บทละครพูดคำฉันท์
เรื่อง มัทนพาธา
พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.๒๔๖๗

พระราชนิพนธ์
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

(พ.ศ.๒๔๒๔ - ๒๔๖๘)



		พระราชนิพนธ์เรื่องมัทนะพาธา  เป็นบทละครพูดคำฉันท์ ๕ องก์  
	พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ วรรณคดี
	สโมสรได้ยกย่องไว้ในประกาศนียบัตร  ซึ่งคณะกรรมการวรรณคดีสโมสรได้ทูลเกล้าฯ ถวาย
	องค์ผู้ทรงพระราชนิพนธ์

		บทละครคำฉันท์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงพิษร้ายอันเนื่องมาจากความรักตรงตาม
	ความหมายของชื่อเรื่องกล่าวคือ  สุเทษณ์เทพผู้ทรงฤทธานุภาพหลงรักมัทนาเทพธิดา  แต่
	มัทนาไม่รักตอบ  สุเทษณ์ผิดหวังและโกรธ ถึงกับสาปมัทนา	ให้ไปเป็นดอกไม้ในโลกมนุษย์  	
	เดือนหนึ่งเมื่อถึงวันเพ็ญจึงกลายร่างเป็นมนุษย์ที่สาวและสวยได้วันหนึ่ง  ต่อเมื่อใดได้พบรัก 
	โดยมีความรักกับบุรุษเพศ จึงจะเป็นมนุษย์ตลอดไป
		
		มายาวัน
		          "เทวะอันไม้งามสรรพ    มีลักษณ์ต้องกับ    พระองค์ดำรัสนั้นมี
		ในนันทะโนทยานศรี    องค์พระศจี    ธโปรดเป็นยอดมาลา
		เห็นมีแต่ในฟากฟ้า    ในแดนคนหา    ไม้นี้มิได้แห่งไหน"

		แล้วมายาวันก็ได้ชี้แจงถึงดอกไม้ซึ่งมีนามว่ากุพฺชะกะ

		          "ไม้เรียกผะกากุพฺ          ชะกะสีอรุณแสง
		ปานแก้มแฉล้มแดง      ดรณี  ณ  ยามอาย
		ดอกใหญ่และเกสร       สุวคนธะมากมาย
		อยู่ทนบวางวาย            มธุรสขจรไกล"
		
		เมื่อมาอยู่ในโลกมนุษย์  มัทนามีรักเป็นครั้งแรกกับท้าวชัยเสน กษัตริย์จันทรวงศ์
	ผู้ครองราชย์นครหัสตินาปุระซึ่งมีมเหสีอยู่แล้ว  "ความเจ็บหรือเดือนร้อนแห่งความรัก" จึง
	เกิดขึ้นหลังจากท้ายชัยเสนพามัทนามาอยู่ในวัง  เพราะมเหสีหึงหวง  ถึงขนาดปั้นเรื่องเท็จ
	ใส่ร้ายจนท้ายชัยเสนหลงเชื่อ  ทั้งๆ ที่ท้าวชัยเสนไม่ได้รักมเหสีเลย  หากอภิเษกสมรสด้วย
	ความจำเป็นจากการดำเนินนโยบายการเมือง  เพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม

		มัทนาวอนขอให้สุเทษณ์ช่วยเหลือให้ตนได้ครองรักกับท้าวชัยเสนดังเดิม แต่
	สุเทษณ์รักมัทนาอยู่แล้ว  ย่อมต้องการให้มัทนารับรักตนยิ่งกว่าจะได้คืนดีกับท้าวชัยเสน  
	ผลก็คือ  มัทนายืนกรานปฏิเสธรักของสุเทษณ์เหมือนดังที่เคยปฏิเสธมาแล้ว  สุเทษณ์จึง
	สาปมัทนาให้กลายเป็นดอกกุหลาบตลอดไป  ผลที่สุดมัทนาก็เลยกลายเป็นดอกกุหลาบ  
	ดอกไม้ที่ทั้งงามทั้งหอม  แถมมีหนาม  ดอกกุหลาบก็ได้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักของ
	มนุษย์ชาติตลอดมา


กลับไปหนังสือประเภทกวีนิพนธ์