คุณสมบัติประการหนึ่งที่ทำให้
E-Learning
มีคุณสมบัติเหนือกว่าการเรียนการสอนผ่านอิเล็กทรอนิกส์แบบอื่นๆ คือสามารถช่วยก่อให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและผู้สอนได้เป็นอย่างดี
E-Learning
ช่วยให้ผู้เรียนและผู้สอนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันได้อย่างไร
ในระบบการศึกษาทางไกลตามปกตินั้น
การโต้ตอบระหว่างผู้เรียนและผู้สอนส่วนใหญ่จะติดต่อสื่อสารกันโดยใช้โทรศัพท์และเครื่องโทรสารจากในห้องเรียน
ซึ่งไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพมากนัก
เพราะจะทำให้เปลืองค่าโทรศัพท์ทางไกลมาก
นอกจากนั้นเครื่องโทรสารยังไม่ใช่การติดต่อสื่อสารแบบ
real-time
ซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างเป็นปัจจุบันระหว่างผู้เรียนและผู้สอน
ดังนั้น
ในระบบของ
E-Learning
จึงได้เน้นศักยภาพในการโต้ตอบอย่างปัจจุบัน
เพื่อสร้างโอกาสให้นักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้สอนด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ณ
เวลาจริงได้
วิธีการที่ทำให้
E-Learning
เป็นกระบวนการที่สามารถโต้ตอบกันได้หรือที่รียกกันว่า
Interactivity
นั้น
มักรวมเอาการใช้ประโยชน์จากสื่อหลายๆอย่างเข้าด้วยกัน
เช่น
รวมเอาคุณสมบัติของเสียงผ่านโทรศัพท์
ภาพจากวีดิทัศน์
คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
และเนื้อหาสาระที่เป็นมัลติมีเดีย
เข้าด้วยกัน
นอกจากนั้น
บางครั้งยังมีการรวมเอาสื่อโทรทัศน์ซึ่งสามารถช่วยเสริมปฏิกิริยาการโต้ตอบผ่านภาพและเสียงแบบสองทางได้ดียิ่งขึ้นด้วย
ทำไมการมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
(Interactivity)
จึงมีความสำคัญ
Interactivity
มีความสำคัญเพราะเป็นการช่วยให้กระบวนการเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้สอนจะสามารถได้รับการตอบสนอง
(feedback)
อย่างทันท่วงที
เช่น
ผู้สอนสามารถจะถามคำถามหรือทดสอบเพื่อประเมินได้เลยว่าผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจหรือไม่
มากน้อยเพียงใด
นอกจากนั้น
Interactivity
ยังช่วยให้ผู้เรียนสามารถถามคำถาม
และแบ่งปันข้อคิดเห็นและความสนใจในระหว่างผู้เรียนด้วยกัน
เคยมีการวิจัยพบว่า
Interactivity
มีบทบาทสำคัญมากในการเพิ่มการมีส่วนร่วมและแรงจูงใจของผู้เรียน
องค์กรที่ใช้ระบบ
Interactive E-Learning
รายงานผลว่า
ผู้เรียนมักมีความรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังเรียนหรืออบรมกับครูจริงๆโดยไม่มีระยะทางมาเป็นข้อจำกัด
ดังนั้นการเรียนจึงมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
เอกสารอ้างอิง
http://www.linezine.com/elearning.htm
|