![]() |
แสงอรุณ ๒ รศ.แสงอรุณ รัตกสิกร รวมพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.๒๕๒๒
แสงอรุณ รัตกสิกร |
แสงอรุณ ๒ เป็นหนังสือรวมผลงานเขียนของ อาจารย์แสงอรุณ รัตกสิกร เพื่อเป็นหนังสือที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพของท่านผู้เขียน พ.ศ. ๒๕๒๓ บทความและข้อเขียนของท่านผู้เขียน เป็นการบ่งถึงความรู้และรสนิยม ในสุนทรียภาพทางสถาปัตยกรรม, ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อม ความเฉียบคมเสมอ ด้วยราชสีห์แห่งการวิจารณ์ เรื่อง ในรังนกอินทรี และ ทาไลซินตะวันตก เป็นสองเรื่องจากประสบการณ์ตรง ที่ผู้เขียนเคยอยู่ในอาคารสถาปัตย- กรรมของสถาปนิกเอกของโลกคนหนึ่ง ชื่อ แฟรงค์ ลอยไรท์ ในฐานะลูกศิษย์ที่ สะท้อนภาพชีวิต ณ สำนักศึกษานั้น เป็นคนไทยคนแรกและคนสุดท้ายของที่นั่น ได้ บรรยายบุคลิกภาพของมหาพรหม แฟรงค์ และลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่ควรสน ใจ แม้ว่ากาลต่อมาที่นั่นจะโทรมลง แต่ "ผมก็ยังรักที่จะฝันถึงมันอยู่เสมอ ไม่ใช่อะไร เมื่อเราฝัน แม้ความทุกข์ก็มีรสหวาน" บทความที่เป็นพลังปลุกเร้าความสำนึกต่อคุณค่า และให้สติที่สถาปนิกหรือ ผู้มีส่วนกำหนดแบบแผนบริเวณ รวมทั้งตัวอาคาร เพื่อความงามและความสงบสงัด เรื่อง อปริหานิยธรรมในสถาปัตยกรรม อปริหานิยธรรม หมายถึง ธรรมะหมวดที่ "ผู้ปฏิบัติธรรมนี้ย่อมมีแต่ ความเจริญอย่างเดียว หาความเสื่อมมิได้เลย" การเขียนบทความชิ้นนี้ ผู้เขียนใช้ สมณฉายาเมื่อครั้งอุปสมบทว่า อดีต สุภา กโร ภิกขุ สำนักวัดบวรนิเวศวิหาร เรื่อง การอยู่ในบ้านแบบไทยเดิม และ เรื่องอยู่บ้านไทย ผู้เขียนอธิบายเหตุผลของสถาปัตยกรรมไทยว่า เหตุใดท่านแต่ก่อนจึง ออกแบบเช่นนั้น อาทิ บ้านหลังคาทรงสูง หรือเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมไทย ที่เป็นบ้านพักอาศัยซึ่งใช้พันธุ์ไม้ล้อมตัวอาคาร มีสวนสมุนไพร สวนครัว นับเป็น สถาปัตยกรรมแบบอุทยานนคร เพื่อความกลมกลืนและประหยัด การเสนอข้อคิด ระหว่างบรรทัดของผู้เขียนในเรื่อง อยู่บ้านไทย มีความตอนหนึ่ว่า "ความสงบ ระงับ ควรจะเป็นเป้าหมายในการดำรงชีวิตของเรา และด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ความเป็น มนุษย์ของเราจะพัฒนาสูงขึ้น" เรื่องที่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์เฉียบคมนั้น เจืออยู่ในงานเขียนงานพูด ของผู้เขียนเสมอ แต่บทที่แสดงความเป็นคนจริง ไม่เพียงวิจารณ์นอกบ้าน โดย ละเรื่องใกล้ตัว นั่นคือ การแสดงออกความเป็นนักวิชาการที่ซื่อสัตย์ ลึกขึ้นมา วิจารณ์ตึกของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ จากบทความ ตึกเก่า-ตึกใหม่ บทความเรื่อง ตึกเก่า-ตึกใหม่ เริ่มข้อเขียนว่า "ขอความยุติธรรมให้ แก่สุนทรียภาพของผมบ้าง ผมอัดอั้นตันใจในงานสถาปัตยกรรม ซึ่งผมจำเป็น ต้องอยู่อาศัยทำงานมา ๑๖ ปีกว่าแล้ว" และฝากข้อคิดว่า "แม้จะได้ปริญญาจาก คอร์แนลหรือฮาวาร์ด ถ้าทำงานที่แสดงความโง่ ความโลภแล้ว สถ.บ.ธรรมดาก็ ยังดีกว่ามาก" คำบรรยายเรื่อง ทรรศนะอุจาด ผู้เขียนเป็นปฏิปักษ์ต่อทรรศนะอุ จาดทั้งปวด เป็นผู้บัญญัติศัพท์นี้ คำบรรยายใช้ในการสัมมนาทางวิชาการครั้ง หนึ่งที่เชียงใหม่ เรื่อง อนุสาวรีย์ที่ไทยทำ เป็นบทวิจารณ์ของผู้เขียน กล่าวถึงประวัติความเป็นมา ทรวดทรง การออกแบบ ความมีเหตุผล และไม่มีเหตุผลของสื่อความหมาย ทัศนะต่อความ งามและไม่งาม ศิลปินบางคนที่ออกแบบอนุสาวรีย์ แม้จะมีผลงานก็ถูกผู้เขียนติ แต่ภายหลังก็ได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติไปตามๆ กัน บางบทความนำเสนอลักษณะเนื้อเรื่องเป็นการท่องเที่ยว เช่น เรื่อง ทัชมาฮาล และเรื่องสวนจีนเมืองซูโจวฯ กลับเป็นบทความที่แหวกความรู้สึกต่าง จากผู้อื่นที่เคยเขียน เพราะสายตาของศิลปินกับสถาปนิกที่มีอยู่ในคนๆ เดียว ในเรื่องทัชมาฮาล ผู้เขียนร่ายคำและเรียงความไว้ว่า "ข้าพเจ้าจากทัช เมื่อแสงแดดกำลังอ่อนลงเป็นสีส้มสุกระเรื่อ ทัชรวม แสงแดดลำสุดท้ายไว้ที่โดม ชีพจรของเราดูระโหยอย่างประหลาด แน่ล่ะอีกสักครู่ แสงเดือนก็จะสาดจับโดมนี้ทางตะวันออก และทัชก็จะงามขึ้นอีกครั้งละมุมอ่อนใน แสงสีเงิน ทัชในเวลาเดือนหงาย คือทัชที่สะท้อนอารมณ์ฝันและรัญจวนของมนุษย์ และเมื่อเดือนได้โคจรสู่กึ่งกลางฟ้า แสงเดือนก็จะดูเสมือนว่ามันแปรสภาพเป็นอณู สีเงินนับอสงไขยโกฏิ อณูนี้จะคลุมทัชอย่างช้าๆ และอย่างสงัด" นอกจากนี้ ยังมีผลงานชิ้นอื่นๆ ของผู้เขียนซึ่งมิได้ยกตัวอย่างมา |