![]() |
ประวัติศาสตร์ไทยสมัย พ.ศ. ๒๓๕๒-๒๔๕๓ ด้านสังคม พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.๒๕๑๗ ครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๕๑๙ ครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๒๖
ชัย เรืองศิลป์ |
หนังสือ ประวัติศาสตร์ไทยสมัย พ.ศ.๒๓๕๒-๒๔๕๓ ด้านสังคม เป็นหนังสือที่ให้ภาพสังคมไทยในช่วงเวลาที่สำคัญคือ ๑๐๐ ปี ที่มีการเปลี่ยน แปลงจากสังคมไทยดั้งเดิมโบราณ มาเป็นสังคมไทยสมัยใหม่ที่ได้รับอิทธิพล จากตะวันตก (ตรงกับรัชกาลที่ ๒-๕) ได้อย่างดี ประวัติศาสตร์ไทยสมัย พ.ศ.๒๓๕๒-๒๔๕๓ ด้านสังคม มีเนื้อ หาแบ่งออกเป็น ๒ ตอน : เนื้อหาตอนที่ ๑ ชื่อ เมืองไทยยุคเก่า สำหรับผู้เขียน หมายถึง สังคมไทยที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกตอนแรก ซึ่งแบ่งออกเป็น ๖ บท ถือว่าเป็นลักษณะทางสังคมที่เป็นไทยแท้ๆ บทที่ ๑ - เมืองไทยและพลเมืองไทย กล่าวถึงการก่อตัวของรัฐไทยสมัยอยุธยา ด้วยการรวม ๒ ดิน แดนที่ผู้เขียนเรียกแปลกออกไป คือ เรียกเมืองไทยเหนือ ซึ่งหมายถึง สุโขทัย และเมืองไทยใต้ คือ อยุธยา จนมาถึงอาณาบริเวณของรัตนโกสินทร์ตอน ต้น มีการให้ตัวเลขจำนวนพลเมืองที่เป็นคนเชื้อชาติต่างๆ รายละเอียดการ เข้ามาของคนจีน มอญ แขก บทที่ ๒ - ความรู้ ความคิด และความเชื่อของคนไทย เป็นบทที่น่าสนใจ มีการนำเสนอประเด็นที่น่าสนใจที่เป็นประเด็น ใหม่ไม่เคยพบในหนังสือใด คือ การให้ข้อมูลแสดงให้เห็นถึงความเชื่อเรื่อง "ความเสื่อมความเรียวของคน" ของคนไทยสมัยก่อน ว่ามีที่มาจากหลัก ปัญจอันตรธาน ซึ่งเป็นความเชื่อว่าศาสนาจะเสื่อมลงจนสูญสิ้นไป ในขณะ เดียวกับที่คนและสังคมสมัยต่อมาจะมีแต่ความเสื่อมถอย และมีความสามารถ น้อยกว่าคนในอดีต ซึ่งผู้เขียนชี้ให้เห็นว่า ความเชื่อที่มีลักษณะถดถอยเช่นนี้ เป็นต้นตอของความด้อยพัฒนาของสังคมไทยที่ไม่สามารถเปรียบเทียบได้ กับประเทศตะวันตก ประเด็นความเสื่อมและความเรียวนี้จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจรูปการณ์ ของคนไทยสมัยโบราณได้ดี ในบทนี้ ผู้เขียนกล้าวิจารณ์บ่อเกิดของนิสัยรักการเล่นการพนัน ของคนไทยว่า มาจากการสนับสนุนบ่มเพาะนิสัยของรัฐบาลต้นรัตนโกสินทร์ เพียงเพื่อต้องการรายได้จากอากรบ่อนเบี้ย จำนวนมากเท่านั้น บทที่ ๓ - สภาพความเป็นอยู่ของคนไทย ผู้เขียนแบ่งชนชั้นต่างๆ ของไทย ออกเป็นเจ้าขุนนาง ชนชั้น กลาง ไพร่ ทาส ให้รายละเอียดเกี่ยวกับฐานะทางสังคม สภาพความเป็นอยู่ ของชนชั้นต่างๆ การศึกษา การใช้ชีวิต ที่น่าสนใจ คือ การให้คำนิยามของ "ชนชั้นกลาง" และชี้ให้เห็นว่ามีรสนิยมเลียนแบบพวกขุนนางอย่างไร มีการ บรรยายความทุกข์ยากของไพร่ บทที่ ๔ - พระเจ้าแผ่นดิน รัชกาลที่ ๒ และ ๓ ในบทนี้ ผู้เขียนพยายามเปรียบเทียบว่า สร้อยพระนามของกษัตริย์ ที่คล้ายกันจะมาจากราชวงศ์เดียวกัน ซึ่งสมมติฐานดังกล่าวไม่เป็นที่ยอมรับของ นักประวัติศาสตร์ บรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับรัชกาลที่ ๒ และ ๓ ในประเด็นต่างๆ เช่น พระมหากษัตริย์ทรงมีวิธีอย่างไรให้ประชาชนรัก พระราชประวัติ พระราช กรณียกิจ และพระอุปนิสัยส่วนพระองค์ของ ๒ รัชกาล ผู้เขียนเปรียบเทียบการ สร้างกรุงเทพฯ ของ ๒ รัชกาลว่า ได้สร้างความเจริญให้แก่กรุงเทพฯ ในด้านใด บ้าง บทที่ ๕ - ขนบธรรมเนียม พูดถึงเครื่องแต่งกาย ชาวบ้าน ขุนนาง การศึกษา ที่สำคัญคือ การ กล่าวถึงขนบไพร่ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องไพร่สม ไพร่หลวง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่ แก่การเข้าใจ ผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูลอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นคุณูปการต่อการ ศึกษาเรื่องนี้อย่างมาก โดยเฉพาะลักษณะของไพร่สม ระบอบศักดินาไทย เรื่อง ราวเกี่ยวกับศาลและกฎหมายในสมัยนั้น บทนี้จึงเป็นบทที่มีความสำคัญต่อการ เข้าใจสังคมไทยทั้งระบบ บทที่ ๖ - คนไทยเริ่มตื่นตัวในความล้าสมัยของตน กล่าวถึงบทบาทและคุณูปการของมิชชันนารี ในการนำเทคโนโลยี ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ความทันสมัยสู่สังคมไทย และตัวอย่างต่างๆ ที่แสดง ให้เห็นถึงอิทธิพลของชาวตะวันตกที่ก่อให้เกิดความ "ตื่นตัว" ของคนไทย เนื้อหาภาคที่ ๒ เมืองไทยยุคใหม่ (๒๓๙๔-๒๔๕๓) เป็นช่วงที่สังคม ไทยรับอิทธิพลความก้าวหน้าจากตะวันตก และประเทศไทยก้าวสู่ความทันสมัย ซึ่ง ตรงกับรัชกาลที่ ๔ และ ๕ วิธีการนำเสนอข้อมูลของผู้เขียนทำให้เข้าใจว่าผู้เขียน เห็นว่าปัจจัยภายนอกสังคมไทย คือ การเข้ามาของตะวันตก โดยเฉพาะบทบาท ของหมอสอนศาสนา (มิชชันนารี) และการทำสนธิสัญญากับอังกฤษ นำการเปลี่ยน แปลงอย่างมหาศาลมาสู่สังคมไทย มากกว่าปัจจัยภายใน เช่น การปรับตัวของรัฐ ไทย บทที่ ๗ - ความเปลี่ยนแปลงทางสัมคมในรัชกาลที่ ๔ เป็นบทที่กล่าวถึงการที่ไทยยอมเปิดประตูการค้ากับต่างประเทศ ผู้ เขียนมีทัศนะที่จะเห็นดีงามกับการทำสัญญาเปิดประตูการค้ากับต่างประเทศ ใน ขณะที่นักประวัติศาสตร์เศรษฐกิจรุ่นหลัง จะวิเคราะห์ว่าการทำสนธิสัญญาเบาริ่ง ในปี พ.ศ. ๒๓๙๘ เป็นการบีบบังคับจากทุนนิยมโลกและมีผลให้เศรษฐกิจไทย ตกอยู่ภายใต้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมแบบพึ่งพา จนเป็นสาเหตุรากเหง้าของความ ยากจน ในชนบทที่เรื้อรังมาจนทุกวันนี้ ผู้เขียนกลับเห็นว่า การเข้ามาของชาวตะวัน ตก ทำให้คนไทยได้รับผลทางอ้อม คือ มีสภาพความเป็นอยู่ดีขึ้นตามไปด้วย อัน เป็นผลจากการเรียกร้องของชาวตะวันตกให้รัฐบาลอำนวยความสะดวกแก่เขา บทที่ ๘ และ ๙ - ความเจริญเติบโตของกรุงเทพฯ เป็นบทที่แสดงรายละเอียดพัฒนาการของความเปลี่ยนแปลงของกรุง เทพฯ ที่กลายเป็นเมือง "ทันสมัย" กล่าวถึง การขยายตัวของเมืองการสร้างถนน หนทาง วัดวาอาราม สถานที่ราชการ สภาพชีวิตการแต่งกายที่เปลี่ยนไปของผู้คน ฯลฯ การคัดข้อมูลมาบรรยายทำให้เห็นภาพของกรุงเทพฯ และผู้คนได้อย่างมีชีวิต ชีวา บทที่ ๑๐ - การปฏิรูปการศึกษา กล่าวถึงการศึกษาสมัยใหม่ ที่มิชชันนารี เป็นผู้ริเริ่มและเป็นต้นแบบให้ รัฐบาลดำเนินการต่อมา บทที่ ๑๑ - การเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งยิ่งใหญ่ เป็นบทที่ดีที่สุด บทหนึ่งที่กล่าวถึงการเลิกระบบไพร่ อย่างละเอียด เป็นขั้นตอน ความจำเป็นในการจัดตั้งทหารอาชีพขึ้นมาทดแทนและพัฒนาเป็น สถาบันที่เข้มแข็ง บทที่ ๑๒ - เมืองไทยยุคใหม่ เป็นการกล่าวถึงรูปแบบของความทันสมัยด้านการสาธารณสุขด้าน กฎหมาย ความเชื่อ ความรู้ ศาสนา เบ็ดเตล็ดอื่นๆ |