นกขุนทองเป็นนกที่พบทั่วไปในทวีปเอเชีย
นกขุนทองมี 3 ชนิด ในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ นกขุนทองภาคใต้ และนกขุนทองอีสาน
อีกชนิดหนึ่งอยู่ในอินโดนีเซีย คือ นกขุนทองชวา ซึ่งมีลำตัวใหญ่กว่านกขุนทองไทย
ลั ก ษ ณ ะ เ ด่ น
นกขุนทองที่พบแต่ละแห่งนั้น
จะมีขนาดเล็กใหญ่ต่างกันออกไป คือมีลำตัวยาวประมาณ 10-14 นิ้ว มีขนสีดำเป็นเงา และสีม่วงเข้ม
มีสีขาวคาดที่ปลายปีก เหนียงที่ต้นคอและที่หัว ปาก และขา เป็นสีเหลือง นกขุนทองภาคใต้มีเหนียงที่แก้มเป็น 2
ชิ้น ส่วนนกขุนทองอีสานเหนียงสีเหลืองที่แก้มเป็นชิ้นเดียวติดกัน นกขุนทองจัดเป็นนกที่พูดเก่งที่สุด
สามารถเลียนเสียงหัวเราะของคน ทำเสียงสุนัขเห่า ผิวปากเป็นเพลงก็ได้
ที่ อ ยู่ อ า ศั ย - พ ฤ ติ ก ร ร
ม
นกขุนทองชอบอาศัยอยู่ตามภูเขาเตี้ยๆ
หรือตามพื้นที่สูงๆที่มีต้นไม้ใหญ่ ป่าที่นกขุนทองชอบอาศัยได้ทั้งป่าทึบและป่าโปร่ง
นกขุนทองเป็นนกที่มีความคล่องแคล่วว่องไว เป็นนกสะอาด ชอบอาบน้ำทุกวันในวันที่มีแสงแดด
นกขุนทองทั้งตัวผู้และตัวเมียจะเลือกสร้างรังในโพรงไม้ที่สูงๆ โดยเอาใบไม้ใบหญ้ารองพื้นรัง
อ า ห า ร
นกขุนทองจะออกหากินกับคู่ของมันหรือไปเป็นฝูง อาหารของมันส่วนใหญ่ได้แก่ ผลไม้ป่าชนิดต่างๆ เช่น
ลูกไทร ลูกโพธิ์ นกขุนทองแต่ละชนิด กินอาหารแตกต่างกัน บางชนิดกินเมล็ดข้าว หรือพืชผักชนิดต่างๆ
แต่สำหรับลูกของมันจะกินเฉพาะตัวหนอนเป็นอาหารเท่านั้น
ก า ร สื บ พั น ธุ์
ในฤดูผสมพันธุ์ มันจะอยู่ด้วยกันเป็นคู่ๆ
ส่งเสียงร้องเรียกกันด้วยเสียงแหลมๆ คล้ายเสียงผิวปาก นกขุนทองจะวางไข่ประมาณ 2-4 ฟอง
ประมาณเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมของทุกปี ไข่ของมันจะมีสีเขียวปนฟ้า เขียวปนน้ำตาลหรือสีฟ้าเข้ม
และมีจุดเล็กๆ สีน้ำตาลหรือสีเหลือง
ส ถ า น ก า ร ณ์ ปั จ จุ บั น
ชื่อเสียงในความสามารถของนกขุนทอง
ที่เลียนเสียงต่างๆได้มาก ทำให้ความนิยมในการเลี้ยงนกขุนทองไว้ดูเล่นได้แผ่ออกไปทั่วโลก
ทำให้นกขุนทองมีราคาสูง จึงทำให้นกขุนทองถูกล่าเพื่อนำมาขายเป็นจำนวนมาก นกขุนทองในป่าของประเทศ
แทบจะไม่มีให้ดู เราจึงควรช่วยกันอนุรักษ์นกขุนทองไว้ก่อนที่มันจะหมดสิ้นไปจากประเทศเรา
| |
ที่มา : นิตยสาร สวนเด็ก ปีที่ 1 ฉบับที่ 12 เดือน
กุมภาพันธ์ ปี 2533 : หน้า 24-25
|