![]() |
แผ่นดินนี้ของใคร พิมพ์ครั้งแรก เป็นตอนๆ ใน ปิยะมิตร พ.ศ.๒๔๙๕
ศรีรัตน์ สถาปนวัฒน์ |
แผ่นดินนี้ของใคร เป็นนวนิยายขนาดสิบหกตอนจบ เป็นเรื่องราวในแนว ของประชาชนผู้ซึ่งแสวงหาความยุติธรรม ความเสมอภาค และความดีงาม เจน วนาสัย และกุณฑลี วนาสัย เป็นสองหนุ่มสาว ผู้ฝ่ากำแพงชนชั้นมารักกัน และลาจากกรุงเทพฯ ไปหมายสร้างครอบครัวในฝันของตนที่บ้านไร่ ในอำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ กุณฑลี เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าคุณพ่อ ผู้ซึ่งต้องการให้เธอแต่งงาน กับผู้ดีสูงศักดิ์ ส่วนเจนนั้น ด้วยเหตุใดไม่ปรากฎเขาเป็นเด็กรับใช้ในบ้านของกุณฑลี ภาย หลังเขาได้เขารับราชการ แต่ก็ต้องละทิ้งงานนี้เสีย เนื่องจากการใช้อิทธิพลของเจ้าคุณพ่อ ตาผู้ไม่ชอบหน้าเขาเลย ผู้แต่ง ตั้งคำถามจากชื่อเรื่องว่า แผ่นดินนี้ของใคร เพราะความฝันของชนชั้น กลางอย่าง เจนและกุณฑลี วนาสัย แหลกยับกลับกลายเป็นฝันสลายหมดสิ้น เขาทั้งสอง หนีไปจากความไม่เสมอภาคทางชนชั้น จากสายตาดูหมิ่นถิ่นแคลนจากกรอบประเพณีคร่ำ ครึล้าสมัยที่ปิดทางของเขาจากเมืองหลวง แต่กลับเผชิญกับอำนาจเถื่อนที่ไม่เพียงแต่ทำ ร้ายจิตใจ แต่มันกลับเป็นอันตรายรุนแรงพนันกันถึงชีวิตและเลือดเนื้อ และผลสุดท้ายก็คือ ความตายและความสูญสิ้น ไม่มีเขตแดน แผ่นดินที่ใฝ่ฝัน ไว้ว่าจะเป็นที่อันสงบเงียบสำหรับ ผู้ใฝ่หาความหมายของชีวิตที่แท้ ด่านแรกที่ เจน และ กุณฑลี เผชิญก็คือ การใช้อำนาจข่มขู่รีดไถราษฎรของ พวกนายตรวจสรรพสามิต คนของรัฐใช้ตำแหน่งและอาชีพหากินในทางมิชอบแสวงหา ความสุขสบายบนความยากลำบากของราษฎร เจนคนทระนงผู้ซึ่งไม่ยอมสยบให้แก่อธรรม ได้สังเวยอำนาจเถื่อนที่กฎหมายคุ้มครองนี้ ด้วยการถูกส่งไปอยู่ในคุกถึง ๔ ปีเต็ม กุณฑลี หอบลูกน้อยของเธอเดินทางไปขออาศัยอยู่กับฤทธิ์ รณชัย เพื่อนเก่า ของเจน ที่ตอนปาน จังหวัดลำปาง ตามคำฝากฝังจากจดหมายจองเจน วนาสัย เป็นครั้ง ที่สองที่กุณฑลีได้เห็นกับตาว่า แม้ว่าจะย้ายมาจากผืนแผ่นดินหนึ่ง ผืนแผ่นดินใหม่ก็เต็ม ไปด้วยอำนาจของศาลเตี้ย อันธพาลและพวกฉ้อฉลในคราบทหาร วันหนึ่ง ฤทธิ์ รณชัย ถูกรุมกระทืบด้วยทอปบู๊ตจนหมดสติ เพราะเขากล้าท้าทายอำนาจศาลเตี้ยของพวกทหาร- ตำรวจ สมคบกันรีดไถราษฎร และยังไม่ทันที่บาดแผลจะหายดี เขาก็ตกเป็นแพะรับบาป ถูกพวกมหามิตรยามสงคราม คือพวกทหารญี่ปุ่นรุมทำร้าย บัดนี้ กุณฑลีเข้าใจแจ่มแจ้งว่า ไม่มีที่ไหนปลอดจากภัยเสียแล้ว และท่ามกลางชีวิตรันทด ระหกระเหินสิ้นหวังนี้ มิตรภาพ อันลึกซึ้งระหว่างฤทธิ์และเจนได้ก่อตัวขึ้นเงียบๆ ในใจของเขาทั้งสอง ชีวิตของเจน และกุณฑลี วนาสัย ก็เหมือนกับการต้มน้ำ มันค่อยๆ ร้อนขึ้นๆ แล้วก็ไปจนถึงจุดเดือด ไม่มีทางจะราและเย็นลง ด้วยว่าสิ่งที่แวดล้อมนั้นร้อนร้ายยิ่งนัก สำหรับผู้ที่ไม่ยอมสยบศิโรราบให้แก่มัน เจนพ้นโทษออกจากคุกและพากุณฑลีพร้อมกับลูก น้อยของเขาเดินทางไปตั้งรกรากใหม่ในอำเภอห่างไกลของจังหวัดเชียงรายท่ามกลางการ ทำงานอย่างหนักจนไร่นาของเขาให้ดอกผลงดงามสมดังหวังนั้นเอง เจน พบกับอำนาจ เดิมอีก เขาต่อต้านอำนาจเจ้านายอีกครั้ง ด้วยการปฏิเสธการขอยืมเกวียนของปลัดชูศักดิ์ ความอาฆาตจองเวรนี้ได้ทำให้เจน ถูกกลั่นแกล้งด้วยข้อหาต่างๆ และสุดท้ายบ้านและไร่นา ของเขา ถูกเผาทำลายไปกว่าครึ่งหนึ่ง เจนบอกแก่กุณฑลีว่า "เขาไม่ยอมให้ผมเป็นคนดีเสีย แล้ว" เจน ได้วางแผนร่วมกับชาวบ้าน จับได้คาหนังคาเขาว่า ปลัดชูศักดิ์และลูกน้อง สมคบกันใช้ยาเบื่อ ควายของชาวบ้านตายลงตัวแล้วตัวเล่า เพื่อจะได้เนื้อควายที่ทิ้งแล้วนี้ ไปขายมาแบ่งกันเอง ความคับแค้นทำให้ เรืองหนุ่มชาวบ้านยิงปลัดชูศักดิ์จนดับดิ้น แต่ ชะตากรรมของเจนได้กลับกลายเป็นว่าเรืองหลบหนีไป และเจนถูกตั้งข้อหาฆ่าเจ้าหน้าที่ ชะตากรรมพาเจนเข้าไปติดคุกอีกครั้งหนึ่ง และการลาจากกุณฑรีครั้งนี้ กลาย เป็นครั้งสุดท้าย ฤทธิ์ตัดสินใจขายทรัพย์สินของเขา หมายว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนเจนและ กุณฑรี ด้วยความซื่อสัตย์ต่อมิตร และบูชาในความรักที่เขามีต่อกุณฑรี โดยไม่หวังสิ่งตอบ แทน แต่ก็สายเสียแล้ว เพราะในที่สุด เรืองหนุ่มชาวนาตัดสินใจหวนกลับมาพาเจนหนีออก จากที่คุมขัง คิดบัญชีแค้นด้วยการยิงเผาขนนายอำเภอ และทั้งคู่ก็ได้ถูกพวกตำรวจยิง ตายในที่สุด ยังเหลืออยู่ก็แต่ฤทธิ์ และกุณฑลี และตาต้อ ทั้งสามจะกลายมาเป็นครอบครัว เดียวกัน เพื่อคุ้มครองกอสานความหวังริบหรี่ของผู้อ่าน เปล่าเลย 'พระเจ้า' เล่นตลกกับ มนุษย์แน่นอนแล้ว กุณฑลีถูกนายอำเภอและพวกข่มขืน และด้วยเหตุที่เธอต่อสู้ดิ้นรน มีด ปลายแหลมจึงปักลงบนอกจนเธอขาดใจ ลูกน้อยของเธอถูกทำร้าย และผู้ช่วยคนงาน ของเจน วนาสัย ก็ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ฤทธิ์ คนซื่อยังเหลือตาต้อ ลูกน้อยของกุณฑลี สำหรับเป็นกำลังใจของเขาที่จะ มีชีวิตอยู่ต่อไปหรือบางทีอาจจะเปล่า ชะตากรรมของเขา ของเจน ของกุณฑลีความรัก ซ้อนที่ไม่อาจเป็นจริงได้ สภาพไร้ความหวังที่จะมีชีวิตอยู่อย่างทะนงองอาจท่ามกลางอำนาจ เถื่อนนานาชนิดในชนบทบ้านป่าเหล่านี้ พอเพียงแล้วที่นวนิยายจะจบลงอย่างสมบูรณ์ด้วย ความสิ้นหวัง |