วรรณคดีและวรรณคดีวิจารณ์
พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.๒๔๘๖

ดร.วิทย์ ศิวะศริยานนท์
(พ.ศ.๒๔๕๖ - ๒๕๓๓)



		วรรณคดีและวรรณคดีวิจารณ์ เป็นหนังสือแนววิชาการด้านวรรณคดี
	และวรรณคดีวิจารณ์แบบตะวันตกเล่มแรกๆ ที่นักวิชาการไทยนำทฤษฎีวรรณคดีวิจารณ์
	แบบตะวันตกมาเผยแพร่และประยุกต์ใช้กับวรรณคดีและบริบทสังคมวัฒนธรรมไทย 

		ทัศนะทางวรรณคดี ของผู้เขียน ที่ได้แสดงไว้ในหนังสือเล่มนี้	 เป็นทัศนะที่
	"ตกผลึก" ที่ได้ผ่านการขบคิด ใคร่ครวญกลั่นกรองแล้วอย่างรอบคอบ งานวรรณคดี
	วิจารณ์ของ ผู้เขียน มิใช่งานวิจารณ์เชิงทดลอง  ปฏิบัติและก้าวล่วงระดับ "วิเคราะห์"
	(Analysis) แล้ว หากเป็นงานที่สะท้อนถึง "ระดับทฤษฎี" ทางวรรณคดีและวรรณคดี
	วิจารณ์ โดยสื่อออกมาเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายและนำเอาทฤษฎีประสานกับงานวรรณคดี 
	เรื่องราวในวรรณคดี หรือตัวละครในวรรณคดีไปโดยตลอด โดยได้แสดงออกมาเป็น
	ทัศนะของตนเองอย่างแจ่มแจ้ง  งานระดับนี้จัดว่าเป็นงานระดับ "สังเคราะห์" (Synthesis) 
	ซึ่งหาตัวจับยากในวงการ วรรณคดีไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรอบรู้ ลึกซึ้ง รอบด้าน 
	และความเป็นสากล (Univeral) ของท่านผู้เขียน  ยากที่จะหา "นักวรรณคดี" รุ่นเดียว
	กับท่านหรือรุ่นหลังมาเทียบเคียงท่านได้ ท่านสามารถที่จะกล่าวอธิบายถึงทัศนะทาง
	วรรณคดีหนึ่งๆ โดยประสานไปได้รอบทิศ โยงใยถึงวรรณคดีเอกๆ ของมนุษยชาติ
	ได้อย่างรวดเร็ว ฉับไวและกระชัย ทว่าดอกลึก และสลักเสลา งานชิ้นนี้มี "ความงาม" ที่
	มีคุณค่าในตัวเอง  นอกเหนือจาก "ความแรง" ทางทฤษฏีและวิชาการ "ความงาม" และ
	"ความแรง" ทางวิชาการดังกล่าวดำเนินตั้งแต่ต้นเล่ม จนถึงปลายเล่ม ตัวอย่างเช่น 
	เมื่อเริ่มต้นอธิบายว่า "วรรณคดีคืออะไร" ท่านผู้เขียนจะอธิบายเชิงพรรณาความอย่าง
	ฉับไว แต่ครอบคลุมเนื้อหากว้างขวางและแนวคิดที่ลึกซึ้งในข้อความเพียงไม่กี่บรรทัด 
	ผู้อ่านก็รู้สึกเหมือนได้อ่านวรรณคดีไปทั่วโลก โดยที่วรรณคดีไทยก็มีที่ทางของตนอย่าง
	มั่นคงในบริบทวรรณคดีของโลก
	
		"วรรณคดีอันเป็นคำที่เราบัญญัติขึ้นใช้เทียบคำ Literature ในภาษาอังกฤษ
	หมายถึงบทประพันธ์ที่รัดรึงตรึงใจ ผูอ่านปลุกมโนคติ (Imagination)  ทำให้เพลิดเพลิน
	และเกิดอารมณ์ต่างๆ ละม้ายคล้ายคลึงกับอารมณ์ของผู้ประพันธ์วรรณคดีอาจสอนใจเรา
	ได้ทางอ้อม  แต่ไม่มช่หนังสือเทศน์และอาจเปิดหูเปิดตาเรา โดยให้เห็นชีวิตและแง่ของชีวิต
	แปลกๆ ต่างๆ แต่วรรณคดีไม่ใช่ตำรา หนังสือศาสนาอาจเป็นวรรณคดีได้ ถ้าบังเอิญมามี
	ลักษณะของวรรณคดี เช่นคัมภีร์ไบเบิ้ล พระปฐมสมโพธิ และเทศน์ของบอสสีเอท์ และ
	ของบูร์ ดาลู บางกัณฑ์ และตำราบางอย่างก็อาจสงเคราะห์เข้าเป็นวรรณคดีได้เหมือนกัน 
	เช่น ตำราที่แต่งเป็นบทกลอนเพราะพริ้ง ทำให้เราเพลิดเพลินในรสกลอน จนลืมคิดถึงใจ
	ความในทำนองเดียวกัน หนังสือปรัชญาบางเล่ม เช่น ไตรภูมิพระร่วง  Pensee ของปาส
	กาล และ La Recherche de la verite ของมาล บรองซ์ และเอมีล ของรุสโซ ก็เป็นวรรณคดี
	ภาพนรกใตรภูมิพระร่วงและความพรรณาลักษณะเปรตก็ดี ความพรรณนาตอนการเกิด
	ของเด็กก็ดี อ่านสนุกออกรส เพราะพรรณาเห็นจริงเห็นจัง และมีภาพเปรียบเทียบเหมาะๆ 
	ความรู้ในทางโลกสัณฐานและปรัชญาที่ไตรภูมิพระร่วงให้แก่เราเป็นความรู้ที่ล้าสมัย อัน
	วิทยาศาสตร์ปัจจุบันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าผิดพลาดไป แต่การที่ไตรภูมิไม่ให้ความรู้เรานี้ 
	กลับเพิ่มความบันเทิงให้แก่เรา"
	
		วิธีคิดวิธีนำเสนอ "ความรู้" ด้านวรรณคดีของผู้เขียน จะมีลักษณะเป็น
	"Dialogue" อยู่ในตัวเอง คือ เหมือนกับเป็นบทสนทนาโต้ตอบ ระหว่างกันภายใน
	ปริมณฑลของความคิดของทั้งผู้แต่งและผู้อ่าน มี "Argument" คือ โต้แย้งอยู่เป็นคู่ๆ 
	ตลอดเวลา แล้วก็มี "คำตอบ" ที่มิใช่เป็นสูตรสำเร็จรูป หากเป็นตัวอย่างวรรณคดีอัน
	หลากหลาย ที่ผู้แต่งได้คำตอบเชิงสังเคราะห์อยู่ในความคิดและความรับรู้อันตกผลึก
	ของผู้แต่งเองมานานแล้ว จึงหยิบยกมาประสาน เพื่อประกอบคำอธิบายได้ในทันที 
	อย่างเหมาะเจาะ กระชับ รัดกุม โดยที่วรรณคดีไทยก็เป็นหนึ่งในองค์ความรู้ที่ตกผลึก
	แล้วของผู้แต่งเอง และผู้แต่งก็สามารถหยิบยกมาร่วมขบวนวรรณคดีโลกได้อย่าง
	ไม่ขัดเขิน และลงตัวพอดีในบริบทหนึ่งๆ ลีลาการนำเสนอ วรรณคดีวรรณคดีวิจารณ์  
	จะมีลักษณะเช่นนี้เกือบโดยตลอดทั้งเรื่อง แสดงถึงความเป็น "ผู้รู้" ที่หมั่นตั้งคำถาม
	ให้กับตนเองและยั่วยุให้ผู้อ่านทั้งอาจจะคล้อยตามและร่วม "โต้แย้ง" ตั้งโจทย์ให้กับ
	ตนเองขณะที่อ่านเป็นระยะๆ ไปด้วย

		อีกตัวอย่างหนึ่งที่จะช่วยยืนยันลักษณะลีลา วิธีคิด การตั้งคำถาม-การให้
	คำตอบ เหมือนกับกล่องกลที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ ชวนให้เปิดออกมาเพื่อไขคำตอบที่ยาก
	ขึ้น แต่ก็ "สนุกคิด" ยิ่งขึ้น ดังนี้
	
		"วรรณคดีส่วนใหญ่ส่วนหนึ่ง เป็นเรื่องสดุดีสรรเสริญกฤษดาภินิหาร
	ของกษัตริย์หรือนักรบของชาติ การกระทำอันห้าวหาญและองอาจของเพื่อน
	มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นชาติใดภาษาใดย่อมทำให้เกิดความตื้นตันในใจแก่ผู้ได้พบเห็น
	พฤติกรรมของวิลเลียม เท็ล ชาวสวิส และลีโอนีตาส นักรบกรีก ที่ต่อต้านกองทัพ
	เปอร์เซียจนตัวตายในที่รบ ทั้งๆ ที่มีทหารอยู่กับตนแต่เพียงหยิบมือเดียว 
	ยันดาร์คหญิงสาวชาวบ้านนอกของฝรั่งเศส ที่บังอาจคุมเพื่อนร่วมชาติเพียงเล็ก
	น้อยต่อต้านแสนยานุภาพของชาวอังกฤษ   ชาวบ้านบางระจันของเราที่แสดงน้ำใจ
	อันกล้าหาญ ต่อสู้ข้าศึกอย่างไม่ถอยหลังเลยสักก้าวเดียว ทั้งๆ ที่รู้ตัวว่า กำลังดิ่ง
	เข้าไปสู่ความตาย เป็นที่จับใจของบรรดากวีแม้ที่เป็นชาติอื่น ซิลเลอร์ ชาวเยอรมัน
	แท้ๆ ยังสดุดีการกระทำของยันดาร์ค หญิงชาติที่เป็นข้าศึก ไว้ในบทละคร Die
	Jungfran von Orieans  และได้สร้างอนุสรณ์แห่งความกล้าหาญของวิลเลียม เทล
	ไว้ในเรื่อง Wilheim Tell  ส่วนพฤติกรรมอันน่าสรรเสริญของวีรบุรุษโรมันโบราณ
	ก็ได้ถูกจารึกไว้ใน Lays of Ancient Rome ของ Macaulay  เพื่อเป็นเครื่องกระตุ้น
	เตือนใจชาวอังกฤษ"
				("กำเนิดแห่งวรรณคดี" วิทย์ ๒๕๑๙ : ๖)
	
		ในตอนท้ายของหนังสือ ผู้แต่งได้อุทิศเวลาและเนื้อหาที่ให้กับการแนะ
	นำว่า นักวิจารณ์พึงมีคุณสมบัติอย่างไร ควรคิดอย่างไร เขียนอย่างไร ควรมีการ
	ตระเตรียมมากน้อยแค่ไหน ฝึกปรือให้เต็มที่อย่างไร และได้ให้แง่คิดในเชิงอภิปราย
	อย่างกว้างขวางลุ่มลึก ผู้แต่งได้แสดงทัศนะไว้ ดังนี้
	
		"นักวิจารณ์ที่แท้จริง จะต้องมีความเข้าใจเพื่อป้องกันมิให้เกิดอยุติธรรม
	ต่อกวี หรือนิพนธ์โดยประนามสิ่งซึ่งถ้าเข้าใจให้ดีแล้วเป็นคุณลักษณะแท้ๆ แต่ความ
	เห็นใจนี้จะต้องไม่ทำให้เขาปิดบังอำพรางสิ่งที่เป็นตำหนิจริงๆ..."

		"คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของนักวิจารณ์ คือ ต้องกล้าพูดกล้า
	เขียน แต่ต้องเขียนด้วยความรู้และความยุติธรรมอันเกิดจากความเห็นใจ การ
	พยายามเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างก่อนลงมือวิจารณ์นั้น เป็นของพีงกระทำโดยแท้ 	
	และเป็นของจำเป็นสำหรับการวิจารณ์ แต่การให้อภัยทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมิใช่วิสัย
	นักวิจารณ์เพราะถ้าอภัยข้อตำหนิทุกอย่าง  การวิจารณ์ก็ไม่มีความหมายเป็นแต่
	เพียงคำสดุดีเท่านั้น..."    (การวิจารณ์วรรณคดี. วิทย์ ๒๕๑๙ : ๒๔๑)	


กลับไปหนังสือประเภทศิลปะ, ภาษาและวรรณกรรม, วรรณกรรมวิจารณ์