![]() |
ประติมากรรมไทย พิมพ์ครั้งแรก ๒๔๙๐ พระนคร : กรมศิลปากร
ศิลป พีระศรี |
ประติมากรรมไทย เป็นงานที่เขียนขึ้นโดย อาจารย์ ศิลป พีระศรี ศิลปินชาวอิตาเลียน ซึ่งผู้เขียนเขียนขึ้นเพื่อเป็นการอธิบาย และชี้แจงเชิง วิชาการแก่ผู้ที่สนใจศิลปะได้รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ผู้เขียนได้เกริ่นนำไว้ก่อนหน้าว่าเป็นการเขียนขึ้นด้วยทัศนะความเห็นเชิง ศิลปะ ไม่ใช่เน้นในแง่โบราณคดี ดังนั้นจึงเสมือนกับการเริ่มสอนผู้อ่านให้รู้จักศิลปะ ในแง่ของสุนทรีย์ โดยการตั้งต้นให้ผู้อ่านลองเปรียบเทียบระหว่างความงามของ ศิลปะตะวันตก คือเศียรของพระเยซู กับความงามของศิลปะไทยเรา คือ เศียรของ พระพุทธรูป โดยเฉพาะในสมัยสุโขทัย ซึ่งจัดได้ว่ามีความงามเป็นเลิศ ดังที่ว่า "ศิลปะไม่ใช่ของฟุ่มเฟือยบำเรอคนมั่งมีลางคน ศิลปะไม่ได้ทำขึ้นเพื่อ ให้พอใจแก่ลางบุคคลที่มีพุทธิปัญญาเท่านั้น หรือเป็นอาการสำแดงอย่างฝันๆ ของ ศิลปิน แต่ว่าเป็นสิ่งจำเป็นเนื่องมาจากสัญชาติญาณอันเป็นวิสัยธรรมดาของมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ..." ก่อนที่ผู้เขียนจะลำดับเรื่องราวเกี่ยวกับประติมากรรมไทยตั้งแต่การ ก่อรูปขึ้นเป็นศิลปะไทย ตามทัศนะของผู้เขียนแล้วกล่าวว่า ศิลปะไทยเกิดขึ้นเป็น ครั้งแรกในสมัยเชียงแสนที่มีการใช้ทองสัมฤทธิ์กันทั่วไปในการทำงานด้าน ประติมากรรม จากการที่ผู้เขียนได้เข้าอยู่ในเมืองไทย จึงทำให้มีความเข้าใจนิสัยจิตใจ ของคนไทยไม่ใช่น้อย ดังที่ผู้เขียนกล่าวว่า... "ไทยมีนิสัยรักความเป็นไทย ไม่สามารถ ทนต่อการกำหนด บังคับใจ ตรงกันข้ามกับหลักที่ถือชาติ วรรณะ ไทยเป็นผู้ที่รัก และช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติด้วยถือหลักลัทธิไม่เห็นแก่ตนถ่ายเดียว...ไทยเป็นผู้ มีความคิดตรึกตรองและมีนิสัยรักสงบ และเพราะด้วยเหตุผลเหล่านี้ จีงรับเอา ลัทธิฮินดูมาเป็นศาสนาที่นับถือของตนไม่ได้" จากความคิดดังกล่าวนี้ ผู้เขียน ทำให้เรามองเห็นว่าแม้ในตอนแรกศาสนาฮินดูมีอิทธิพลแผ่เข้ามา แต่ก็ไม่สามารถ เปลี่ยนแนวทางในการสร้างงานศิลปะแนวพุทธศาสนาได้ ด้วยการเปรียบเทียบ ด้วยภาพวาด และคำบรรยายให้เห็นอย่างชัดเจนโดยละเอียด ตั้งแต่พระเศียรจน จรดฐานของพระพุทธรูป เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้จักวิธีศึกษาลักษณะของรูป เส้น ท่าที และสีสัน อันเป็นพื้นฐานขององค์ประกอบศิลปะ ประติมากรรมที่ผู้เขียนยกย่องว่า ศิลปินไทยนั้นนับได้ว่าเป็นช่างชั้นฝีมือ ครู นั่นก็คือ ประติมากรรมรูปคนที่สร้างขึ้นด้วยโลหะ เพราะผู้เขียนกล่าวว่า "ในประเทศนี้มีผู้ทราบน้อยถึงความยากลำบากในการหล่อรูปด้วยทอง สัมฤทธิ์ เพราะช่างชั้นฝีมือครูทำงานของตนไม่อีกทึกครึกโครม เพื่อหวังเอาชื่อเสียง ส่วนตัว ออกแบบปั้นและหล่อรูปไปอย่างเรียบง่ายๆ เพราะท่านเหล่านี้มีความเลื่อม ใสในพระศาสนา เห็นว่าการสร้างพระพุทธรูปเป็นการบุญการกุศล...เป็นกิจธรรมดา ประจำวันเท่านั้น" ขณะที่ผู้เขียนมองว่าเทคนิคการหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์เป็นสิ่งที่สมบูรณ์ ที่สุด และความยากอยู่ที่การลดความหนาของทองให้บางที่สุด และจะต้องมีพื้นผิว ที่บางอย่างสม่ำเสมออีกด้วย ข้อเขียนในหนังสือ ที่ผู้เขียนเขียนขึ้นอาจทำให้ผู้อ่านที่เป็นชาวไทย หลายคน ซึ่งยังมองไม่เห็นความงามของศิลปะ โดยเฉพาะในด้านประติมากรรม ไทย สามารถซาบซึ้งและค่อยๆ เรียนรู้วิธีซึมซับความงามทางศิลปะได้ทีละน้อย และสามารถมองเห็นความคลี่คลายอย่างสังเขปของประติมากรรมไทย โดย เฉพาะรูปคนหรือพระพุทธศาสนา และในท้ายที่สุดจะทำให้รู้สึกทึ่งว่าผู้เขียนที่เป็น ชาวต่างชาติ สามารถเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะไทยให้คนไทยอ่านได้อย่างซาบ ซึ้งได้อย่างไรกัน |