EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 19xx

พริน


"ตึ้ก ๆ ๆ"
"หือ?" ผมตื่นจากภวังค์ แต่เปลือกตายังปิดอยู่ เอ!
เสียงอะไรเอ่ย ดังรบกวนเราจนตื่นแต่เช้าเชียว นี่ยัง
ไม่ใช่เวลาตื่นของผมสักหน่อย โอย! ง่วงแฮะ หลับ
ต่อดี...กว่า
"ช่า ๆ ๆ"
เสียงปริศนาดังมาอีก คราวนี้เป็นเสียงใหม่แฮะ เอ!
เกิดอะไรขึ้นกับผมหรือเปล่า ไม่ใช่สิ ผมเป็นปกติดีนี่
นา นอกจากว่าถูกเจ้าเสียงพิกลนี่ปลุกผิดเวลาเท่า
นั้น
"เช้ง ๆ ๆ"
เอาอีกแล้ว อืมห์! อย่างนี้ก็ได้เวลาออกโรงของ
สมองนักสืบแล้วสิ เอ้า! โคะจิโร่เอ๋ย คิดสิ คิดเข้า
เสียง "ตึ้ก ๆ ๆ" ตามด้วยเสียง "ช่า ๆ ๆ" แล้วสุดท้าย
ก็เป็น "เช้ง ๆ ๆ" นี่จะเป็นเหตุการณ์อะไรได้บ้าง อัน
แรกเสียงตึ้กหรือ ก็คิดไปได้หลายอย่างนะ แต่ตึ้ก
แล้วตามด้วยช่านี่ ก็เห็นทีจะไม่พ้นเสียงสับหมูบน
เขียง (อืมห์ เข้าท่าแฮะ) แล้วตามด้วยเสียงผัดหมูใน
กระทะ (อืมห์ เข้ากันได้) ถ้างั้น.... เสียงเช้งล่ะ ก็เป็น
เสียงตักหมูที่ผัดเสร็จแล้วออกจากกระทะลงสู่จาน
นั่นเอง เอ๊ะ! ถ้าคิดตามนี้ก็ดูสมเหตุสมผลดีนี่ แต่
เดี๋ยวก่อน ผมยังนอนอยู่ตรงนี้อยู่เลยแล้วใครกันล่ะ
ที่เป็นคนทำอาหารนี่น่ะ โอ๊ะโอ่… กลิ่นหอมลอยมา
แตะจมูกผมเข้าให้ซะแล้ว เอาไงดี ใครกันหนอทำ
อาหารเช้าให้เรา อาหารเช้าหรือ? นานแล้วสิที่ไม่มี
คนทำอาหารเช้าให้ผมตั้งแต่ผมแยกจากยะโยยมา
หรือว่าผมฝันไปถึงสมัยที่ยังอยู่กับยะโยย?
"คุณผู้ชายเจ้าขา ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ อาหารเช้าพร้อม
แล้วค่ะ" เสียงใส ๆ ของผู้หญิงดังแว่วมากระทบโสต
ประสาท อืมห์ ไม่ใช่เสียงยะโยยนี่ ถ้างั้นใครกันล่ะ?
ผมลืมตาขึ้นทันที แล้วก็ลุกขึ้น เอ๊ะ! ผมจำได้ว่าเมื่อ
คืนผมนอนที่โซฟาแล้วก็ไม่ได้ห่มผ้าห่มนี่นา ทำไมมี
ผ้าห่มล่ะ แล้ว...
"เหวอ!" ผมร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ภาพ
ตรงหน้าของผมก็คือ เด็กสาววัยแรกรุ่นคนหนึ่ง
กำลังยืนอยู่ที่ข้างโซฟาค่อนไปทางเท้าของผม แล้ว
กำลังประสานมืออย่างอ่อนน้อม และโค้งตัวลงทัก
ทายผม
"โอะฮะโยโกะไซมะสึ (อรุณสวัสดิ์) ตื่นแล้วหรือคะ
คุณผู้ชาย รีบไปแปรงฟันเลยนะคะ หนูเตรียม
อาหารเช้าไว้แล้วค่ะ ฮิ ฮิ" สุดท้ายหัวเราะแบบอาย
ๆ โอ! เด็กอะไรน่ารักจัง ถ้า...ใช่ ถ้าเธอเป็นคนที่ผม
รู้จักและไว้ใจได้นะ
"เธอเป็นใครกัน?" ผมถาม ยังมึน ๆ อยู่ "โอ๊ะ! นั่น
เสื้อตัวเก่งฉันนี่ อา...(เอามือกุมหน้าผาก) กางเกง
ด้วย นี่ ๆ เธอไปรื้อเอาชุุดนี้มาจากไหน หือ?"
"ก็แหม หนูไม่มีเสื้อผ้าจะเปลี่ยนนี่คะ" เด็กสาวยิ้ม
อาย ๆ "ก็เลยไปรื้อตู้เสื้อผ้าคุณผู้ชายก็เห็นเหลือแต่
ชุดนี้นี่แหละค่ะ เป็นไงค่ะ? หนูใส่แล้วดีไหม" เด็ก
สาวหมุนตัวให้ดูหนึ่งรอบ อืมห์ ก็ดูไม่เลวนะ แม้
แขนเสื้อจะยาวไปหน่อยจนเจ้าหล่อนต้องพับแขน
เสื้อขึ้น และรวมทั้งขากางเกงที่ต้องพับขึ้นด้วย แต่ก็
โอเค อืมห์... อ๊ะนี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมเจ้าหล่อนนะ
ผมยังไม่รู้เลยว่าเด็กคนนี้เป็นใคร ทำไมมาอยู่ใน
บ้านและสำนักงานของผมได้ และทำไมมาทำ
อาหารเช้าให้ผม เอ๊ะ! ผมสีทอง ตาสองข้างสองสีนี่
คุ้นๆ
"เธอ! เด็กเมื่อคืนนี้นี่" ผมนึกออกแล้ว และแวบหนึ่ง
อดคิดถึงฉากในห้องอาบน้ำเมื่อคืนไม่ได้ กึ๋ยส์!
"ใช่แล้วเจ้าค่ะ ขอบพระคุณคุณผู้ชายมากค่ะ ที่ช่วย
หนูไว้เมื่อคืนนี้" เด็กสาวตอบ ไม่ต้องสงสัยเลย คนนี้
ก็คือ คนคนเดียวกับเด็กที่ผมเดิมคิดว่าเป็นเด็กผู้
ชาย และเมื่อคืนผมได้ช่วยเอาไว้จากพวกอันธพาล
นั่นเอง รวมทั้งพาเข้ามาในสำนักงาน สละเตียงให้
นอน หายาให้ทาน จนกระทั่งไปจบลงที่ ไปจ๊ะเอ๋กับ
เจ้าหล่อนในห้องอาบน้ำพอดี
"ตายแล้ว" เด็กสาวอุทาน ทำตาโตและเอามือทาบ
อก จากนั้นก็ตรงเข้ามาฉุดมือผม ดึงจะให้ลุกขึ้น
"คุณผู้ชายหิวแย่แล้วล่ะค่ะ รีบไปแปรงฟันเถอะค่ะ
หนูจะได้จัดโต๊ะอาหารไว้เลย เร็วเข้า ๆ"
แปลกแฮะ สมัยยะโยยทำอาหารเช้าให้ ถ้าเป็นบท
ผมจะอิดออดขึ้นมา ผมก็ยังคงอิดออดแกล้งนอน
อยู่บนเตียง ไม่ยอมลุกขึ้นอย่างนั้นแหละจนยะโยย
ต้องขู่ว่าจะใช้กำลังกันถึงจะยอมลุก แต่กับแม่สาว
น้อยคนนี้แล้ว ทำไมผมยอมทำตามอย่างว่านอน
สอนง่ายนะ จะว่าไปไอ้หิวก็หิวอยู่หรอก แต่ผมไม่ได้
ทานอาหารเช้ามาหลายวันแล้วนา ก็น่าจะชินแล้ว
อืมห์ ใช่แล้ว ผมรีบทำตามแม่หนูคนนี้ เพราะจะได้
ไปคุยกันให้รู้เรื่องสักทีตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก (เมื่อ
คืนนี้) ไงล่ะ ว่าจะถามความเป็นมา รวมทั้งที่อยู่ของ
เจ้าหนูซึ่งตอนนี้กลายเป็นแม่หนูไปแล้วเพื่อจะได้ส่ง
ตัวกลับบ้านถูก เฮ้อ! หวังว่าไม่ใช่พวกแรงงานต่าง
ชาติที่ลักลอบเข้าเมืองมานะ แล้วไอ้แรงงานต่าง
ชาติที่เป็นผู้หญิงเขาเข้าญี่ปุ่นมาทำอะไรกันน่ะ ผม
ไม่อยากคิดเลย เด็กคนนี้ก็ท่าทางดีออก คงไม่ใช่
พวกแบบนั้นหรอกน่ะ โอ๊ะ! อะไรกัน ทำไมเราต้อง
คิดอะไรมากมายกับเด็กคนนี้ด้วย เดี๋ยวก็ได้คุยกัน
แล้วนี่ อืมห์อืมห์....
"ฮิ ๆ" เด็กสาวหัวเราะขึ้น "คุณผู้ชายเป็นอะไรไปเจ้า
คะ? สั่นหน้าแล้วก็พยักหน้าหงึก ๆ"
เฮ้อ! ตายล่ะ! จับตามองเราตลอดเลยหรือนี่ นี่ดูท่า
ทางผมจะแพ้ทางเด็กคนนี้ซะแล้วนะครับ เวรกรรม
...
"อร่อยไหมคะ?" เด็กสาวซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของ
โต๊ะถามขึ้น ก็โต๊ะตัวเดียวในสำนักงานนั่นแหละ
ครับ ตอนนี้มันถูกจัดการแปลงสภาพเป็นโต๊ะรับ
ประทานอาหารเรียบร้อย เอาของไม่จำเป็นออก
หมด รวมทั้งเจ้าพวกหนังสือพิมพ์และนิตยสารเก่า
ๆ ที่ผมอุตส่าห์สะสมไว้บนโต๊ะ (ขี้เกียจทิ้งตะหาก)
ก็โดนรวบรวมไปอยู่ในถุงขยะเรียบร้อยแล้ว
"อึ้ม งั่ม ๆๆ" ผมพยักหน้าหงึก ๆ โอ! อร่อย ครับ
อร่อย ตั้งแต่แยกกับยะโยยแล้วเพิ่งได้ทานอะไร
อร่อย ๆ วันนี้เอง ขอบคุณสวรรค์
"ตายจริง อร่อยจนน้ำตาไหลเลยหรือเจ้าคะ" เด็ก
สาวยิ้มหน้าบาน "ถ้างั้นก็ทานเยอะ ๆ นะคะหนูจะ
ทำให้ทานทุกวันเลยเจ้าค่ะ... นี่ของวันนี้ หนูไปรวบ
รวมเท่าที่มีเหลือในตู้เย็นมาทำไปตามมีตามเกิดน่ะ
ค่ะ ไว้คราวหน้าจะทำให้อร่อยกว่านี้อีก"
"งั่ม ๆ ๆ" ผมเคี้ยวคำสุดท้ายลงคอ อาหารข้างหน้า
หมดเกลี้ยง โดยสาวเจ้าเชิญให้ผมทานคนเดียว
บอกว่าตัวเองมีแล้ว "แค่นี้ก็อร่อยแล้วล่ะ เก่งจริงเรา
นี่ แต่ใส่หมูเยอะไปหน่อยนะ ฉันกะเก็บไว้กินอีก
สองวัน...."
"เอ๊ะ! คุณผู้ชายพูดอะไรนะคะ?" เด็กสาวหน้าซีด
เผือด ถามผมขึ้นทันทีพร้อมชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมา
จนเกือบชิดหน้าผม
"หือ? ก็บอกว่า กะจะเก็บไว้กินอีกสองวัน" ผมตอบ
ยังงงอยู่ จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมจู่ ๆ เด็กสาว
ถึงตกใจ
"ไม่ใช่ค่ะ ประโยคก่อนหน้านั้นค่ะ" ตาสีฟ้าและสี
ทองจ้องผมเขม็ง
"บอกว่าใส่หมูเยอะไป...หน่อย" พูดไม่ทันจบผมก็
เจอดีเข้าให้ ก็เด็กสาวกระโจนพรวดเดียวถึงตัวผม
เลยครับ พร้อมลากผมไปทางอ่างล้างหน้าแล้วเอา
มือลูบหลังใหญ่ ลูบขึ้นซะด้วยสิครับ ไม่ใช่ลูบลง
"ต๊าย ตาย ๆๆๆ ตายแล้ว" ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"คุณผู้ชายรีบอาเจียนออกมาให้หมดเลยค่ะ ไม่งั้น
คุณผู้ชายจะต้องมีอันเป็นไปเจ้าค่ะ เร็วค่ะ รีบ
อาเจียนออกไปเลยค่ะ เอาออกให้หมด..."
"เดี๋ยวใจเย็น อย่าลูบหลังแบบนั้นสิ เดี๊ยวก่อน" ผม
รีบห้าม "โอ้ก!"
"ไม่ได้ค่ะ คุณผู้ชายกินเอาของสกปรกออกไป ไม่ดี
ค่ะ รีบอาเจียนออกไปเร็วสิคะ"
...
กว่าจะคุยกันรู้เรื่องว่า เจ้าหล่อนนับถือศาสนาอิส
ลาม ซึ่งมีข้อบัญญัติว่าห้ามทานเนื้อหมู โดยถือว่า
เป็นสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายและสกปรก ก็เล่น
เอาผมแทบแย่ เฮ้อ เวรกรรม เด็กตัวเล็ก ๆ คนเดียว
เอาเกือบไม่อยู่แน่ะ
เอาล่ะ อาหารเช้าก็จัดการโซ้ย (?) เรียบร้อยแล้วต่อ
ไปก็มาเข้าเรื่องสำคัญกันสักที ผมเรียกเด็กสาวมา
นั่งตรงหน้า
"เอาล่ะ ทีนี้มาคุยกันได้แล้ว บอกมาสิ ว่าเราเป็น
ใครมาจากไหน หือ?" ผมถาม
"แหม! คุณผู้ชายอย่าทำหน้าดุอย่างนั้นสิคะ" เด็ก
สาวทำหน้าจ๋อย เอามือสองข้างประสานกันไว้ข้าง
หน้าและใช้นิ้วชี้สองข้างแยงกันไปแยงกันมา "หนูไม่
ใช่พวกแอบลักลอบเข้าเมืองสักหน่อย"
"โทษที" ทำไมผมต้องขอโทษด้วยนะ รู้สึกว่าผมจะ
แคร์ความรู้สึกสาวน้อยคนนี้มากผิดปกติ แต่อย่าง
ไรก็ตามก็รู้สึกโล่งใจที่เด็กสาวบอกว่าไม่ใช่พวกเข้า
เมืองแบบผิดกฎหมาย อืมห์ นี่ก็อีก ทำไมผมรู้สึก
อยากเชื่อทุกอย่างที่เจ้าหล่อนพูดมาก็ไม่รู้ "แล้วชื่อ
อะไรน่ะเราน่ะ"
"ชื่อพรินค่ะ" เด็กสาวรีบตอบ
"ชื่อเพราะดีนี่" ผมชม "แล้วหนูพรินมาจากไหนจ๊ะ
พ่อแม่ของพรินล่ะ เขาอยู่ไหน ป่านนี้เป็นห่วงแย่
แล้ว"
"หนูมาจาก...เอ่อ... มาจากประเทศแถบตะวันออก
กลางน่ะค่ะ" พรินตอบ "พ่อกับแม่หนูไม่มีค่ะ แต่
ตอนนี้ หนูอยู่กับท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งค่ะ ท่านเป็น
คนดูแลหนูเจ้าค่ะ"
"แล้วนี่เราหายตัวมานี่ ป่านนี้เขาเป็นห่วงแล้วล่ะ ไม่
รีบกลับไปหาเขาหรือ?" ผมเข้าเรื่องสำคัญที่สุดทันที
"ไม่ค่ะ ไม่" พรินทำหน้าเหย มองผมตาปริบ ๆ "หนู
อยากอยู่ที่นี่ค่ะ อยากอยู่รับใช้คุณผู้ชาย ให้หนู
ทำงานที่นี่เถอะนะคะนะคะ"
"ได้ไง เดี๋ยวผู้ใหญ่ของเธอก็ว่าเอาหรอก"
"แปลว่า ถ้าหนูไปขออนุญาตผู้ปกครองของหนูแล้ว
คุณผู้ชายก็จะอนุญาตให้หนูทำงานที่นี่ใช่ไหมคะ?"
เด็กสาวดีใจ ยิ้มเห็นฟันขาวสวยซี่เล็ก ๆ เรียงกัน
เป็นระเบียบ เมื่อตะกี้ยังทำท่าจะร้องไห้อยู่แท้ ๆ
เชียว เปลี่ยนสีหน้าได้เร็วเหลือเกินนะแม่คุณ
"เดี๋ยวก่อน ถึงผู้ปกครองเธอยอม ฉันก็..ก็.." ผมชัก
ติดอ่าง แย่แฮะ ผมแพ้ทางเด็กสาวคนนี้จริง ๆ ด้วย
พออยู่ด้วยกันแล้วผมเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง
เลย "ไม่มีงานให้ทำหรอกนะ" สุดท้ายผมแข็งใจพูด
"ก็ให้หนูรับใช้จิปาถะไงละคะ" พรินรีบตอบ มองผม
ด้วยสายตาวิงวอน "นะคะ หนูอยากรับใช้คุณผู้ชาย
น่ะค่ะ"
"ทำไมต้องมารับใช้ฉันด้วย" ผมเสียงอ่อยลงตาม
ลำดับ
"ก็คุณผู้ชายเป็นผู้มีพระคุณของหนูนี่เจ้าคะ" พริน
ตอบ "หนูเลยอยากอยู่ตอบแทน นะคะ พระอัล
เลาะห์ก็ต้องทรงยินดีและทรงเห็นด้วยกับหนูแน่เลย
ค่ะ" แน่ะ เอาพระเจ้ามาอ้างอีก แต่ผมไม่เกี่ยวนี่ ผม
ไม่ได้นับถืออิสลามสักหน่อย แต่สำหรับสาวคนนี้
พระอัลเลาะห์ย่อมสำคัญมากทีเดียว โอ๊ะ! เอาอีก
แล้ว ทำไมผมต้องไปคิดถึงความรู้สึกของเธอมาก
มายนักนะ
"ฉันให้เงินเดือนเยอะไม่ได้นา บอกตรง ๆ ว่าตอนนี้
ถังแตก" ผมเสียงอ่อยลงอีก เสร็จกันผมแพ้อีกแล้ว
หรือนี่ เฮ้อ!
"ไม่เป็นไรค่ะ แค่รับหนูไว้ทำงานหนูก็ดีใจแล้วค่ะ"
พรินประสานมือสองข้างไว้ที่ระดับอก แสดงท่าทาง
ดีใจ "ตกลงคุณผู้ชายรับหนูไว้ทำงานแล้วใช่ไหม
คะ?"
"ดะ... เดี๋ยว ยังก่อน" ผมรีบปราม ผมยังไม่อยากถูก
ข้อหาพรากผู้เยาว์นะครับ "มีข้อแม้ว่า พริน... เธอ
ต้องกลับไปขออนุญาตผู้ปกครองคนนั้นของเธอ
ก่อน ถ้าท่านอนุญาตแล้วถึงมาทำงานกับฉันได้ เข้า
ใจไหม"
อืมห์ ผมหาทางออกจนได้แฮะ อย่างน้อยก็หน่วง
เวลาไปได้สักระยะหนึ่งล่ะนะ แต่...
"ได้สิค่ะ" พรินยิ้ม ทำตาหยี อือ น่ารักแฮะ "ท่าน
อนุญาตอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่ขอหนูทำงานตั้งแต่เดี๋ยวนี้
เลยนะคะ แล้วหนูจะหาเวลาแวบไปหาผู้ปกครองที
หลัง"
"ก็ได้ ว่าแต่เขาอยู่แถวนี้เหรอ?" ตอบตกลงแล้วก็
เป็นอันว่าผมแพ้เป็นยกสอง (;_;)
"ค่ะ อยู่แถวนี้เองค่ะ เดี๋ยวหนูว่างงานแล้วจะไปหา
ท่านทันทีเลยค่ะ" พรินรีบตอบ แล้วปากน้อย ๆ ช่าง
พูดก็สาธยายต่อ "นี่เดี๋ยวหนูจะทำความสะอาด
สำนักงานนะคะ แล้วก็ซักเสื้อผ้า...มีของหนูชุดหนึ่ง
แล้วก็ของคุณผู้ชายทั้งหมดเลย คุณผู้ชายไม่มีเสื้อ
ผ้าเหลือในตู้แล้วนะคะ มีแต่ที่ยังไม่ได้ซักทั้งนั้นเลย
(ไอ้หย๋า! อีหนูรื้อของของผมจนหมดแล้วหรือเนี่ย
เฮ้อ! ถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไรจำไม่ได้แล้ว ตั้งแต่
เจอยัยพรินนี่) ถ้าเสร็จแล้วถึงจะขออนุญาตคุณผู้
ชายไปข้างนอกหน่อยค่ะ"
"เออ! ตามใจ" ผมยอมแต่โดยดี รู้ตัวว่าไม่มีทางชนะ
หนูพรินนี่ไปได้ "ว่าแต่ ไอ้คำว่าคุณผู้ชายนี่เลิกเหอะ
ฟังแล้วมันทะแม่ง ๆ ยังไงชอบกล"
"ถ้างั้นจะให้หนูเรียกว่าอะไรดีล่ะคะ?"
"ฉันชื่อโคะจิโร่"
"งั้นก็เรียกว่า คุณโคะจิโร่นะคะ ตกลงนะคะคุณโคะ
จิโร่" พรินตอบแล้วลุกขึ้น "ถ้างั้น หนูขอตัวไปทำงาน
ก่อนค่ะ โอ๊ะ! ก่อนอื่นต้องล้างชามก่อน ใช่แล้ว"
ท้าย ๆ ก็พูดเองเออเอง แล้วก็วิ่งหายไปด้านในของ
สำนักงาน
"..." ผมพูดอะไรไม่ออก ลองหยิกแก้มตัวเองก็
ปรากฏว่า เจ็บแฮะ นี่ไม่ใช่ความฝันนะเนี่ย จู่ ๆ ผม
ก็มีเด็กสาวน่ารักมาเป็นเด็กรับใช้ คอยปรนนิบัติ
อย่างนี้ ทั้งที่สภาพตัวเองยัง 'ถังแตก' อยู่เลย นี่ถ้า
ยะโยยโผล่มาที่สำนักงานผมตอนนี้ละก็มีหวังผม
บาดเจ็บสาหัสแน่เลย โฮะ! โฮะ!
"ปิ๊งป่อง!" เสียงออดหน้าประตูดังขึ้น ผมสะดุ้งสุด
ตัว เลือดในตัวเย็นเฉียบ ตายละวา ยะ ... ยะ...ยะ
โยยจ๋า คิดถึงก็มาพอดีเลยเหรอ
"เฮ้! นายโคะจิโร่" เฮ้อ! โล่งอกไป ไม่ใช่เสียงยะโยย
เสียงนี่... ยัยอะคะเนะนั่นเอง ดีกว่ายะโยยหน่อย
แต่ก็รู้สึกว่าไม่ดีไปกว่ากันสักเท่าไรนักหรอก
"มาทำไม?" ผมถามมึนตึง
"มาไม่ได้เหรอ" อะคะเนะตอบ ยังคล้องกล้องถ่าย
รูปไว้ที่คอเหมือนเดิม "ชิ!ชิ! หรือว่าที่นี่มีความลับ
อะไรที่ให้โลกรู้ไม่ได้ยะ นายโคะจิโร่"
ชะอุ้ย! ผมแอบสะดุ้งในใจ ได้เรื่องแล้วสิ ถ้ายัยนี่
เห็นเด็กพรินละก็... แต่ผมก็ยังแข็งใจตอบไป "ไม่มี้
ไม่มีหรอก ฮะ ๆๆๆ" ฝืนหัวเราะ
"หือ?" อะคะเนะทำตาหยี แล้วมองผมอย่างสงสัย "
ท่าทางอย่างนี้ซ่อนอะไรไว้แน่เลย" พูดพลางเดินเข้า
มาใกล้ผม จ้องตาผมเขม็งเชียว
"บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีสิ" ผมแกล้งขึ้นเสียงดัง "ว่า
แต่ธุระของนายเถอะ มีอะไรก็ว่ามา บอกก่อนนะ
เรื่องคุณโคยังไม่เสร็จ เพราะฉะนั้น ยังไม่มีตังค์ค่า
นายหน้าจะจ่ายให้"
"ก็เรื่องคุณโคนี่แหละ" อะคะเนะตอบ "เป็นไง มี
โอกาสหาเจอไหม เหลืออีกสองวันเองนะ"
"แล้วนายมาร้อนใจอะไรกับฉันด้วยล่ะ? ยัยอะ
คะเนะ ฉันทำงานงก ๆ ๆ ลำบากแทบแย่ หาเจอ
นายก็ได้ชักส่วนแบ่งค่านายหน้าไปฟรี ๆ หาไม่เจอก็
คือไม่เจอ ไม่เห็นนายจะต้องมายุ่งอะไรด้วยเลย"
"ก็... อยากรู้นี่" อะคะเนะตอบเสียงอ่อย ๆ ผมฟังดู
แล้วรู้สึกแปลก ๆ แต่ยังไม่ติดใจอะไรนัก "นี่เล่าให้
ฉันฟังบ้างไม่ได้เหรอว่าสืบไปถึงไหนแล้ว รับรองไม่
ไปบอกใครหรอกนะ"
"ไม่ได้" ผมตอบทันที แต่แล้ว...
"คุณผู้ชายเจ้าขา ล้างชามเสร็จแล้ว เดี๋ยวพรินซัก
เสื้อผ้าเลยนะเจ้าคะ" เสียงใส ๆ ดังมาก่อน แล้วเจ้า
ของเสียงก็ปรากฏตัวขึ้น อะคะเนะหันไปมองตาค้าง
แล้วก็หันมามองผม ตาเป็นประกายเชียว ได้เรื่อง
แล้วสิ ยัยพรินหนอยัยพริน ทำไมต้องโผล่มาตอนนี้
ด้วย แต่ก่อนอื่นก็คือ โคะจิโร่หนอโคะจิโร่ ทำไมใจ
ไม่แข็งพอที่จะปฏิเสธคำขอของเด็กพรินได้เสียแต่
แรก หือ?
"อ๊ะ! เด็กนี่ เป็นชาวต่างชาติซะด้วย " อะคะเนะพูด
กับผม ผมยังไม่รู้จะตอบยังไง พรินก็พูดมาอีกว่า
"ขอโทษค่ะ ไม่รู้ว่าคุณผู้ชาย เอ่อ... คุณโคะจิโร่
กำลังมีแขกอยู่ เดี๋ยวหนูเอาน้ำมาต้อนรับแขกนะ
เจ้าคะ"
"โอ๊ะ! ไม่ต้องหรอกพริน เดี๋ยวคุณคนนี้เขาก็จะไป
แล้วล่ะ" ผมรีบตอบ เลยรับค้อนของอะคะเนะมา
หนึ่งวงทันที "ไปทำงานไป๊!"
"เจ้าค่ะ"
"ชิ!ชิ! นึกถึงพาดหัวหนังสือพิมพ์พรุ่งนี้แล้วไม่จืด
เลย ฮึ!ฮึ!" อะคะเนะพูด มองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
"’นักสืบตกยากล่อลวงเด็กต่างชาติมาใช้งานผิด
กฎหมาย’ หรือว่าจะเอา ‘นักสืบถังแตก ไม่มีสาวสน
ใจเลยหันมาเลี้ยงต้อย’ ดี นายโคะจิโร่"
นั่นไงล่ะ เป็นเรื่องแล้วไง "เฮ้ย! ไอ้บ้า! ฉันไม่ได้เป็น
อย่างนั้นนะเจ้าอะคะเนะ" ผมตอบ "พรินเขาไม่ได้
ลักลอบเข้าเมืองสักหน่อย แล้วเขาก็มีผู้ปกครอง
อย่างถูกต้องด้วย รับรู้ที่เขาจะมาทำงานกับฉันนี่"
สุดท้ายนี่โกหก เพราะพรินยังไม่ได้ไปขออนุญาต
จากผู้ปกครองของเธอสักหน่อย
"จริงเร้อ" อะคะเนะทำหน้าไม่เชื่อ "แล้วอยู่ ๆ ทำไม
นายรับเด็กมาทำงานหือ? ทั้งที่ตัวเองตอนนี้ก็ยัง
แทบจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ชิชิ คิดไม่ซื่อรึเปล่า ไอ้คน
เจ้าชู้"
"มะ...ไม่จริง สาบานได้ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพรินซะ
หน่อย ก็แค่นายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้นเอง...แหละ"
ไม่ทันขาดคำเสียงแจ๋ว ๆ ของพรินก็ดังมาว่า
"คุณโคะจิโร่ขา ชุดในตะกร้าเมื่อคืนนี่ ใช่ที่คุณโคะจิ
โร่ถอดไว้ตอนจะเข้ามาอาบน้ำกับหนูใช่ไหมคะ หนู
ซักไปด้วยเลยนะคะ"
"แค่ก ๆๆๆๆ" ผมไอดังลั่นทันที โอ๊ย! ทำไมจังหวะดี
อย่างนี้นะ แต่ไม่ได้ผลหรอกอะคะเนะได้ทีขี่แพะไล่
ทันที
"ชิ!ชิ! อาบน้ำด้วยกันอย่างนั้นเหรอ นี่นะเหรอ นาย
จ้างกับลูกจ้าง" เสียงเขียวเชียว ทำไมต้องโกรธผม
ด้วยแฮะ ไม่เข้าใจ ถ้ายัยนี่เป็นยะโยยก็ไปอย่าง
หรือว่า?? ฮึ! เป็นไปไม่ได้หรอก
ผมรีบเบนหัวเรื่องทันที "เอาล่ะ อยากรู้อะไรก็ถาม
มา เรื่องคดีคุณโค"
"นี่! อย่าเปลี่ยนเรื่องนะ นายโคะจิโร่ บอกมาก่อนมี
อะไรกับเด็กคนนี้ใช่ไหม ถึงได้อยู่ด้วยกันนี่น่ะ"
"บอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ" ผมชักมีน้ำโหเหมือนกัน "เอ้า
ฉันจะตอบแล้ว อยากถามอะไรเรื่องสืบคดีคุณโคก็
ถามมา ไม่งั้นฉันออกไปทำงานก่อนล่ะ"
โอ๊ะ! ใช่แล้ว! นึกได้แล้วว่าวันนี้เรามีนัดกับสาวสวย
อีกคนนี่นา ที่ห้องสมุด
"..." อะคะเนะอึ้งไปอึดใจหนึ่งแล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ
ๆ "ก็ด้าย…เอาเป็นว่าฉันเชื่อนายไปก่อนก็ละกัน
อย่าให้จับได้นะว่านายคิดไม่ซื่อกับเด็กนี่ ฉันจะ…
จะ…จะไปฟ้องคุณยะโยย" ท้าย ๆ พูดเสียงแผ่ว
แล้วอะคะเนะก็ถามผมเกี่ยวกับความคืบหน้าของ
การสืบ ผมตอบหล่อนไปตามตรง โดยตัดราย
ละเอียดไป ไม่ได้บอกว่าขโมยดูข้อมูลจาก
คอมพิวเตอร์ของนิไคโดด้วย ซึ่งที่จริงข้อมูลที่ได้จาก
นิไคโดก็แค่ว่า ทำให้ผมทราบว่าทิศทางการสืบของ
ฝ่ายสำนักงานคะทสึระงิมุ่งไปทางด้านโจรกรรม
และนายโคเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน และเรื่องนาย
ม. ก็เท่านั้นเอง
พอเล่าจบ อะคะเนะหรี่ตาอย่างใช้ความคิด พลาง
จดบันทึกสิ่งที่ผมบอกไปยิก ๆ ลงในสมุดโน้ตของ
เธอ
"อืมห์ แปลว่า นายคิดว่านี่ไม่ใช่การโจรกรรม ใช่
ไหม อืมห์... คนละทิศกับ...(ฟังไม่ชัด) เลยแฮะ"
ท้าย ๆ พูดพึมพัมกับตัวเอง "แล้วนี่กำลังจะไปหาข้อ
มูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของรูปภาพนั่น"
"ใช่แล้ว เพราะฉะนั้น นายก็รีบออกไปจากออฟฟิศ
ฉันได้แล้ว เพราะฉันจะออกไปแล้วเนี่ย"
"แล้วก็สมุดฉีกนั่น ... อะไรนะ 'เดินให้ไกลขึ้นไปอีก'
หมายความว่าอะไรเหรอ"
"ไม่รู้สิ ถึงได้คลำทางอยู่นี่ไง"
"แต่นายคิดว่ามันเป็นเบาะแสของรูปภาพนั่นรึ
เปล่า"
"ก็คงใช่ เท่า ๆ กับคงจะไม่ใช่...ยังบอกอะไรไม่ได้
หรอก"
"อืมห์..." อะคะเนะเสร็จสิ้นการจดบันทึกของหล่อน
แล้วเก็บสมุดโน้ตลงกระเป๋า หันมาบอกลาผม "งั้น
ฉันไปล่ะ มีความคืบหน้าอะไรก็บอกกันบ้างนะ"
แปลก ทำไมอะคะเนะต้องสนใจความคืบหน้าใน
การสืบสวนของผมถึงขนาดนี้ด้วยนะ ทั้งที่ตัวเอง
แค่นอนรอเฉย ๆ ก็พอแล้ว แถมยังจดบันทึกเสีย
ละเอียดยิบอีก แต่ช่างเถอะ ต่อให้อะคะเนะเอาสิ่งที่
ผมบอกไปให้ทางฝ่ายยะโยยดู ก็ไม่กระทบ
กระเทือนถึงการสืบของผมหรอก
"พริน" ผมเรียก
"เจ้าค่า" เสียงลากรองเท้าแตะดังเข้ามาใกล้ แล้ว
เด็กสาวก็ปรากฏตัวขึ้นจากด้านในสำนักงาน "คุณ
โคะจิโร่มีอะไรจะใช้หนูหรือคะ"
"เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก คงกลับตอนเที่ยง ๆ มั้ง
ฝากเฝ้าออฟฟิศด้วยนะ" ผมบอก " แล้วก็... ถ้าซัก
ผ้าเสร็จแล้ว อย่าลืมทำตามที่เราตกลงกันไว้ล่ะ"
"รับทราบเจ้าค่ะ ให้หนูไปขออนุญาตผู้ใหญ่ของหนู
เรื่องมาทำงานกับคุณโคะจิโร่ใช่ไหมคะ"
"เออ! ไปละ"
...

back index next