สร้างชีวิต
พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.๒๕๑๔

หลวงวิจิตรวาทการ
(พ.ศ.๒๔๔๑ - ๒๕๐๕)


	
		สร้างชีวิต 

	เนื้อหาของเรื่อง
		ผู้เป็นตัวเอก และนางเอก บุคคลตัวอย่าง ในเรื่องนี้คือ หญิงสาว จากครอบ
	ครัวชาวนา นามว่าเรไร

		การต่อสู้ชีวิตของเรไรนั้น เธอต่อสู้กับข้อจำกัดแห่งการเป็นชาวนา ที่ไร้ทั้ง
	ทรัพย์สิน เงินทอง ไร้ทั้งการศึกษา แม้เรไรจะได้เรียนเพียงชั้นประถม แต่เธอขวนขวาย
	ช่วยพ่อแม่ทำงาน พ่อแม่ทำนา ตัวเธอปลูกผักและเลี้ยงไก่ เรไรเจียดเงินจากการขาย
	ผักและไก่นั้น มาเพื่อซื้อหนังสืออ่านเพิ่มความเข้าใจโลกให้แก่ตัวเธอเอง วันหนึ่งเรไรได้
	รู้จักกับคฤหบดี บ้านนายสมพร ผู้	ซึ่งเมื่อรู้จักประวัติชีวิตของเธอก็นึกเอ็นดู จึงได้
	อนุญาตให้เธอมายืมหนังสือไปอ่าน เรไรจึงเติบโตขึ้นมาอย่างผู้มีความรู้ดีคนหนึ่ง  ประ
	กอบกับการช่างคิดช่างสงสัย ก็ยิ่งทำให้เรไรกลายเป็นชาวนาที่มีความคิดและบุคลิกภาพ
	แบบปัญญาชน

		ด่านต่อไปที่เรไรจะต้องต่อสู้ก็คือความยากจนแร้นแค้น เพราะเรไรได้รู้เข้าวัน
	หนึ่งว่า ที่ดินที่ครอบครัวของเธออยู่อาศัยทำไร่ทำนาอยู่นี้ ที่แท้ได้ถูกจำนองไว้เสียแล้วกับ
	เศรษฐีผู้มีอิทธิพลในตัวเมือง  และเพราะว่าไม่มีเงินจะไถ่ถอนที่ดินคืนมาได้ และเศรษฐีนั้น
	ก็ฉลาดพอจะไม่ยึดที่ดินนั้น เขาได้เลือกที่จะเอา พ่อแม่ของเรไรเป็น พวก คอยรับใช้ทำสิ่ง
	'ป่า และ เถื่อน' ต่างๆ เหมือนอย่างเป็นการเลี้ยงลูกสมุนหรือที่เรไรเรียกว่าเป็นทาสนั่นเอง
	มีทางเดียวเท่านั้นที่เรไรจะได้ที่ดินผืนนี้คืน มาเป็นกรรมสิทธิ์ของพ่อแม่ นั่นคือ เรไรต้อง
	เอาความเป็นหญิงของเธอเข้าแลกเนื่องจากเศรษฐีผู้นี้มุ่งหมายต่อตัวเรไร เช่นเดียวกับที่
	เขาเคย ได้ หญิงอื่นมานักต่อนัก

		เรไรมีความคิดอ่าน และคิดเห็นต่อสังคมในทางที่รุนแรง เพราะสภาพแวดล้อม
	อย่างหนึ่ง และเพราะสิ่งที่เรไรอ่านมานั้นอย่างหนึ่ง ทั้งสองนี้ประกอบกันเข้าทำให้เรไรตา
	สว่าง เรไรคิดและเห็นว่าพวกคนร่ำรวยถูกจัดเป็นพวกฉลาด พวกคนโง่อย่างครอบครัวเรไร
	เป็นผู้ลงแรงโค่นถางทำให้ที่ดินรกร้างเป็นประโยชน์เกิดผล พวกฉลาดก็ใช้อำนาจอิทธิพล
	และกำลังเงินมาเอาไปเป็นของตัว เรไรไม่ต้องได้รับการปลุกระดมจากลัทธิการเมืองรุน
	แรงอะไรที่ไหน เธอก็สำนึกได้ ว่ามีการสูบเลือดกินแรงในหมู่มนุษย์ด้วยกัน  ความรู้สึกเช่น
	นี้ทำให้เรไรเริ่มรู้จักกับความเกลียดชัง

		เรไรไม่สนใจว่าความเป็นหญิงสาวสวยและเฉลียดฉลาด จะมีความหมายอะไร
	ต่ออนาคตของเธอในทางที่ดี เพราะบัดนี้เรไรคิดว่าเธอมีงานสำคัญจะต้องทำ เธอต้อง
	ตัดสินใจยอมเป็นเมียน้อยเศรษฐี แลกกับหนี้สินของพ่อโดยเต็มใจ

		ที่กล่าวว่า โดยเต็มใจ นั้นเรไรมิได้ตัดสินใจด้วยความรู้สึก แต่เธอตริตรอง
	ด้วยเหตุผล  ถูกแล้วด้วยเหตุผลที่เธอคิดมาจากการอ่านหนังสือว่าหากเธอแต่งงานโดยที่
	เธอไม่รักเสียแล้ว เธอก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ เธอไม่มีจุดประสงค์อะไรในชีวิตอีก นอกเสีย
	จากต้องการแบ่งเบาความทุกข์ยากลำบากของพ่อแม่เท่านั้น เรไรคิดโดยใช้ตรรกะมาต่อ
	กันเข้าว่าการเป็นเมียของคนที่ตัวไม่รักเป็นทุกข์ก็จริงอยู่ แต่ในเมื่อเรไรไม่มีคู่รักและไม่เคย
	รัก แล้วจะมีทุกข์อะไรกันหนักหนา ความแข็งแกร่งทางจิตใจต่างกับหญิงทั่วไป เป็นอีก
	แรงหนึ่งที่เรไรได้ยอมตนเป็นเมียน้อยเศรษฐีไปในที่สุด

		การเป็นเมียน้อยของเศรษฐีไม่ใช่จุดจบของชีวิตสำหรับเรไร แต่มันกลายเป็น
	จุดตั้งต้นแห่งการต่อสู้อย่างแท้จริง  ผู้ประพันธ์ได้ซ้อนเนื้อหาแห่งการต่อสู้ชีวิตในมุม
	กว้าง และลึกยิ่งขึ้นให้แก่เรไรอย่างชาญฉลาด เรไรได้พบว่าที่แท้เศรษฐีเป็นทั้งนายเงิน 
	เป็นอาชญากร เป็นนักเลงอิทธิพล โดยที่มีชาวนาเป็น เหยื่ออำนาจของเศรษฐีทำให้เรไรต้อง
	วางแผนการต่อสู้ครั้งใหม่อีก เพื่อช่วยเหลือคนยากจน คราวนี้ไม่ใช่พ่อกับแม่ ๒ คน แต่เป็น
	ชาวไร่ชาวนาจำนวนมากที่ถูกเศรษฐีคดโกงและเอารัดเอาเปรียบโดยวิธีการต่างๆ 
อ่านต่อ ไปหน้าที่ 2


กลับไปหนังสือประเภทนิยาย