กล้อง - การถ่ายภาพ
ฟิล์มถ่ายภาพ
--------------------------------------------------------------------------------
ฟิล์ม... มีมากมายหลายชนิดหลายขนาดให้เลือกใช้ตามประเภทของกล้องนั้นๆ ฟิล์มสำหรับกล้อง
SLR
เป็นฟิล์มขนาด 135 มม. บรรจุอยู่ในกักฟิล์มมีจำนวน 24 และ 36 ภาพ ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม
ฟิล์มแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
ฟิล์มเนกาตีฟขาว-ดำ ภาพที่ได้จากการอัดภาพจากฟิล์มจะเป็นขาว-ดำ ความนิยมค่อนข้างน้อยลงไปในปัจุจุบัน
แต่ก็ยังมีนักถ่ายภาพผู้อนุรักษ์ให้ความสนใจถ่ายภาพขาว-ดำเก็บไว้ ซึ่งสามารถเก็บไว้ดูได้ทนนาน
ดูอย่างภาพเก่า ๆ ในอดีตที่เราเคยได้เห็นจากหนังสือ จากนิทันศการภาพถ่าย
ถึงแม้เวลาของภาพนั้นจะผ่านมานานแสนนาน แต่สีก็ยังคมชัด
ตรงข้ามกับภาพสีที่เวลาผ่านไปไม่นานภาพจะมีสีเหลืองหรือสีซีดลงไป
ค่าอัดล้างภาพขาว-ดำค่อนข้างแพงเพราะจำนวนผู้ใช้เหลือน้อยมาก
ฟิล์มเนกกาตีฟสี เป็นฟิล์มถ่ายภาพที่เราใช้กันทั่วไป ภาพที่ได้จากการอัดจากฟิล์มชนิดนี้จะเป็นภาพสี
ส่วนภาพที่ปรากฏบนแผ่นฟิล์มจะเป็นสีตรงกันข้าม เราจึงเรียกฟิล์มชนิดนี้ว่า ฟิล์มสีเนกกาตีฟ
ค่าล้างอัดภาพฟิล์มชนิดนี้มีราคาต่ำที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับฟิล์มชนิดอื่นๆ ทั้งนี้เพราะว่ามีใช้กันอย่างแพร่หลาย
ต้นทุนจึงถูก ค่าอัดภาพขยาย 4 x 7 นิ้ว เพียง 3-5.5 บาทแตกต่างกันแล้วแต่ร้านและคุณภาพของกระดาษที่ใช้
ฟิล์ม์ประเภทนี้เหมาะสำหรับถ่ายภาพทั่วๆ ไปที่ต้องการอัดล้างภาพออกมาดูกันเป็นอัลบั๊ม
ตัวอย่างภาพที่ปรากฏบนฟิล์มสี และ ภาพที่ได้จากการอัดลงบนกระดาษอัดภาพ
ฟิล์มสไลด์สี ต่างจากฟิล์มเนกกาตีฟสี
คือ ภาพที่ปรากฏบนแผ่นฟิล์มชนิดนี้เป็นภาพสีเหมือนจริง
เราสามารถส่องฟิล์มไปยังพื้นที่ที่สว่างเพื่อชมภาพได้โดยตรงฟิล์มชนิดนี้ทำความคมชัดสุงที่สุดเหมาะ
สำหรับการนำไปใช้ในการพิมพ์หรือการขยายใหญ่และเพื่อการใช้สำหรับการนำเสนอภาพโดยเครื่องฉาย
สไลด์และถ่ายเก็บไว้ดูนานๆ โดยที่สีไม่เปลี่ยนต่างกับฟิล์มสีที่คุณภาพของฟิล์มและภาพที่อัดไว้ลดลง
อย่างรวดเร็ว ราคาฟิล์มแพงกว่าฟิล์มสีแต่ค่าล้างถูกกว่าสรุปแล้วราคาต่อภาพพอๆกัน
ฟิล์มชนิดนี้ให้
ความคมชัดสูง ความถูกต้องของสีสูงมาก
ภาพที่ถ่ากจากฟิล์มสไลด์สามารถนำไปอัดเป็นภาพสีได้แต่ค่าอัดค่อนข้างมีราคาสูงมากภาพสีขนาด
4 x 7 นิ้ว
ราคาภาพละ 15-25 บาท (แล้วแต่แล๊ป)
ดังนั้นฟิล์มสไลด์จึงเหมาะสำหรับการถ่ายไว้เพื่อนำเสนอโดยเครื่องฉายสไลด์หรือ
เพื่อการพิมพ์ไม่เหมาะกับการอัดล้างมาเป็นภาพสีเพราะสิ้นเปลืองมาก
ตัวอย่างภาพที่ปรากฏบนฟิล์มสไลด์ถ่าย
การถ่ายภาพด้วยฟิล์มสไลด์ต้องระวังการวัดแสงเพราะฟิล์สไลด์มีค่าความผิดพลาดของแสงต่ำ
หากวัดแสงผิดไปเพียง
... stop สามารถสังเกตเห็นถึงความแตกต่างแล้ว หากผิดไปสัก 1 stop ย่อมทำให้คุณภาพของภาพที่ได้ผิดเพี้ยนไปต่างกับฟิล์มเนกกาตีฟสีที่วัดแสงผิดไป
1 stop ภาที่ได้ยังแทบมองไม่เห็นค่าความแตกต่าง
ความไวแสงฟิล์ม
ฟิล์มแต่ละชนิดที่ผลิดมามีความไวแสงที่แตกต่างกันให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละงาน
ความไวแสงของฟิล์มบอกเป็นค่า ISO เช่น ISO50, ISO100, ISO200 , ISO400, ISO800,
ISO1000,
ISO1600 ตัวเลยขที่มีค่าต่ำ เป็นฟิล์มที่มีความไวแสงต่ำต้องใช้เวลาในการรับแสงที่ยาวนานกว่า
ตัวเลขที่สูง
เป็นฟิลืมที่มีความไวแสงสูง ใช้ช่วงเวลาในการรับแสงสั้นกว่า ฟิล์มความไวแสงสูงๆ
เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อย เช่น ถ่ายภาพในงานพิธีที่ห้ามใช้แฟชท
หรือกรณีแบะซูมถ่ายภาพสาวที่โป๊ๆ ตามคอนโดหรือที่หอพักถ้าหากไช้แฟลทหล่อนก็จะรู้ว่าเราแอบถ่ายแล้วก็แจ้งตำรวจจับ
ฟิล์มที่มีความไวแสงไม่สูงมากนัก เช่น ISO 200 เหมาะสำหรับการถ่ายในงาน วิธีที่ใช้แฟชท
ค่า ISO
ที่เพิ่มขึ้นทำให้ขนาดรูรับแสงลดลงไป 1stop มีผลทำให้ความชัดลึกของภาพมีมากขึ้น
บางคนคิดว่าความไวแสงของฟิล์มที่สูงขึ้นยิ่งเป็นผลดีสำหรับการถ่ายภาพแล้วยิ่งราคาของฟิล์ม
ISO 200
มีราคาสูงกว่า ISO 200 เพียง 50 บาททำให้ง่ายต่อการตัดสินใจทีจะเลือกซื้อฟิล์มที่มีค่าความไวแสงฟิล์มที่สูงกว่า
แต่ก่อนที่จะเลือกขออธิบายให้เข้าใจก่อนว่าคุณสมบัติที่เราต้องการได้จากฟิล์ม คือ
ความคมชัดหรือความละเอียดของภาพ ฟิล์มยิ่งมีค่าความไวแสงยิ่งต่ำความคมชัดยิ่งสูง
ความไวแสงยิ่งสูง ๆ
จะมีความคมชัดหรือความละเอียดของภาพลดลง เช่น ISO 1600 เกรนของภาพจะหยาบมากเหมือนกับเม็ดทราย
ยิ่งถ้าเรานำไปอัดขยายใหญ่จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนดังนั้นจงขอให้พิจารณาก่อนว่าเราต้องการความไวแสง
ที่สูงกว่าไปเพื่ออะไรถ้าใช้สำหรับถ่ายที่แสงน้อยและต้องใช้แฟชทก็โอเคแต่ถ้าใช้สำหรับการถ่ายภาพ
ท่องเที่ยวทั่วไปที่มีแสงสว่างเหลือเฟือเลือกความไวแสงที่ต่ำที่สุดเท่าที่มีขายไนตลาดจะดีที่สุดก็คือ
ISO 100
ประหยัดเงินและได้ความคมชัดความละเอียดของภาพที่เพิ่มขึ้น ( ISO 50 สำหรับสไลด์
)