ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ (The
Ionosphere)
ชั้นบรรยากาศของโลกที่เกี่ยวข้องกับคลื่นวิทยุมีอยู่ 3 ชั้น
โดยเรียงจากชั้นที่อยู่ใกล้กับผิวโลกมากที่สุด
คือ
- ชั้นบรรยากาศโทรโปสเฟียร์ (
Troposphere )
- ชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ (
Stratosphere )
- ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ (
Ionosphere )
ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์เป็นชั้นบรรยากาศที่อยู่ห่างจากผิวโลกมากที่สุด
รวมถึงเกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายคลื่นในย่านความถี่
HF
มากที่สุดอีกด้วย
สิ่งน่าสนใจเกี่ยวกับบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์
คือ
ความสามารถหักคลื่นวิทยุให้สะท้อนกลับมาที่โลก
เป็นการเพิ่มระยะทางส่งได้มากขึ้น
ซึ่งในชั้นบรรยากาศอื่นไม่มีคุณสมบัตินี้อยู่
นิยมใช้งานกันในย่านความถี่ HF ลงไป
ถ้าสูงกว่านี้อย่างย่าน VHF
ไม่สามารถส่งโดยวิธีนี้ได้เพราะจะทะลุชั้นไอโอโนสเฟียร์ออกไป
การแพร่กระจายของรังสีอุลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์เข้าหาชั้นบรรยากาศของโลก
ทำให้เกิดการถ่ายเท
พลังงานเข้าสู่โมเลกุลของชั้นบรรยากาศไอโอโนเฟียร์ให้เกิดการไอออนไนซ์
(ionization) ของโมเลกุลขึ้น
การไอออนไนซ์ คือ
ขบวนวิธีดึงอิเล็กตรอนออกจากอะตอม
ซึ่งอะตอมที่สูญเสียอิเล็กตรอนจะมีลักษณะทางไฟฟ้าเป็นประจุไฟฟ้าบวก
นอกจากนี้ยังได้ประจุไฟฟ้าลบและอิเล็กตรอนอิสระจำนวนมาก
ปริมาณความหนาแน่นของอิเล็กตรอนในชั้นไอโอโนสเฟียร์
จัดว่ามีพฤติกรรมไม่คงที่แน่นนอนคือ
มีค่าขึ้นๆ ลง ๆ
ตลอดตามการเปลี่ยนแปลงของรังสีอุลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ที่มีการแพร่กระจายรังสีสูงสุดในเวลากลางวัน
และต่ำสุดในเวลากลางคืน ทำให้ค่าความถี่
MUF
เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลาในหนึ่งวัน
ดูพฤติกรรมของความถี่ MUF ได้จากรูปที่ 1

รูปที่ 1 แสดงค่าความถี่ MUF
ที่เปลี่ยนแปลงในหนึ่งวัน
เห็นได้ว่าการใช้ค่าความถี่ MUF
ที่ค่าใดค่าหนึ่งทำได้ยาก
เพราะอาจทำให้ระบบสื่อสารขาดความแน่นอนลงไป
ดังนั้นจึงคิด MUF ที่ค่าประมาณ 85% ของค่า MUF
ที่ปรากฏ
เพื่อใช้ส่งคลื่นวิทยุที่มีพฤติกรรมค่อนข้างแน่นอนเรียกค่านี้ว่าความมถี่ใช้งานที่เหมาะสม
( Optimum Working Frequency : OWF )
MUF หรือ
Maximum Usealbe Frequency
เป็นความถี่ที่จำกัดอยู่เช่นกัน
สำหรับมุมเฉพาะบางมุมของการตกกระทบมากกว่าจุดปกติ
ในความเป็นจริงถ้ามุมของการตกกระทบระหว่างคลื่นตกกระทบกับจุดปรกติ
คือค่า q ดังนั้น
MUF = Critical Frequency / cos q
|
สูตรนี้เราเรียกว่า Secant law
และมีประโยชน์อย่างมากในการคำนวณเบื้องต้นเพื่อหาค่าของ
MUF โดยเฉพาะ
สามารถประยุกต์ได้เฉพาะกับพื้นโลกและชั้นบรรยากาศสะท้อนที่ราบ
อย่างไรก็ตาม
มุมของการตกกระทบไม่ใช่ส่วนสำคัญที่สุด
เพราะมันกำหนดได้โดยระยะทางระหว่างจุดที่ซึ่งเป็นจุดต่อโดย
Sky wave Link

รูปที่ 2
แสดงพฤติกรรมของคลื่นเมื่อมีมุมตกกระทบต่างกัน
จากรูปที่ 2 จะเห็นได้ว่า
คลื่นที่มีมุมยิงต่ำกว่ามุมวิกฤตมากขึ้น
ระยะทางที่คลื่นเดินทางจะไกลขึ้น
แต่ถ้ามีมุมยิงมากกว่ามุมวิกฤต
คลื่นจะทะลุผ่านชั้นไอโอโนสเฟียร์ไป
ความหมายของค่าที่เกี่ยวข้องกับ MUF
- ความสูงที่แท้จริง (Virtual Hight)
ของชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์
สามารถอธิบายได้ชัดเจนที่สุดจากรูปที่ 3
ซึ่งรูปนี้แสดงว่า
คลื่นที่ถูกหักเหจะโค้งต่ำลงไปทีละน้อย
แต่อย่างไรก็ตามที่ระดับต่ำกว่าชั้นไอโอโนสเฟียร์
คลื่นตกกระทบและสะท้อนตามเส้นทางที่ถูกต้องเหมือนกับที่เป็นอยู่
ถ้าการสะท้อนเกิดขึ้นอยู่จากต่ำแหน่งของผิวหน้าที่ความสูงมากๆเรียกว่า
ความสูงที่แท้จริง
ถ้าเราทราบค่าของความสูงที่แท้จริงของชั้นบรรยากาศ
ก็จะทำให้ง่ายต่อการคำนวณมุมของการตกกระทบที่ต้องการสำหรับคลื่นที่ต้องการ
ให้สะท้อนกลับลงมาสู่โลกตามที่เลือกไว้
- ความถี่วิกฤต (Critical Frequency : fc )
สำหรับชั้นบรรยากาศที่กำหนดอันหนึ่งคือความถี่สูงสุดที่ซึ่งยังคงจะย้อนกลับสู่โลกโดยชั้นบรรยากาศนั้น
หลังจากมีการบีมคลื่นขึ้นตรงๆที่ชั้นนี้
มันเป็นหัวใจสำคัญและเป็นความจำเป็นด้วยต่อการทราบค่าต่างๆภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
เพราะค่านี้จะเปลี่ยนไปตามเงื่อนไขที่เกิดขึ้น
โดยจะกล่าวถึงว่า
คลื่นจะโค้งตัวลงภายใต้อัตราของการเปลี่ยนแปลงค่าไอโอไนส์เซชั่นในค่าที่เพียงพอ
และซึ่งอัตราของไอโอไนส์เซชั่นนี้ถูกวัดต่อหน่วยความยาวคลื่น
คลื่นเดินตามทิศทางที่ใกล้ชิดต่อการเป็นลำคลื่น
(Rays) ตกกระทบแบบเวอร์ติคอล
ย่านที่ค่ามากกว่านี้คลื่นจะเกิดการโค้งเพื่อย้อนกลับสู่โลกโดยชั้นบรรยากาศอันหนึ่ง
ผลเหล่านี้มี 2 ประการคือ เป็น 2
เท่าของอันแรกความถี่สูงกว่า
ความยาวคลื่นสั้นกว่าและเป็นจริงน้อยคือการเปลี่ยนค่าความหนาแน่นของไอโอไนส์เซชั่นที่จะเหมาะสมต่อการหักเห
อันที่สองเข้าใกล้สู่เวอร์ติคอลของลำคลื่นตกกระทบที่กำหนดอันหนึ่งเป็นจริงน้อยกว่า
คือเพื่อให้ย้อนกลับสู่พื้นโลกวิธีใดวิธีหนึ่ง
สิ่งนี้หมายความว่า
ความถี่สูงสุดจะต้องมีอยู่เหนือที่ซึ่งลำคลื่นผ่านไปสู่ไอโอโนสเฟียร์เมื่อมุมของการตกกระทบตามปกติ
ชื่อที่กำหนดความถี่สูงสุดนี้คือ Critical
Frequency ในทางปฏิบัติจะใช้ค่า 5 MHz ถึง 12 MHz

รูปที่ 3 ความสูง Actual และ
Virtual ของชั้นไอโอโนสเฟียร์