![]() |
เมืองนิมิตร และชีวิตแห่งการ กบฏสองครั้ง พิมพ์ครั้งแรก ๒๔๙๑
ม.ร.ว.นิมิตรมงคล นวรัตน์ |
เมืองนิมิตร เป็นนิยายโรแมนติกกึ่งสมจริง แทรกความรู้และทัศนะทาง ชีววิทยา จิตวิทยา สังคมวิทยา เศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งก็เป็นความรู้ที่ใหม่สำหรับ คนไทยในขณะนั้น เนื่องจากเมืองนิมิตรเป็นทั้งวรรณกรรมและบันทึกประวัติศาสตร์ และเนื่องจากขณะที่งานชิ้นนี้เกิดขึ้น ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีอะไรล้าหลัง กว่าประเทศอื่นในยุคสมัยเดียวกันอีกมาก ทำให้งานชิ้นนี้ เป็นงานที่คนไทยน่าจะได้ อ่านไว้ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ คือ แนวคิดของผู้แต่ง ผู้แต่ง ต้องถูกจำคุกในข้อหากบฏถึง ๒ ครั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า ๘ ปี ทั้งๆ ที่ ครั้งแรกผู้เขียนกล่าวว่าเป็นการเข้าไปพัวพันโดยบังเอิญ และครั้งที่สองเข้าใจว่าเป็น ผลมาจากการเขียนหนังสือเรื่อง ความฝันของนักอุดมคติ หรือ เมืองนิมิตร เล่มนี้ ประสบการณ์ที่มีลักษณะเฉพาะผสมกับฝีมือการเขียนทำให้หนังสือเล่มนี้ มีค่าควรแก่ การศึกษา ในฐานะที่เป็นงานวรรณกรรมที่สะท้อนประวัติศาสตร์ในอีกแง่มุมหนึ่ง คือ มุมของฝ่ายค้าน หรือผู้ที่มีมุมมองแตกต่างรัฐบาลผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ เนื้อหาของนวนิยาย เมืองนิมิตร กล่าวถึงชีวิตของ "รุ้ง" ผู้ถูกรัฐบาลใน สมัยนั้นจับขังคุกในข้อหากบฏบวรเดช ทั้งๆ ที่สิ่งที่เขาทำมีเพียงแค่การกล่าวคำ ปราศรัยต่อต้านรัฐบาลในที่ชุมนุนชน เมื่อเขาได้รับอภัยโทษเขาก็หลีกเลี่ยงจากงาน ราชการที่คนโน้นคนนี้ชวน พยายามหางานทำด้วยการเป็นเสมียน และต่อมาด้วยการ เขียนหนังสือขาย ระหว่างนั้นก็มีเรื่องรักแทรกประปราย และจนในที่สุดเขาก็ถูกจับ อีกครั้งหนึ่ง เพราะการเขียนหนังสือที่มีข้อความสร้างความไม่พอใจให้แก่รัฐบาลใน สมัยนั้น บุคลิกของตัวละคร แม้รุ้งจะดูเป็นเพียงคนง่ายๆ ธรรมดา ผู้พยายามจะ ใช้เหตุผล ความเป็นตัวของตัวเองเป็นเครื่องตัดสินสิ่งต่างๆ แต่การที่เขาไม่ได้รู้สึก อาฆาตมาดร้ายฝ่ายรัฐบาลที่จับเขาไปขัง และไม่เห็นว่าโทษการเมืองการเสียเกียรติก็ ดี การไม่ดูถูกงานที่ให้เงินเดือนต่ำก็ดี การแยกเรื่องแต่งงานออกจากความรัก อะไร เหล่านี้ ทำให้ต้องนับว่า รุ้งมีลักษณะนิสัยใจคอต่างกับคนไทยทั่วไปในสังคมสมัยนั้น ไม่น้อยทีเดียว และความคิดที่ "นำสมัย" นี่เองที่ช่วยให้งานชิ้นนี้น่าสนใจมากขึ้น การผูกโครงเรื่อง บางครั้งก็ทำให้รู้สึกว่าขัดแย้งกอยู่บ้าง เช่น การที่รุ้ง ซึ่งเป็นผู้มีการศึกษาดี และเป็นคนที่สนใจอ่านหนังสือทางเศรษฐกิจการเมืองอยู่ด้วย จะไปยอมทำงานรับใช้แขกฟรีๆ เป็นเวลาหลายเดือนกว่าจะได้เรียนรู้เอาทีหลังนั้น ออกจะเป็นความซื่อที่มากเกินไปนิด เพราะคนที่อุตสาห์ฝันถึง เมืองนิมิตร ได้ ก็น่าที่ จะรู้ตั้งแต่ก่อนไปทำงานให้แขกแล้วว่าระบบเศรษฐกิจทุนนิยมนั้นสามารถที่จะ "เอา รัดเอาเปรียบ" คนได้แค่ไหน การกระทำของรุ้งจึงออกจะเป็นเรื่องเพ้อฝันอยู่ไม่น้อย แต่ก็สะท้อนว่าคนไทยในสมัยทศวรรษที่ ๒๔๘๐ เริ่มให้ความสำคัญต่อการเรียนรู้ธุรกิจ มากขึ้น โดยรวมแล้ว เมืองนิมิตร ยังคงเป็นนิยายที่เขียนได้สละสลวย และดำเนิน เรื่องได้ค่อนข้างดี การใช้ภาษาเป็นไปอย่างชัดเจน รัดกุม ความคิดความอ่านโดยทั่ว ไปน่าสนใจอยู่หลายตอน เช่น การวิจารณ์การเอารัดเอาเปรียบของเศรษฐกิจ ที่เน้น การหาเงินและกำไร นับเป็นงานวรรณกรรมภาษาไทยที่คุ้มค่ากับการอ่านมาก โดย เฉพาะผู้ที่ต้องการเข้าใจภาวะและความคิดของสังคมไทยในสมัย ๒๔๗๕ ถึงสงคราม โลกครั้งที่สอง ชีวิตแห่งการกบฏสองครั้ง เป็นงานอีกชิ้นหนึ่งที่รวมอยู่ในเล่มเดียวกับ เมืองนิมิตร ซึ่งเป็นบันทึก จากชีวิตจริงๆ ของผู้เขียน น่าสนใจตรงที่ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องที่แต่ง หรือฝันขึ้น เท่านั้น ผู้เขียนลำดับเหตุการณ์ไปทีละตอนได้อย่างแจ่มชัด ให้เหตุผลที่น่าฟัง ไม่ตี โพยตีพาย และดูจริงใจในการแสดงความคิดเห็นมาก ดังนั้นไม่ว่าประวัติศาสตร์ที่ แท้จริงของช่วงนี้จะเป็นอย่างไร ผู้อ่านต้องตีความเอง และเมื่อกล่าวในด้านวรรณ กรรม งานชิ้นนี้นับได้ว่าเป็นงานที่น่าอ่านอีกชิ้นหนึ่ง |