เพื่อนเก่า
พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.๒๕๐๙

เสนอ อินทรสุขศรี



		เพื่อนเก่า  เป็นหนังสือที่รวมเรื่องสั้นจากชีวิตเพื่อนเก่าของหมอผู้
	รักและหวงแหนในคน

		แก่นเรื่องของหนังสือรวมเรื่องสั้นชุด เพื่อนเก่า นั้นมีว่า "ชีวิตของ
	บุคคลใดๆ ก็ตาม ตั้งแต่เริ่มเติบโตมาเป็นอย่างไรเมื่อเด็กๆ  พอโตขึ้น  "ธาตุ
	แท้" แห่งบุคคลนั้นก็จะยังคงเดิมอยู่ไม่หายสาบสูญไปได้ ...แม้ว่าตามสายตา
	คนอื่นจะมีความไม่ดีอยู่ในบุคคล ก็น่าจะคิดว่า อย่างน้อยแต่ละคนก็ต้องมีอะไร
	ที่ดีอยู่บ้าง และสิ่งที่มนุษย์จะหันหลังให้กันและกันไม่ได้เลยนั้น ก็คือ "ความเป็น
	เพื่อน"  (ส่วนเกริ่นนำของผู้เขียน)
	
		หนังสือเรื่องเพื่อนเก่า เป็นการบันทึกภาพชีวิตของยุคสมัยหนึ่งที่
	ผู้เขียนยังเด็ก โดยผู้เขียนได้บันทึกวิถีชีวิตของเด็กๆ ไว้อย่างละเอียดทำให้
	ได้ภาพสังคมกำลังถูกลืมเลือน  บุคลิกตัวละครที่ผู้เขียนสร้างขึ้นมา หรือ
	บันทึกขึ้นมาจากชีวิตจริงของเพื่อนบางคน กลับเป็นชีวิตที่มีตัวตนอยู่ในสังคม
	ปัจจุบัน

		บุคลิกตัวละครเหล่านั้น คือ คนคด คนโกง คนเอาเปรียบเพื่อนฝูง 
	คนเอาเปรียบสังคม หรือคนที่ถูกสังคมเอาเปรียบ แล้วแต่อาชีพของแต่ละคน

		บุคคลเหล่านี้ได้แก่นาย ปดล ผู้ใช้ความกะล่อนหรือความเป็นศรี
	ทะนนไชย หากินกับความไร้เดียงสาของประชาชนในเรื่องความรู้เกี่ยวกับการใช้
	ยา หมออิศเรศ ชื่อเดิมนายเมืองผู้ตั้งตัวเองเป็นหมอเถื่อนจนร่ำรวย  แม่หยิบ 
	หรือสายรุ่ง เจ๊จี่ นายดี

		จุดเด่นของหนังสือ คือ มีแก่นเรื่องที่มองคน และมองโลกในแง่ดี 
	มีความเชื่อมั่นในความเป็นคน และเข้าใจคน เช่นกรณี แม่หยิบ หรือสายรุ้ง ผู้ยึด
	อาชีพโสเภณี
	
		         "เธอก็ทราบอาชีพของฉันดี ฉันไม่ได้โทษใคร ฉันโทษตัวของ
		ฉันเอง อาชีพที่ใครๆ ชิงชังรังเกียจ แต่ไม่มีใครเลยที่จะได้คิดไปถึง
		เบื้องหลังของอาชีพอย่างนี้...   ถ้าเลิกแล้วล่ะ...  อาชีพอยู่ในที่ใด 
		อาชีพอะไร ใครจะเข้าใจในจิตใจของคนในอาชีพนี้...  แต่คนดีที่
		สังคมยกย่องกันว่าดีนั่นก็อาจเป็นเพียงในสายตา เบื้องหลังนั่นอาจ
		เลวยิ่งกว่าคนที่สังคมว่าคนชั่วก็มีถมไป จิตใจก็โสมมหยาบช้า ส่วน
		คนชั่วอย่างพวกฉัน จิตใจไม่เคยโสมม มีความคิดแต่ต้องการสิ่ง
		ตอบแทนคือเงินรางวัล  ที่ได้บำเรอความสุขให้แก่ผู้ปรารถนา..."
	
		ผู้เขียนใช้แก่นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ความเชื่อที่ผิดๆ ของประชาชน
	รวมทั้งการวิพากษ์ปัญหาสังคม เช่น การเปิดโปงการใช้อาชีพหมอมาหากินด้วย
	เทคนิคต่างๆ ซึ่งเทคนิคเหล่านั้นก็ยังใช้กันอยู่ในทุกวันนี้  และวิจารณ์ปัญหาบ้าน
	เมืองในขณะนั้น เช่น การขุดท่อ ขุดถนน 

		ในหนังสือนี้ ผู้เขียน ได้เขียนอย่างมีอารมณ์ขันที่ลุ่มลึก โดยเฉพาะ
	การใช้วิธีการเขียนในสไตล์เสียดสี ซึ่งเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งในหนังสือ ชุดนี้ 
	เช่น
	
		         "ครั้งนั้น ตลอดเมืองไทยกำลังครึกโครมอยู่ด้วยเสียงโฆษณา
		วันหนึ่ง...ผมลองเปิดเครื่องวิทยุฟัง แล้วลองทำสถิติโดยการหมุน
		หาคลื่นของสถานีต่างๆ หมุนไปหมุนมาเป็นเวลา ๓ ชั่วโมง ปรากฎว่า
		ผมได้ยินชื่อยาที่ไม่ซ้ำกันเลยนั้น ๗๘ ขนาน ผมคิดว่าถ้าขืนฟังต่อไป
		อีก จะกลายเป็นวิธีล้างกระเพาะอาหาร ด้วยการนำเอาเสียงมาประยุกต์
		ใช้งานทางวงการแพทย์แทนสายยางล้างกระเพาะอาหารก็อาจเป็นได้ 
		จึงเลิกฟังเสีย"
	
		หรือ   
		         "ใครคนหนึ่งพูดกับใครอีกคนหนึ่งด้วยภาษาปรัชญา เอธีลแอลกอ
		ฮอลว่า "สูเจ้าเอย ความงามแห่งสาววัยรุ่น ๑ อำนาจวาสนาคราจะตกอับ
		๑ แฟชั่นของสตรี ๑ คราวจะถึงที่ตาย ๑ ท้องร่วง ๑  ทั้ง ๕ ประการนี้ไม่
		มีสิ่งใดที่จะมายับยั้งให้หยุดอยู่กับที่ได้ มันจะผ่านไปรวดเร็วดังรถขนขยะ
		ที่วิ่งผ่านห้องแถวที่ตูข้าอาศัย  เพียงได้ยินเสียงระฆังดังแก๊งๆ สูเจ้าก็จะ
		คว้าถังขยะไปเทไม่ทันเสียแล้ว  แต่ถ้าสูเจ้ายังขืนจะเอาถังขยะไปวางไว้รอ
		ล่วงหน้าก่อน สูเจ้าก็อาจถูกปรับเป็นทรัพย์สินดังนี้แล  ทั้ง ๕ ประกานนั้น
		สูเจ้าไม่ถึงจะต้องเป็นห่วงรอคอยมัน จะเสียประโยชน์ของสูเจ้าไปเปล่าๆ 
		และอย่าไปคิดยับยั้งมันเลย สูจงใช้ชีวิตในปัจจุบันให้เต็มที่เถิด เพราะโลก
		เรานี้เป็นอนิจจังโดยแท้"


กลับไปหนังสือประเภทเรื่องสั้น