ในหลวงของเรา


- ปี พ.ศ. 2477 พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดล เสด็จขึ้นสืบราชสันตติวงศ์
เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งบรมราชจักรีวงศ์ ในพระปรมาภิไธย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
ในปีต่อมาพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดชก็ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นที่
สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ขณะนั้นทั้งสองพระองค์ ยังคงประทับและศึกษาอยู่
ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่
9 แห่งราชวงศ์จักรี ในปี พ.ศ. 2498 หากแต่ระหว่างนั้นยังทรงติดพระราชภารกิจด้านการศึกษา
จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับไปยัง ประเทศสวิสเซอร์แลนด์อีกครั้งในปีเดียวกันนั้นเพื่อทรงศึกษาต่อ

- เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 ณ วังสระปทุม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส กับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร และในวันเดียวกันนั้น
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถาปนา หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์

- เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณ
ราชประเพณีในการนั้นได้ทรงหลั่งทักษิโณทก ทรงตั้งสัตยาธิษฐาน พร้อมทรงประกาศพระปฐมบรมราชโองการว่า
"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"

- ปลายปี พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จออกทรงผนวชในพระพุทธศาสนา
มีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นพระราชอุปัฌาจารย์ ทุกวันเวลาเสด็จลงทำวัตร
มหาชนจากทุกทิศานุทิศ ต่างหลั่งไหลมาเฝ้าชมพระบารมี

- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัยการกีฬามาก ด้วยทรงถือว่ากีฬาช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
จิตใจเข้มแข็ง ทำให้สมองมีความสามารถคิดอะไรดี ๆ ได้ ชาวไทยได้ชมพระปรีชาสามารถของพระองค์
เมื่อทรงร่วมแข่งขัน กีฬาเรือใบประเภท โอ.เค. ในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.
2510 โดยใช้เรือใบที่ทรงต่อขึ้นเอง ทรงได้รับชัยชนะ ครองเหรียญทองร่วมกับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตน์ราชกัญญา

- พระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลก
เมื่อรัฐบาลออสเตรีย ได้ทูลเกล้าฯ ถวายสมาชิกภาพกิตติมศักดิ์หมายเลข 23 แด่พระองค์
ณ สถาบันการดนตรีและศิลปะแห่งเวียนนา เมื่อวันที 5 ตุลาคม พ.ศ. 2507 มีการสลักพระนามของพระองค์ลงบนแผ่นหินของสถาบัน
ทรงเป็นชาวเอเชียเพียง พระองค์เดียวที่ได้รับการถวายพระเกียรตินี้

- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถือว่าการเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในท้องถิ่นต่าง
ๆ เป็นพระราชภารกิจที่ สำคัญที่สุด เพราะเป็นโอกาสที่จะทรงทราบถึงสภาพทุกข์สุขที่แท้จริงของประชาชน
ทรงเห็นว่าการพัฒนาบ้านเมือง จะต้องช่วยให้คนพออยู่พอกินอย่างทั่วถึงก่อน จึงจะนำไปสู่ความมั่นคงของชาติได้ในที่สุด
เป็นผลให้เกิดโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำรินับพันโครงการที่ยังประโยชน์แก่ประชาชนในท้องถิ่นต่าง
ๆ ทั่วประเทศ

- ในการดำเนินการโครงการต่าง ๆ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปรึกษาหาข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ
ก่อนดำเนินการเสมอ พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้น
หลายแห่ง เพื่อการศึกษาค้นคว้า วิจัย ทดลอง หาแนวทางและวิธีการพัฒนาที่เหมาะสมกับสภาพของท้องที่นั้น
ๆ และ เปิดโอกาสให้ราษฎรได้เข้ามาศึกษาวิธีการพัฒนาแผนใหม่ได้ด้วยตนเองซึ่งเป็นการเรียนรู้จากของจริง

- โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมักจะเป็นโครงการขนาดเล็กหรือขนาดกลาง
โดยจะทรงเลือกทำเฉพาะพื้นที่ ที่มีปัญหา และมีศักยภาพในด้านต่าง ๆ ที่จะพัฒนาขึ้นมาได้
ที่สำคัญคือต้องประหยัดและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อประชาชนที่กำลังรอรับความช่วยเหลือ
วิทยาการที่ทรงนำไปใช้ก็ไม่ขัดกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตเดิม ๆ ของคน ในท้องถิ่นนั้น
เป็นการพัฒนาที่ทรงมุ่งให้ประชาชนยืนหยัดและพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด

- ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์มาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2493 พสกนิกรชาวไทยล้วนตระหนักดีว่า
แม้พระองค์ จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ตามระบอบประชาธิปไตยที่ไม่ได้ทรงทำการปกครองประเทศด้วยพระองค์เอง
แต่ได้ทรง ปกเกล้าปกกระหม่อมคนไทยให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขโดยทั่วหน้า ทรงอุทิศและทุ่มเทพระวรกาย
พระสติปัญญา เพื่อให้ประชาชนของพระองค์กินดีอยู่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี สมดั่งพระราชปณิธาน
"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"
ปฏิทิน ปี พ.ศ.2544 หรือ ค.ศ. 2001 ของ
Cordial Greetings Corp.
ออกแบบโดย
Cordial Greetings Corp.
