หัวใจของการศึกษาแนววอลดอร์ฟ 
การศึกษาแบบวอลดอร์ฟ พลังสามด้านของมนุษย์ บทบาทและภาระหน้าที่ของครูแบบวอลดอร์ฟ

   การศึกษาแบบวอลดอร์ฟ-สไตเนอร์ คืออะไร
             Dr.Rudolf Steinerเป็นชาวออสเตรเลียเขาเป็นนักปรัชญานักวิทยาศาสตร์ นักมนุษยวิทยาและนักการศึกษาเขาก่อตั้งสมาคมมนุษยปรัชญา(Anthroposophical Society) และนำเอาแนวคิดของมนุษยปรัชญามาทำงานร่วมกันกับนักวิทยาศาสตร์ นักศิลปะ แพทย์ นักบวช ครูและนักอุตสาหกรรม เพื่อร่วมกันปรับปรุงองค์ความรู้ต่างๆ ในยุคสมัยที่สังคมตะวันตกเผชิญกับความระส่ำระสายทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและการเมือง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ผลงานอันมีชื่อเสียงในยุโรปและโลกตะวันตกได้แพร่หลายเข้ามาในซีกโลกตะวันออกในปลายศตวรรษที่ 20 คือการศึกษาแบบวอลดอร์ฟ เกษตรธรรมชาติ(Bio-dynamic argriculture)งานด้านศาสนา การแพทย์แผนมนุษยปรัชญาและงานด้านสถาปัตยกรรม
             Anthroposophy มาจากรากศัพท์ของคำสองคำคือ anthro แปลว่า มนุษย์ sophy แปลว่า ปัญญา(wisdom) Anthroposophy เป็นแนวปรัชญาที่ Dr.Rudolf Steiner คิดค้นขึ้นมา จากการไต่สวนเฝ้าสังเกตทางวิทยาศาสตร์ สไตเนอร์ ไม่พอใจที่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่อธิบายมนุษย์ได้เพียงแค่ด้านกายภาพ ปฏิเสธสิ่งที่จับต้องไม่ได้ และยึดติดทัศนคติทางด้านวัตถุนิยมเกินไป ดั่งเช่นมองเห็นว่าหัวใจนั้นเป็นเพียงเครื่องปั๊มเลือดให้ไหลเวียนในร่างกาย สมองเป็นดั่งเครื่องจักรแปรสัญญาณเท่านั้น เป็นต้น สไตเนอร์ อธิบายว่า ถ้าต้องการทำความเข้าใจมนุษย์นั้นต้องมองดูรอบด้านสามด้านคือ กาย ใจ และจิตวิญญาณ(Body-Soul-Spirit) และมนุษย์นั้นประกอบด้วยร่างกายสี่กาย อันมีความสัมพันธ์กับอาณาจักรธรรมชาติสี่ชนิดคือ
             * มนุษย์มีกายเนื้อ(Physical body)อันร่วมกับอาณาจักรแห่งแร่ธาตุ พืช และสัตว์
             * มนุษย์มีกายชีวิต(Etheric body)ร่วมกับอาณาจักรพืชและ สัตว์
             * มนุษย์มีกายแห่งความรู้สึก(Astral body)ร่วมกับอาณาจักรแห่งสัตว์
             * แต่มนุษย์เป็นหนึ่งเดียวในธรรมชาติที่มีกายแห่งความสำนึกตัวตนแบบปัจเจกชน(Spirit body or the Ego)
              ซึ่งทำให้มนุษย์แต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน แม้จะมีชาติพันธุ์ วัฒนธรรมสังคมเหมือนกันก็ตาม มนุษย์สามารถพัฒนาอารยธรรมและทำลายได้เช่นกัน
              มนุษยปรัชญาเสนอแนวทางให้มนุษย์ได้ค้นหาและเรียนรู้ตามเส้นทางที่ตนเลือก เป็นวิถีปฏิบัติสู่ปัญญาญาณ มากกว่าที่จะเป็นศาสนา และแนวความคิดนั้นไม่ได้สรุปจบภายใต้บทบัญญัติ แต่ทว่ามาจากการศึกษาด้วยตนเองหรือ Self education นั่นเอง        
       อ่านเรื่องถัดไป   สนใจการศึกษาแนววอลดอร์ฟติดต่อที่โทร.๐-๒๕๓๐๗๗๙๐-๑    กลับขึ้นด้านบน

พลังสามด้านของมนุษย์(Threefoldness)
         
ประกอบด้วย
            ๑. กายภาพ (Physical Body)ซึ่งอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของโลกวัตถุ
            ๒. ใจหรือวิญญาณ (Soul) ซึ่งมีความสัมพันธ์กับโลกแห่งวัตถุ เป็นผู้แปลสัญญาณต่างๆ ที่มาจากภายนอก ก่อให้เกิดเป็นความพึงพอใจหรือ ตรงข้าม เป็นพื้นที่ที่นักจิตวิทยาบำบัดหรือจิตแพทย์ทั่วไปทำงานรักษาคนป่วย
           ๓. ดวงจิตวิญญา(Spirit)หมายถึง สิ่งที่ธรรมชาติหรือ จักรวาลนี้ให้มนุษย์แต่ละคน แต่ไม่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของโลกวัตถุ
                และด้วยแนวการมองชีวิตมนุษย์เช่นนี้ ดร.สไตเนอร์ ได้นำมาใช้ในการศึกษาที่เน้นกิจกรรมสามด้านของใจหรือวิญญาณ(Soul)ความสามารถทั้งสามในใจมนุษย์คือ
                * ความสามารถในกิจกรรมด้านความคิดนึก (Thinking)
                * ความสามารถในกิจกรรมด้านความรู้สึก (Feeling)
                * ความสามารถในกิจกรรมด้านความมุ่งมั่นลงมือกระทำ(Willing)

                  เขายังเชื่อมโยงความสามารถของกิจกรรมสามด้าน เข้ากับร่างกายของมนุษย์อีกด้วย คือ
                * ความคิดนึกกับระบบประสาทและสมอง
                * ความรู้สึกกับระบบปอดและหัวใจ
                * ความมุ่งมั่นลงมือกระทำ กับแขนขาและระบบเผาผลาญ (Metabolism)
   อ่านเรื่องถัดไป   สนใจการศึกษาแนววอลดอร์ฟติดต่อที่โทร.๐-๒๕๓๐๗๗๙๐-๑    กลับขึ้นด้านบน

หัวใจของการศึกษาแนววอลดอร์ฟ
               หัวใจของการศึกษาแนววอลดอร์ฟ- สไตเนอร์   นั้นอยู่ที่การสร้างความสมดุลในกิจกรรมทั้งสามด้าน เนื่องจากคุณสมบัติของกิจกรรมทั้งสามด้านต่างกัน
มาก ถ้ามนุษย์คนหนึ่งพัฒนาด้านใดด้านหนึ่งอย่างเดียวและโดดเด่นก็จะเป็นเหมือนดั่งคำพูดเสียดสีที่ว่า "นักวิชาการที่อยู่แต่ในห้องแอร์ หรือศิลปินผู้สนใจมุ่งหมก
หมุ่นแต่ความ
รู้สึกอารมณ์ตนเอง ส่วนคนที่ชอบทำงานด้วยมือจะใช้สมองน้อย" เหล่านี้เป็นต้น
               การศึกษาวอลดอร์ฟ จึงร้อยรัดด้านทั้งสามไว้ในกิจกรรมของการเรียนการสอน และเน้นให้เกิดความสมดุลย์สอดคล้องกลมกลืนในแต่ละช่วงวัยของเด็ก
เพื่อที่เขาจะได้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับศักยภาพสูงสุดที่ได้รับการเปิดเผยในฐานะปัจเจกชนผู้หนึ่งของสังคม และเขาพร้อมแล้วสำหรับการเผชิญกับสิ่งท้าทายใหม่ๆ
ในโลกที่กว้างใหญ่หลังจากสิบสองปีในโรงเรียน โดยเป็นผู้ที่มุ่งมั่นเข้มแข็งในการทำความดี(The Good)เป็นผู้ที่มีอารมณ์ความรู้สึกละเอียดอ่อนต่อความงาม
(The Beauty)เป็นผู้ที่มีความคิดเฉียบคม ปัญญาไวและมีเหตุผลค้นหาความจริงแท้(The Truth)
   อ่านเรื่องถัดไป   สนใจการศึกษาแนววอลดอร์ฟติดต่อที่โทร.๐-๒๕๓๐๗๗๙๐-๑    กลับขึ้นด้านบน
บทบาทและภาระหน้าที่ของครู
               เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของโรงเรียนวอลดอร์ฟคือ การพัฒนาครู หลักสูตรและการทำงานของครูมีพื้นฐานมาจากปรัชญาวิธีการมองมนุษย์และโลกที่เรียกว่า
"มนุษย์ปรัชญา"(Anthroposophy)อันเป็นการค้นหาในระดับที่ลึกซึ่งว่า"มนุษย์คืออะไร" นี่เป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอกระหว่างมนุษย์
กับโลกและเอกภพแนวทางการศึกษาของสไตเนอร์ก่อเกิดมาจากการมองความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติมนุษย์และสังคมปรัชญานี้มิใช้คัมภีร์หากเป็นวิถีทางใน
การเรียนรู้ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงได้ด้วยหัวใจที่เปิดกว้างและสมรรถภาพใหม่ๆในการการรับรู้
            การนำปรัชญานี้มาแปรสู่การปฏิบัติเป็นภารกิจที่ครูทุกคนเผชิญหน้าอยู่ทุกวัน โรงเรียนวอลดอร์ฟมีหลักสูตรและวิธีการสอนที่เฉพาะเจาะจงแต่ก็ยืดหยุ่น
มีวิธีการฝึกอบรมครูโดยเฉพาะสิ่งที่ครูจะต้องเรียนรู้คือปรัชญาชีวิตเมื่อปรับความคิดให้เข้ากับปรัชญานี้แล้วสิ่งนี้ก็จะอยู่ในจิตสำนึกของครูความสามารถในการ
สอนก็จะเกิดขึ้นมาได้เองโดยก่อกำเนิดออกมาจากองค์รวมสไตเนอร์เห็นว่าปัญหาสำคัญที่สุดของการศึกษาคุณภาพของครูฉะนั้นภารกิจประการแรกทางการศึกษา
ก็คือการพัฒนาครู เพื่อครูจะได้เข้าสู่ห้องเรียนด้วยความมีสติ ไม่ใช่แค่เฉพาะในสิ่งที่สอนหรือเตือนเด็ก หรือมิใช่มีเฉพาะความเชี่ยวชาญในการสอนเท่านั้น สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยภายนอกซึ่งเราจะต้องพัฒนาขึ้นมาอย่างแน่นอนแต่เราจะพัฒนาขึ้นมาได้อย่างถูกทางหากตระหนักในความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่าง
ความคิดในใจเรากับผลที่การสอนของเรามีต่อนักเรียนทั้งกาย ใจ เส้นทางการพัฒนาของครูคือก้าวเข้าสู่จิตสำนึกของมนุษย์และเอกภพ พร้อมทั้งก้าวเข้าสู่การสอน
ฐานะบทฝึกฝนจิตสำนึกดังกล่าว ครูไม่เพียงต้องบ่มเพาะนักเรียนในห้องเท่านั้น หากยังต้องบ่มเพาะตนเองด้วย งานสอนไม่เพียงเป็นการพัฒนานักเรียนหากแต่ยัง
เป็นการพัฒนาตัวครูเองด้วยงานอาชีพและการแสวงหาความหมายของตัวเองกลายเป็นสิ่งเดียวกันด้วยเหตุนี้จึงก่อให้เกิดความกระตือรือร้นพลังการทุ่มเทชีวิตจิตใจ
อันเป็นบรรยากาศของโรงเรียนวอลดอร์ฟหลักสูตรและวิธีการของวอลดอร์ฟสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างยืดหยุ่นกว้างขวางครูจึงมีอิสระที่จะใช้ความสร้าง
สรรค์ส่วนตัวในห้องเรียนได้เต็มที่ขณะเดียวกันก็มีวิสัยทัศน์และวัตถุประสงค์รวมกันเป็นหลักยึด ครูทุกคนมีพันธะทางใจร่วมกันต่อปรัชญาอันเป็นที่มาของหลักสูตร ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และความละเอียดอ่อนต่อเด็กจะทำให้ครูพยายามจัดรูปเนื้อหาของวิชาให้มีชีวิตชีวา เพื่อให้เหมาะสมกับภูมิหลัง ความสามารถและ
ลักษณะเฉพาะของนักเรียนแต่ละกลุ่ม ครูจะศึกษาร่วมกัน ปรึกษาหารือกัน กำหนดนโยบาย บริหารกิจกรรมของโรงเรียนร่วมกัน ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิด
เห็นหาทางช่วยเหลือกันในการพัฒนาเด็ก สไตเนอร์ย้ำว่า ครูต้องไม่เพียงทำงานร่วมกันเท่านั้น แต่ยังทำงานให้กันอีกด้วย
 กลับไปยังหน้าแรก   สนใจการศึกษาแนววอลดอร์ฟติดต่อที่โทร.๐-๒๕๓๐๗๗๙๐-๑    กลับขึ้นด้านบน