉันหารูปนะเป็นตัวปลอม"
ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้นายเกล็นฟังคร่าว ๆ ขานั้น
ฟังด้วยความสนใจ เมื่อผมพูดจบก็เอ่ยขึ้นมาว่า
"เหรอครับ ขนาดคุณโคะจิโร่ยังเสียท่าเขาหรือครับนี่
อืมห์..." ทำท่าครุ่นคิดแล้วก็ขยายต่อ
"เท่าที่ผมทราบ ยังไม่มีข้อมูลไหนที่จะยืนยันได้เลย
ครับ ว่าคดีฆาตกรรมนายโคตัวจริงนี่เป็นฝีมือขอ
งอะซะชินหรือไม่ ข่าวของผมคงทราบแต่เพียงว่า
หมอนี่อยู่ในญี่ปุ่นแล้วในขณะนี้ แน่นอน เท่านั้นเอง
ครับ"
"งั้นเหรอ" ผมเสียงอ่อนลง ผิดหวังเล็กน้อยที่การณ์
ไม่เป็นคาด "ถ้างั้นเอาเป็นว่า พยายามติดตาม
ความเคลื่อนไหวของเจ้าอะซะชินนี่ต่อไปก็ละกันนะ
ฉันเองก็ภาวนาให้เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าหมอนี่ได้จะ
เป็นการดีที่สุด"
"ครับ" เกล็นตอบ "แต่พูดด้วยใจจริงแล้ว ผมก็กำลัง
ภาวนาให้คุณโคะจิโร่ถอนตัวจากคดีนี้โดยเร็วจะดีที่
สุดเหมือนกันครับ"
"?" ผมมองหน้าฝ่ายนั้นอย่างตั้งคำถาม เกล็นตอบ
มาทันที
"ก็เพราะคุณโคะจิโร่เป็นลูกค้าที่ดีของผมน่ะสิครับ
ผมไม่อยากเสียลูกค้าไป อ๊ะ! ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อมือ
คุณโคะจิโร่นะครับ แต่บอกตามตรงว่า ต่อให้ยังไม่
มีข้อมูลว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะซะชินก็ตาม แต่ก็หนีไม่
พ้นความจริงที่ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่คดีธรรมดา ๆ แต่เป็น
เรื่องใหญ่มากทีเดียว"
เกล็นรู้ข้อมูลมาเหมือนกับที่ผมได้รับทราบจากฮิมุ
โระ ว่างานนี้มีเบื้องหลังคือ ความขัดแย้งทางการ
เมืองในประเทศเอลเดีย
"ขอบใจที่นายเป็นห่วงฉัน" ผมตอบ "ฉันจะระวังตัวก็
แล้วกัน ถ้ามันชักจะไม่ไหว ก็เห็นจะต้องถอนตัวล่ะ"
"ครับ ๆ ดีครับ ผมน่ะ ยินดีช่วยหาข่าวให้คุณโคะจิโร่
สุดใจขาดดิ้นอยู่แล้วครับ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ
แหะ ๆ ผมยังไม่อยากเสียลูกค้าไปหนึ่งคนด้วยข่าว
ที่ผมหามาเอง"
"อืมห์ เอาเป็นว่า หนึ่ง นายติดตามข่าวความเคลื่อน
ไหวของเจ้าอะซะชินให้ทีนะ แล้วก็ สอง ฉันช่วยสืบ
รายละเอียดเกี่ยวกับความสำคัญของภาพวาดภาพ
นั้นให้ด้วย บอกตามตรง ฉันรู้สึกว่าข้อมูลที่มีมันยัง
ขาดอะไรไปบางอย่างน่ะ" ใช่ครับ ลางสังหรณ์ของ
ผมบอกอย่างนั้นจริง ๆ ว่ารูปวาดนั้นต้องมีความ
สำคัญอะไรเป็นพิเศษแน่ แต่จะเกี่ยวกับว่าคำสาป
นั้นเป็นจริงหรือไม่ ผมก็ตอบไม่ได้
"ครับ" เกล็นรับคำ
ผมทำท่าว่าจะยุติการสนทนาเพียงเท่านั้น เกล็นทำ
ท่าอึกอักก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
"ที่จริงแล้ว ผมมีข้อมูลเกี่ยวกับการหาเงินแบบ
สบาย ๆ อยู่น่ะครับ ไม่ทราบจะสนใจซื้อบ้างไหม
ครับ"
"อะไรเหรอ ประกาศจับรึไง" ผมนึกถึงการตั้งรางวัล
นำจับกันในตลาดมืด ซึ่งมักมีมาบ่อย ๆ
"ก็ไม่เชิงครับ งานนี้มาจากต่างประเทศ เป็นของ
ประเทศเอลเดียอีกแล้วครับ" ให้ตายเถอะ ทำไมพัก
นี้มีแต่เรื่องของประเทศเอลเดียนะ
"ลองว่าไปสิ" ผมชักสนใจ เหตุผลอีกอย่างก็คือ ตอน
นี้ "ถังแตก" อยู่ไงครับ
"หน่วยจารกรรมของประเทศเอลเดีย ซึ่งที่จริงถ้า
เทียบแล้วก็คือ หน่วยสืบราชการลับนั่นเอง ตั้ง
รางวัลนำจับ สำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้ครับ ข้อ
มูลไม่ได้บอกว่าชื่ออะไร บอกแต่ลักษณะไว้ว่า เป็น
สาวชาวเอลเดีย ผิวคล้ำ ผมสีทองครับ สูง
ประมาณ..."
ผมใจหายวาบ ฟังเกล็นพูดไป แล้วก็แกล้งขัดขึ้นมา
ว่า
"เขาจะจับตัวเด็กคนนี้ไปทำไม"
"ไม่ทราบสิครับ"
"บอกลักษณะมาแบบนี้ จะหาตัวเจอเร้อ เด็กต่าง
ประเทศ ผมทอง มีเยอะแยะไป"
"มีลักษณะพิเศษที่สำคัญที่สุดของเด็กคนนี้อีกอย่าง
หนึ่งครับ ซึ่งผมคิดว่า ใครเห็นเข้าก็ต้องรู้ได้ทันทีแน่
นอน"
"อย่าบอกนะ ว่าตาสองข้างสีไม่เหมือนกัน"
"โอ๊ะ! คุณโคะจิโร่รู้ก่อนผมอีกแล้ว" เกล็นทำหน้า
เจื่อน ๆแต่ในสายตาทอประกายยินดีวูบหนึ่ง "ใช่
แล้วครับ เด็กคนนี้มีนัยน์ตาสองข้างสีไม่เหมือนกัน
ข้างหนึ่งเป็นสีฟ้า อีกข้างหนึ่งเป็นสีทอง อย่าบอก
นะครับว่าคุณโคะจิโร่เจอตัวแล้ว"
"มะ..ไม่ใช่หรอก ฉันรู้ข่าวนี้มาก่อนตะหาก"
"เหรอครับ ว้า.." แกล้งจุ๊ปาก "ทำไมระยะหลัง การ
ข่าวคุณโคะจิโร่ดีจังเลยครับเนี่ย ผมขายของไม่ออก
ทุกทีเลย เหอะ ๆ"
...
แยกจากเจ้าเกล็นแล้ว ผมเดินฝ่าความมืดของ
รัตติกาล ที่อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถูกแทนที่ด้วยแสง
อรุณของวันใหม่ การคุยกับเจ้าเกล็นในครั้งนี้ บอก
ตามตรงว่าไม่ได้อะไรมากนักนอกจากฝากเรื่องให้
ทำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางฮิมุโระคงจะสืบให้ผมไม่ได้ แต่
สิ่งที่ติดค้างในใจผมมากที่สุด คือหน่วยจารกรรม
ของเอลเดีย ตั้งรางวัลนำจับ 'พริน' ไว้สูงลิบลิ่ว
ครับ ลักษณะตามที่เกล็นบอกมานั้น จะเป็นใครไป
ไม่ได้เด็ดขาด นอกจากยัยพรินนั่นเอง ไม่รู้ว่าแกไป
ทำอะไรไว้นะ ‘หน่วยสืบราชการลับ’ ของเอลเดียถึง
ได้ต้องการตัว ผมร้อนใจรีบสาวเท้ากลับสำนักงาน
ทันที
...
ทันทีที่ผมเดินเข้าไปในสำนักงานของตัวเอง ซึ่งมืด
สนิทและยังไม่ทันที่ผมจะเอื้อมมือไปกดสวิทช์ไฟ
ผมก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
'หือม์?' มีใครอยู่ในสำนักงานอยู่ก่อนแล้ว ผมชะงัก
เท้าลงนิดหนึ่งก่อนที่จะจรดปลายเท้า ย่องเข้าบ้าน
ตัวเอง
เอ อยู่ไหนนะ ที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องถามตัวเองเลย
เพราะผมได้คำตอบมาโดยทันทีว่า อาคันตุกะผู้มิได้
รับเชิญคนนี้ อยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ของผม ซึ่งอยู่บน
ชั้นลอย และที่สำคัญคนคนนั้น ไม่ใช่เด็กสาวที่ผม
กำลังร้อนใจอยากเจอตัวด้วย
ผมมองซ้ายมองขวา ตรวจสอบสภาพในสำนักงาน
ให้แน่ใจอีกทีหนึ่ง อืมห์... ไม่มีคนที่สามอีกแล้วนอก
จากผมและแขกผู้มิได้รับเชิญคนนี้ ผมย่องขึ้นบันได
ชั้นลอย และเมื่อเข้าใกล้ แสงสลัว ๆ จากหน้าจอ
คอมพิวเตอร์ของผมซึ่งกำลังถูกใครบางคนใช้โดย
ไม่ได้รับอนุญาตก่อน ก็ทำให้ผมเห็นได้ว่า ผู้แอบใช้
คอมพิวเตอร์ของผมเป็นผู้หญิง แต่งชุดเสื้อ
กระโปรงอย่างเรียบร้อย ไว้ผมยาวและรวบปลาย
ผมผูกไว้ด้วยโบว์ เอ... โบว์อันนี้คุ้น ๆ ตาอยู่แฮะ
'ยัยอะคะเนะ!' ผมร้องอุทานในใจ คนที่กำลังแอบดู
ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ไม่ใช่ใครหรอกครับ คนรู้จัก
กันนั่นเอง ทำไมต้องมาทำอย่างนี้ด้วยนะ
"อือ... นายโคะจิโร่ก็สงสัยในเรื่องนี้ด้วยเหรอ...อือ..
(หงึกหงัก ๆ<--- พนักหน้าน่ะครับ)" อะคะเนะมอง
ข้อมูลของผมไปแล้วก็พนักหน้าเออออกับตัวเอง
ผมเห็นว่าเจ้าหล่อนกำลังมีสมาธิกับการขโมยดูข้อ
มูลคนอื่น เลยไม่ได้ส่งเสียงรบกวนแต่อย่างไร คง
ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น คอยดูซิว่า ยัยนักข่าวสาวคนนี้จะ
ทำอะไรต่อไป
อยากรู้นักจะแก้ตัวว่าไง จับได้คาหนังคาเขาอย่างนี้
สงสัยเมื่อวันก่อนก็คงเป็นฝีมือยัยนี่แน่เลย ผมคิด
ถึงไฟนิรภัยที่ฟ้องผมว่า มีคนแอบใช้คอมพิวเตอร์
เวลาที่ผมไม่อยู่เมื่อวานนี้
"เรียบร้อย...อ๊ะ!" อะคะเนะคงจะเสร็จจากการหาข้อ
มูลที่ตัวเองต้องการแล้วกระมังจึงยืดตัวขึ้น แล้วหัน
หน้ามองซ้ายขวา และก็ได้รับรู้ในตอนนี้เองว่า เจ้า
ของสถานที่กลับมาถึงแล้ว และยืนมองพฤติกรรม
ของตัวเองอยู่ด้านหลัง
"โคะจิโร่!" ไม่มีทางเลือก ยัยอะคะเนะทักผมด้วยสี
หน้าเจื่อน ๆ แล้วก็ปั้นรอยยิ้ม "ฮะ ๆ ไปไหนมา
กลับดึกเชียว"
"จะอธิบายว่าไง ยัยอะคะเนะ" ผมไม่ตอบหล่อน แต่
ถามกลับด้วยน้ำเสียงเครียด ๆ
"..." อะคะเนะก้มหน้าไปนิดหนึ่ง
"อยากดูข้อมูลในนั้น ขอฉันดี ๆ ก็ได้ ฉันก็ให้นายดู
ทุกทีนี่ ทำไมต้องมาแอบทำลับ ๆ ล่อ ๆ อย่างนี้
ด้วย" ผมสำทับเข้าไปอีก
"โทษที... ก็นายไม่อยู่นี่" ตอบมาเสียงอ่อย
"ก็แล้วตอนฉันอยู่ทำไมไม่ขอเล่า วันนี้ก็เจอกันตั้ง
หลายครั้งไม่ใช่เหรอ"
"...ก็มัน..." อะคะเนะอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก "ขอโทษ
จริง ๆ"
ผมสังเกตเห็นสีหน้าเจ้าหล่อนไม่สู้ดี ก็ใจอ่อน เลิก
ไล่เบี้ยอีก แต่แล้วก็กลับที่จะถามหล่อนไม่ได้
"เป็นอะไรไปรึเปล่า หน้าตาไม่สบายเลย" พูดไปแล้ว
ในใจก็นึกขึ้นได้ว่า สงสัยจะรู้ข่าวเรื่องเจ้านิไคโด
แล้วมั้ง
"มะ..ไม่มีอะไร" อะคะเนะรีบส่ายหน้าตอบทันที "ฉัน
ไปก่อนนะ ดึกแล้ว"
ไม่รอคำตอบจากผม เดินแทรกกายผ่านด้านข้างผม
ไป แล้วก็เลยไปยังประตูทางออกทันที
เอ๊อ! อะไรกันแฮะ ยัยนี่ ท่าทางพิลึกคน ผมคิดในใจ
อย่างนั้น ในเมื่อรู้แล้วว่าอะคะเนะเองที่เป็นคนมา
แอบใช้คอมพิวเตอร์ของผม ก็คงจะไม่ต้องตรวจ
แล้วมั้งว่ามีข้อมูลหายหรือไม่ ผมจัดการเคลียร์
หลอดไฟนิรภัยที่สว่างอยู่ จากนั้นก็ปิดเครื่อง
คอมพิวเตอร์ แล้วเดินกลับไปที่กลางสำนักงาน ใน
ใจคิดว่า คืนนี้คงจะไม่ไหวแล้วล่ะครับ เข้านอนดี
กว่า เรื่องต่าง ๆ ไว้พรุ่งนี้ค่อยคิด ทั้งเรื่องยัยพริน,
แล้วก็... ใช่ครับ เรื่องนัดกับฮิมุโระ
เอ๊ะ! นั่นอะไร? ผมปราดเดินเข้าไปที่โต๊ะเอนก
ประสงค์ พบว่ามีวัตถุแปลกปลอมชิ้นหนึ่งวางอยู่
'กล้องถ่ายรูปนี่?' เป็นกล้องถ่ายรูปอย่างดีเลยครับ
ขนาดออกจะเทอะทะหน่อย ท่าทางจะเป็นของมือ
อาชีพ สงสัยยัยอะคะเนะลืมไว้ แปลก แต่ไหนแต่ไร
เห็นสะพายกล้องไม่มียอมให้ห่างตัว ทำไมมาลืมทิ้ง
ไว้อย่างนี้ได้
ผมคิดในใจว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าของก็คงจะมารับคืน
กระมัง...
back index next