จันทน์กะพ้อ (Vatica diospyroides Syming.)
จันทน์กะพ้อผลิดอกออกนวลขาว
|
จรุงกลิ่นประทินราวดอกไม้สวรรค์ |
ดังกลิ่นกายกลิ่นแก้มแกมกัน | เมื่อจอมขวัญเคยแนบชิดยามนิทรา |
พี่เหลียวซ้ายแลขวามองหาเจ้า | ไม่พานพบแม้แต่เงาขนิษฐา |
ต้องเหม่อมองจันทน์กะพ้อลออตา | แล้วก้มหน้าเก็บกลีบมาเชยชม |
ลำนำดอกไม้...วิยดา เทพหัตถี
เป็นไม้ต้นใหญ่ แต่ทรงพุ่มโปร่งไม่ค่อยสวย มีใบน้อย ดอกสีนวลออกตามกิ่ง ออกดอกปีละครั้ง มักดกในราวมกราคม - กุมภาพันธ์ ดอกเล็ก แต่กลิ่นหอมแรงมาก หอมร้อน ๆ คล้ายกับแก้วกาหลง ใช้กลีบมากลั่นเอาหัวน้ำหอมได้ดีมาก วิธีปลูกใช้เพาะเมล็ดขึ้นในที่ร่ม ๆ จะดีกว่าที่แจ้ง
แต่โอกาสที่จะเพาะขึ้นเป็นต้นนั้นน้อยมาก ไม่เกินร้อยละสิบ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีราคาแพง และหายาก ต้นจันทน์กะพ้อเจริญเติบโตช้า มีชื่ออื่น ๆ อีกเช่น เขี้ยวงูเขา และจันทน์พ้อ ปลูกกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ระยะแรกปลูกกันเฉพาะในรั้วในวัง ต่อมาจึงแพร่ออกมาสู่ภายนอก สมัยก่อนคนโบราณใช้ดอกกลั่นทำน้ำมันใส่ผม ดอกปรุงเป็นยาหอมแก้ลม บำรุงหัวใจ ถึงแม้ปัจจุบันโรงงานทำน้ำหอมจะสนใจในการผลิตน้ำหอมจากดอกจันทน์กะพ้อ แต่มีโอกาสประสบความสำเร็จน้อยมาก ตราบใดที่ยังขยายพันธุ์ด้วยวิธีอื่นไม่ได้
จันทน์กะพ้อเป็นพันธุ์ไม้วงศ์เดียวกับเต็ง รัง และยางนา เดิมมีรายงานพบขึ้นเกือบทั่วประเทศ มีถิ่นกำเนิดในเอเชียเขตร้อน จันทน์กะพ้อนอกจากจะหาได้ยาก ขยายพันธุ์ได้ยากแล้ว ยังต้องการถิ่นอาศัยเฉพาะในที่ที่ลมไม่แรงนัก มีความชื้นในอากาศดี ดินมีการระบายน้ำได้ดี และมีร่มเงาจากไม้อื่น จึงจะเจริญเติบโตได้ดี