บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นจากนักวิชาการในประเทศอังกฤษ
เกี่ยวกับการทบทวนบทบาทของโทรทัศน์เพื่อการศึกษา
ในประเทศอังกฤษนั้น
BBC
หรือ British
Broadcasting Corporation
ได้มีบทบาทอันยาวนานในการใช้วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา
การส่งวิทยุกระจายเสียงไปยังโรงเรียนได้เริ่มขึ้นในปี
1920 (พ.ศ.
2463)
และเมื่อมหาวิทยาลัยเปิดแห่งประเทศอังกฤษ
(British Open University)
ได้เริ่มดำเนินการขึ้นในปี
1969 (พ.ศ.
2512) BBC
จึงได้เข้ามาเป็นพันธมิตรที่สำคัญในการก่อตั้งระบบการศึกษาทางไกล
ปัจจุบันนี้ การออกอากาศรายการเพื่อการศึกษาของ
BBC
จะกระทำในช่วงที่เรียกว่า
“learning zone”
หรือช่วงหลังเที่ยงคืน
จนกระทั่งรุ่งเช้า
และยังมีรายการจำนวนมากที่ถูกผลิตและเผยแพร่ทางวิดีโอเทป
ค่าใช้จ่ายในการผลิตและเผยแพร่รายการวิทยุโทรทัศน์ของมหาวิทยาลัยเปิด หรือ
OU (Open
University)
ในประเทศอังกฤษทุกวันนี้
คิดเป็น 10
เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของมหาวิทยาลัย
คือประมาณ 12
ล้านปอนด์จากงบประมาณประจำปี
120
ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตามการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์เป็นการลงทุนที่สูงกว่าการใช้สื่อสิ่งพิมพ์
ดังนั้นการศึกษาทางไกลส่วนใหญ่จาก
OU
จึงเน้นการใช้ตำรามากกว่า
ความเปลี่ยนแปลงในวงการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาในยุโรป
การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีมีอิทธิพลอย่างมากต่อระบบการศึกษาทางไกล
ในทวีปยุโรป
บริษัทEUROSTEP
และ
EuroPACE
ได้เริ่มนำระบบการส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมมาใช้ส่งสัญญาณโทรทัศน์เพื่อการศึกษา
การเผยแพร่ความรู้ไปยังผู้เรียนจึงทำได้กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม
แม้ว่าการให้บริการดาวเทียมของสองบริษัทนี้จะให้ผลในการสร้างสรรค์สติปัญญา
แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับผลสำเร็จในทางธุรกิจ
เนื่องจากนักคิดหลายคนในยุโรปเห็นว่าการใช้โทรทัศน์เพื่อการศึกษาทางไกลนั้นเป็นความล้มเหลว
โดยมีเหตุผลสนับสนุนดังต่อไปนี้:
โทรทัศน์เพื่อการศึกษาเอาชนะอุปสรรคเรื่องสถานที่ได้
แต่ไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคเรื่องเวลา
(หมายถึงผู้เรียนสามารถเรียนได้จากสถานที่ต่างๆ
แต่ต้องมีการนัดหมายเวลาที่แน่นอน)
อย่างไรก็ตาม
อุปสรรคข้อนี้สามารถขจัดได้โดยการอัดรายการศึกษาไว้ในรูปแบบของวิดีโอเทป และ
CD-ROM
ซึ่งผู้เรียนจะไม่พลาดโอกาสในการติดตามชมรายการ
โทรทัศน์เพื่อการศึกษามีข้อจำกัดเรื่องคลื่นความถี่วิทยุ
ซึ่งเป็นอุปสรรคในการขยายช่องทางการออกอากาศ
แต่เทคโนโลยีที่ทันสมัยก็ช่วยแก้ปัญหาได้
ในยุโรปขณะนี้นั้นมีดาวเทียมที่ใช้ในการส่งสัญญาณโทรทัศน์เป็นจำนวนมาก
แต่ก็มีโทรทัศน์เพื่อการศึกษาไม่มากนักจากจำนวนโทรทัศน์กว่า
250
ช่องที่มีอยู่
นอกจากนั้น
หลายๆประเทศในยุโรปก็รับข่าวสารทางเคเบิลทีวีกันอย่างแพร่หลาย
ที่สำคัญที่สุดคือเทคโนโลยีระบบดิจิตัลมีความสามารถบีบอัดสัญญาณและทำให้มีช่องโทรทัศน์เพิ่มมากขึ้นได้
ตัวอย่างเช่น ประเทศอังกฤษในปี
1997 (พ.ศ.
2540)
มีการใช้ระบบดิจิตัลขยายช่องอนาล็อกจำนวน
4
ช่อง เป็น
18
ช่องด้วยระบบดิจิตัล
ปัญหาเรื่องการขาดแคลนคลื่นความถี่จึงไม่น่ากังวล
การผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษามีค่าใช้จ่ายสูง
แม้จะมีผู้กล่าวว่าการคำนวณค่าใช่จ่ายในการผลิตรายการโทรทัศน์น่าจะคิดจากค่าเฉลี่ยของผู้ชม
แต่รายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาคงยากที่จะได้รับความนิยมจากผู้ชมมากเท่ารายการบันเทิง
ดังนั้นค่าผลิตก็ยังนับว่าสูงมากอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม
การนำเทคโนโลยีระบบดิจิตัลเข้ามาช่วยในการผลิต
จะทำให้ประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่ายในการผลิตลงได้มากขึ้น
โทรทัศน์เพื่อการศึกษามีรูปแบบการนำเสนอที่ตรงไปตรงมาเกินไป
และไม่มีลักษณะการโต้ตอบกันได้ทันท่วงที
(Interactivity)
ระหว่างผู้สอนและผู้ชม
จึงทำให้รายการน่าเบื่อ แต่มีผู้เรียนบางคนให้ความเห็นว่า
Interactivity
หรือปฏิกิริยาโต้ตอบระหว่างผู้เรียนและผู้สอนไม่ได้ส่งผลดีต่อการเรียนเสมอไป
เพราะบางวิชาอาจไม่จำเป็นต้องมีการโต้ตอบกันสดๆ
หรือบางครั้งการโต้ตอบกันอาจเป็นการขัดจังหวะการเรียนของผู้เรียนอื่นๆโดยไม่สมควร
ดังนั้นจึงควรกำหนดเวลาและสถานที่เฉพาะไว้สำหรับ
Interactivity
หรือการซักถามโต้ตอบระหว่างผู้เรียนและผู้สอนให้เหมาะสม
นอกจากนั้น ยังมีการศึกษาของ
Sir John Daniel
อดีตรองอธิการบดีแห่ง
British Open University
ที่ยืนยันว่าค่าใช้จ่ายในการใช้ระบบ
Interactivity
นั้น
(อาจเป็นการใช้
โทรศัพท์
โทรสาร
หรือ
E-mail)
จะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของจำนวนผู้เรียน
ซึ่งมากกว่าการเรียนทางไกลแบบอิสระ
(Independent activity)
มาก
ดังนั้นผู้บริหารจึงควรคำนึงถึงปัจจัยนี้ด้วย
บทสรุป
จากบทความข้างต้นนั้น
คงจะเห็นได้ว่าข้อจำกัดในด้านต่างๆของโทรทัศน์เพื่อกาศึกษานั้น
สามารถขจัดให้หมดไป
หรือแก้ไขให้ดีขึ้นได้
นอกจากนั้นยังสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทให้เหมาะสมกับระบบการส่งและเผยแพร่ข้อมูลในรูปแบบใหม่
ตลอดจนระบบการศึกษาใหม่ได้ๆอย่างดีอีกด้วย
ดังนั้น
เชื่อได้ว่าโทรทัศน์เพื่อการศึกษา
จะยังคงมีอนาคตที่สดใสในระบบการศึกษาทางไกลอย่างแน่นอน
(ที่มา:
http://www.shu.ac.uk/virtual_campus/ligis/10/future1.htm)
|