"เลียงผา บางครั้งเรียกกันหลายนามเช่น
เยิอง กูรำ หรือโครำ เป็นสัตว์จำพวกแพะ คล้ายกับกวางผา แต่แตกต่างกันที่รูปร่าง สีขน และขนาด
เลียงผายังมีต่อมน้ำมันใต้ตาอีกด้วย
ลั ก ษ ณ ะ ทั่ ว ไ ป
เป็นสัตว์กีบคู่ มีเขาโค้งงอไปทางด้านหลัง
มีต่อมระหว่างตากับจมูก น้ำมันที่สกัดออกมาจากต่อมจะมีสีขาว และเมื่อแห้งมีกลิ่นฉุน ขนตามลำตัวทั่วไปสีดำ
หยาบ และไม่หนาแน่น หางสั้น หูบางแคบมักชี้ตรง
ที่ อ ยู่ - พ ฤ ติ ก ร ร ม
อาศัยอยู่ตามเทือกเขาหินปูน
หรือตามหน้าผาสูงชันที่มีป่าปกคลุม อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ตั้งแต่ 2-6 ตัว
สามารถปีนป่ายและกระโดดไปตามโขดหิน และหน้าผาได้อย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว ประสาทตา และหูดีมาก
เวลาตกใจโกรธหรือบาดเจ็บ จะส่งเสียงหวีดร้อง
อ า ห า ร
ชอบกินหญ้า ใบไม้ หน่อไม้อ่อน
โดยเฉพาะรากไม้ที่มีกลิ่นหอม กิ่งไม้ เปลือกไม้ เถาวัลย์ เช่น ไทรกร่าง ข่อย พลับพลา โมกเขา พุด อ้อยช้าง
เป็นต้น และสามารถอดน้ำได้เป็นเวลานาน
ก า ร สื บ พั น ธุ์
จะอยู่ในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน
ตั้งท้องนานประมาณ 7-8 เดือน ตกลูกครั้งละตัว ท่าตกลูกเป็นท่าเดียวกับถ่ายปัสสาวะ ลูกเลียงผาเมื่ออายุได้
2-3 วัน ก็จะเริ่มเดินตามแม่ได้ จะมีอายุยืนมากกว่า 10 ปี
ส ถ า น ก า ร ณ์ ปั จ จุ บั น
ในประเทศไทยพบมากที่สุดบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อุทยานแห่งชาติเอราวัณ
นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงเลียงผาตามสวนสัตว์ และศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าต่างๆ มากมาย
จึงเป็นหลักประกันในอนาคตได้ว่า สัตว์ป่าสงวนชนิดนี้คงจะไม่สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย
| |