![]() |
เสาชิงช้า, เอแลนบารอง และเรื่องสั้นอื่นๆ ของ ส. ธรรมยศ พิมพ์ครั้งแรก ๒๔๙๕ โดยสำนักพิมพ์กรุงเทพ เอแลนบารองและเรื่องสั้นที่สรรแล้ว พิมพ์ปี ๒๕๓๑ โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า
ส. ธรรมยศ |
เรื่องสั้นของ ส. ธรรมยศ ได้รวมอยู่ในหนังสือชุด เสาชิงช้า รวม ๘ เรื่อง และรวมเรื่องสั้น เอแลนบารอง และเรื่องสั้นที่สรรแล้วซึ่งโครงการอนุรักษ์ วรรณกรรมเก่าและหายากของสำนักพิมพ์ดอกหญ้า คัดมาพิมพ์ รวม ๑๕ เรื่อง (ซ้ำกับเรื่องในเสาชิงช้า ๔ เรื่อง) เรื่องสั้นเด่นๆ ของ ส. ธรรมยศ เรื่อง เอแลนบารอง เอแลบารอง เป็นเรื่องของสาวสวยชาวญวน ลูกคนรวยที่จบการศึกษามา จากฝรั่งเศส มีหัวเป็นนักปฏิวัติ ต้องการปลดปล่อยเวียดนามจากอาณานิคมของฝรั่ง เศส เมื่อเตื่องคู่รักชาวญวนของเธอได้ไปหลงเสน่ห์โสเภณีลูกครึ่งชาวฝรั่งเศส จนหนี ตามกันไป เธอตามไปตบหน้าคู่รักและยิงหญิงผู้นี้ซึ่งเธอกล่าวหาว่า "ทำลายความทะเยอ ทะยานของเพื่อนร่วมชาติของฉันไม่น้อยกว่าสี่คน" เรื่อง รวงทอง รวงทอง เป็นเรื่องโรแมนติกที่ เอแลน บารอง ก่อนที่เธอจะคิดฆ่าคู่รัก เล่า ให้สุจริต นักศึกษาไทยที่ไปศึกษาปรัชญาในมหาวิทยาลัยในเวียดนามฟัง เป็นเรื่อง ระหว่างความรักของรวงทอง จารสตรีไทย กับ เตรืองยิน นายทหารฝ่ายญวน ซึ่งได้ พบกันอย่างบังเอิญในช่วงสงครามไทยญวน เตรืองยินเป็นนายทหารเชื้อพระวงศ์ที่ เบื่อหน่ายสงคราม สงสารมนุษยชาติและอยากให้โลกมีสันติภาพ เมื่อเขาแต่งงานกับ รวงทองก็ถูกทหารพิจารณาโทษ กษัตริย์ญวนเสด็จตัดสินเรื่องด้วยพระองค์เอง ครั้ง แรกทรงบังคับให้ทั้งคู่หย่าร้างกัน เมื่อรวงทองปฏิเสธ ก็ทรงให้ประหารเตรืองยิน ช่วง เพชฌฆาตจะลงดาบ รวงทองได้สลัดหลุดจากผู้คุมเข้ากันเตรืองยิน จึงโดนฟันตาย เตรืองยินรอด สงครามชะงักลงและมีการเจรจาสงบศึก รวงทองได้การยกย่องว่าเป็น ผู้เสียสละ เรื่อง เมืองปริญญา เรื่อง เมืองปริญญา เป็นเรื่องที่ผู้แต่งเขียนเสียด สี ในความเห่อเรื่อง ปริญญาของคนไทย และมีอารมณ์ขันและยังทันสมัยมากจนถึงทุกวันนี้เนื้อเรื่อง มีพวก ดอกเตอร์, ศาสตราจารย์ ผู้จบปริญญาทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ ๗-๘ คน นั่ง สัมมนากันว่าทำอย่างไรจึงจะให้พลเมืองของนครนี้ทุกคนมีปริญญา เอ็ม เอ ที เอช ที กิ่ง (เขียนปริญญาไว้หน้า เพราะสำคัญกว่าชื่อ) เสนอให้คนมีปริญญาสวมหมวก และเสื้อ ปริญญาทุกวัน จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร ใครที่ไม่ได้ปริญญาจะได้เลื่อมใส อย่างน้อยก็จะ ไม่รู้ว่าคนมีปริญญาแตกต่างกับคนไม่มีปริญญาเพียงใด อีกคนหนึ่งสนับสนุนออกเป็น พ.ร.บ.ใหม่ว่า ผู้ไม่มีปริญญาห้ามเข้าสถานที่มหรสพ ชั้น ๑ ห้ามฟังการประชุมที่สำคัญ, ห้ามเข้าพิพิธภัณฑ์, รถไฟชั้น ๑ ฯลฯ... อนุชนจะได้ทะเยอทะยานยิ่งขึ้น ในการพูดคุย กันก็มีการขัดคอและพูดดูถูกกันแบบปัญญาชนที่เห่อปริญญาจากต่างประเทศ จน กระทั่งมีหมอประกิต ผู้มีปริญญาพ่วงท้ายยาวเหยียดค้นพบยาฉีดเพิ่มกำลังสมองทำให้ คนสามารถจบปริญญาตรีได้ภายใน ๓ เดือน และต่อจบปริญญาเอกได้ใน ๗ วัน ทำให้ คนทั้งเมืองมีปริญญาเอกห้อยท้ายทุกคน ทุกคนใส่เสื้อปริญญาหมด แม้แต่ดอกเตอร์ แก้ว ซึ่งเป็นคนขอทานก็สวมเสื้อครุยปริญญา แม้จะขาดตะปุตะปะ แต่เกิดปัญหาคือ ดอกเตอร์ที่ได้ปริญญาเอกเพราะยาของหมอประกิต เกิดอายุสั้นตายเร็วขึ้น จนต้อง ประชุมหายามาฉีดแก้ไข พอฉีดยาใหม่ แก้โรคอายุสั้น กลายเป็นแขนขาหดสั้น หยิกงอ ผมโกร๋น ฯลฯ เมืองปริญญากลายเป็นเมืองคุดทะราด ผู้แต่งได้สรุปเรื่องว่า "การค้นคว้าใหม่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของหมอ ประกิตมากมาย ไม่เฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น แต่ทั่วโลก วัตถุประสงค์ของการค้นคว้า ได้มุ่งเข้าสู่ความจริง ไม่ใช่ปริญญา! บุคคลย่อมเป็นเครื่องวัดของทุกสิ่งทุกอย่าง - ไม่ใช่ปริญญา! อารยธรรมที่ต้องยกพื้นแผ่นดินที่ให้เป็นสวรรค์ ย่อมต้องแล้วแต่ สมรรถภาพตามธรรมชาติของคน ไม่ใช่ปริญญา !!!" เรื่อง "เสาชิงช้า" เสาชิงช้า เป็นเรื่องที่ผู้แต่งได้จินตนาการ ปรารถนาจะให้เสาชิงช้าที่วัด สุทัศน์เป็นเครื่องมือ "กิโยติน" (เครื่องประหารชีวิตโดยมีดใหญ่ที่ใช้เครื่องทุ่นแรง ชักรอกในการปฏิวัติฝรั่งเศส) ประหารหญิงอสัตย์ทุกคน ผู้แต่งเขียนเรื่องนี้ได้อย่าง สยดสยองแบบวาดภาพ เนื้อเรื่องเป็นเรื่องของหญิงสาวผู้หนึ่ง ซึ่งผละรักจากชาย หนุ่มไปเพื่อไปแต่งงานกับพระยา ผู้เคยเป็นอาจารย์ของหญิงสาวผู้นั้น และมีเมียแบบ แต่งแล้วหย่ามาแล้วสิบกว่าคน ทำให้ชายหนุ่มผู้นั้น ที่บรรยายคล้ายกับตัวผู้แต่งเอง คับแค้นมาก ถึงกับวาดจินตนาการที่น่ากลัวต่างๆ นานา รวมทั้งไม่ยอมรับผู้หญิงคนนั้น จากที่เธอถูกพระยาทอดทิ้งมาแล้วด้วย เรื่อง ดอยสุเทพร้าว เนื้อเรื่องเป็นเรื่อง ซึ่งนางเอก (จบสังคมวิทยา จากฮาร์วาร์ด) พูดถึง เชียงใหม่ ถูกกรุงเทพฯ กอบโกยได้อย่างเข้มข้น และถึงเลือดถึงเนื้อ เกือบจะเป็น เรื่องสั้นที่ดี ถ้าไม่จบลงอย่างอ่อนๆ เหมือนกับเป็นการยอมพ่ายแพ้ต่อสภาพที่เป็น อยู่ไปเสียเฉยๆ ทั้งที่ตัวละครออกจะมีสติปัญญาและไฟขนาดนั้น เรื่อง ระเด่น ตันหยง กุมารี เนื้อเรื่องเป็นเรื่อง ของนางเอกสาวสวยฉลาด บริสุทธิ์จากตระกูลสูงของ อินโดนีเซีย ยอมเสียตัวให้กับหนุ่มไทย เพื่อฉลองเอกราชหลังจากที่ได้รู้จักกันไม่ทัน นาน ฉากรักมีการให้หญิงสาว ใช้สำลีชุบน้ำในอ่างล้างหน้าเช็ดเท้าให้พระเอก แล้วเอา น้ำในอ่างนั้นมาล้างหน้า (เป็นเรื่องโรแมนติก แต่ล้าสมัยและผู้แต่งถูกวิจารณ์ว่า มีความ คิดแบบผู้ชายที่หลงตัว) |