อุปกรณ์รับข้อมูลมัลติมีเดีย (multimedia input devices) |
หน่วยรับข้อมูล
(INPUT UNIT)
การรับข้อมูล(
INPUT)
หมายถึงกระบวนการป้อนข้อมูล
คำสั่งโปรแกรมเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์
ตลอดจนการโต้ตอบของผู้ใช้โปรแกรมกับเครื่องคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้คำว่า INPUT
ยังหมายถึงอุปกรณ์ซึ่งสามารถป้อนข้อมูลและคำสั่ง
หรือโปรแกรมเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ได้
แต่ในตอนนี้เราจะกล่าวถึง
อุปกรณ์รับข้อมูลมัลติมีเดีย
ซึ่งมีดังนี้
อุปกรณ์รับข้อมูลเสียง
( SOUND INPUT DEVICES)
โดยปกติเสียงจะถูกบันทึกสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยใช้ไมโครโฟน
ซึ่งเชื่อมต่อกับการ์ดเสียง
(sound card)
เสียงที่เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์สามารถที่จะนำมาแก้ไข
เปลี่ยนแปลงโดยใช้โปรมแกรมจัดหาเสียง
อุปกรณ์รับข้อมูลประเภทเสียงพูด(voice
input devices)
การรับข้อมูลเสียงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
(voice input)
บางครั้งจะหมายถึงการรู้จักเสียง
(speech or voice recognition)
ซึ่งอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลประเภทเสียงนี้
สามารถที่จะให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์โดยใช้เสียงพูดของผู้ใช้ได้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อมั่นว่าการสั่งงานคอมพิวเตอร์ด้วยเสียงจะได้รับความนิยมเพื่มขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากมนุษย์สามารถพูดได้เร็วกว่าการพิมพ์
นอกจากนี้การพูดถือว่าเป็นพฤติกรรมทางธรรมชาติของมนุษย์มากกว่าการพิมพ์
ซึ่งการพิมพ์นั้นจะต้องใช้เวลาในการฝึกหัด
อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลเสียง
ได้แก่ ไมโครโฟน (microphone)
และเมื่อทำงานร่วมกับการ์ดเสียง
(sound card)
และโปรแกรมที่เหมาะสม
ก็จะสามารถทำงานระบบรู้จำเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
![]() ไมโครโฟน |
![]() SOUND CARD |
ระบบรู้จำเสียงบางระบบจำเป็นจะต้องมีการฝึก
(training)
เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์รู้จักกับเสียงและลักษณะการพูดของผู้ใช้ก่อน
และในระบบรู้จำเสียงที่มีประสิทธิภาพสูงจะสามารถจำและเข้าใจคำใดๆ
จากผู้พูดหลายคนได้
อย่างไรก็ตาม
ในปัจจุบันระบบรู้จำเสียงยังมีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนคำ
(words) ที่บรรจุได้ในระบบ
ตัวอย่างโปรแกรมรู้จำเสียงที่ใช้ในปัจจุบัน
เช่น Dragon
dictateซึ่งสามารถจำแนกคำได้มากกว่า
30,000 คำ
นอกจากนี้ยังมีระบบที่สามารถแปลภาษาหนึ่งให้เป็นอีกภาษาหนึ่งได้
เช่น
แปลงภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาญี่ปุ่น
เป็นต้น
ระบบรู้จำเสียงแบ่งออกได้เป็น
2 ประเภทคือ
แบบคำพูดที่ไม่ต่อเนื่อง
(discrete speech recognition)
เป็นระบบที่ผู้ใช้พูดเพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์พิมพ์ข้อความนั้น
ส่วนใหญ่จะเป็นคำพูดที่ต้องไม่ต่อเนื่อง
(discrete speech) กล่าวคือ
ผู้ใช้จะต้องพูดทีละคำ
(หยุดระหว่างคำ)ด้วยไมโครโฟนซึ่งต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์
จากนั้นเมื่อคอมพิวเตอร์รับสัญญาณเสียงแล้วก็จะแปลงสัญญาณนั้นเป็นสัญญาณดิจิตอล
และวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมพิเศษ
โปรแกรมจะทำหน้าที่พิมพ์คำแต่ละคำและจัดเก็บในรูปของแฟ้มข้อมูล
ซึ่งสามารถแก้ไขและจัดการในลักษณะเดียวกับโปรแกรมประเภท
word processing ได้
แบบคำพูดที่ต่อเนื่อง
(continuous speech recognition)
เป็นระบบรู้จำเสียงที่คาดว่าจะเป็นเทคโนโลยีสำหรับศตวรรษที่
21
ระบบรู้จำเสียงพูดแบบต่อเนื่องจะมีความเป็นธรรมชาติในการสนทนามากกว่าแบบ
discrete speech
และยังสามารถจำคำแต่ละคำหรือในลักษณะของวลีได้ด้วย
เช่น
สามารถที่จะจำแนกความแตกต่างของคำว่า
three their และthey're จากปริบท
หรือถ้อยคำรอบข้าง
เช่น Three will be. กับ They're will be.
ออกเสียงเหมือนกันแต่ประโยคแรกถูกต้องตามความหมายและหลักไวยากรณ์
ในขณะที่ประโยคหลังไม่ถูกต้อง
ระบบรู้จำเสียงแบบต่อเนื่องนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมประยุกต์อื่น ๆ เช่น Microsoft Word , Microsoft Excel เป็นต้น ตัวอย่างระบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันได้แก่ Naturally Speaking ของบริษัท Dragon Systems และโปรแกรม ViaVoice ของบริษัท IBM