ค ลิ นิ ก เ ด็ ก ดี (dek:D)
|
* ไ ข้ เ ลื อ ด อ อ ก *
ลักษณะ
ไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งเจ้าไวรัสไข้เลือดออกนี้ เมื่อเข้าสู่ร่างกายของคนแล้ว
จะเข้าไปทำลายเกล็ดเลือดและผนังของเส้นเลือด ทำให้ร่างกายผู้ป่วยไข้เลือดออกอ่อนแอลง มีเลือดออกได้ง่ายๆ
สาเหตุ
เราสามารถได้รับเชื้อไข้เลือดออก เมื่อถูก ยุงลาย กัด
อาการ
จะมีไข้สูงมาก อ่อนเพลีย กินอาหารไม่ได้
เมื่อผู้ป่วยมาพบ
แพทย์ในวันแรกๆ
ที่มีไข้ แพทย์มักจะหาสาเหตุของไข้ไม่ได้ เมื่ออาการเข้าสู่ วันที่สาม
การตรวจร่างกายและตรวจเลือดจะเริ่มสามารถวินิจฉัยไข้เลือดออกได้ ในกรณีที่ผู้ป่วยมารับการรักษาช้า
ผู้ป่วยมักจะมีเลือดกำเดาออก อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายออกมาเป็นเลือด หายใจหอบเนื่องจากมีน้ำท่วมปอด ในรายที่มีอาการมาก อาจจะมีภาวะตับวาย เลือดออกในสมอง และเสียชีวิตได้ในที่สุด
การรักษา
การมาพบแพทย์ในกรณีที่ผู้ป่วยมีไข้สูง และกินอาหารไม่ได้เลย ในช่วง 2-3 วันแรก ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น บางทียังวินิจฉัยไม่ได้ ควรเข้ารับการตรวจอีก เมื่อมีอาการไข้ยังมีอยู่ ส่วนในกรณีอาการไม่มาก แพทย์อาจจะอนุญาตให้กลับบ้านได้
แต่ถ้าอาการมาก ต้องอยู่ในโรงพยาบาล ผูป่วยต้องได้รับน้ำเกลือ และต้องได้รับการตรวจวัดความดัน ชีพจร
และความเข้มข้นของเลือดเป็นระยะๆตลอด ในรายที่มีอาการมาก
ผู้ป่วยอาจจะให้เลือดหรืออาจจะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายเลือดเลยทีเดียว
การป้องกัน
1. ไม่ควรให้ยุงกัด และควรทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ในช่วงการระบาดของไข้เลือดออก ถ้ามีอาการไข้สูง ควรรีบเข้ารับการตรวจรักษา 2. เมื่อมีไข้สูง ควรใช้ยาลดไข้พวกกลุ่มพาราเซตามอล
ห้ามใช้ยาลดไข้พวกแอสไพรินเป็นอันขาด เพราะยาพวกนี้ทำลายเกร็ดเลือด ซึ่งเป็นการเพิ่มอาการความรุนแรงของไข้เลือดออก
ไข้เลือดออกจะไม่อันตรายถ้าผู้ป่วยมีความระมัดระวังและรีบเข้าพบแพทย์เมื่อมีอาการ
ที่มา : นิตยสาร สวนเด็ก ปีที่ 2 ฉบับที่ 18 เดือน สิงหาคม ปี 2533 : หน้า 23 เรื่อง : พญ. สุพิณ มหาพรรณ | |