ธรรมชาตินานาสัตว์
เล่ม ๑-๓
พิมพ์รวมเล่มครั้งแรก โดยสำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์ พ.ศ.๒๕๐๔
พิมพ์ครั้งที่สอง โดยสำนักพิมพ์สารคดี เมษายน พ.ศ.๒๕๓๘

นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล
( พ.ศ. ๒๔๕๐-๒๕๓๕ )


		
		การเขียนถึง นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล เป็นเรื่องง่ายและเรื่องยากพอๆ
	กัน  เหตุที่ง่าย  คงเป็นเพราะนายแพทย์ผู้นี้มีอิทธิพลใหญ่หลวงต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ
	ในประเทศไทย อาจกล่าวได้ว่าแทบไม่มีใครผู้ใดมีอิทธิพลทางความคิดและงานเขียนเสมอ
	เหมือนงานจำนวนมากของเขา แต่ที่ยากเพราะหากลำดับงานเขียนแล้วพิจารณาอย่างถ่อง
	แท้ คงเห็นว่าต้องแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไม่น้อยเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา ในประเทศ
	ตะวันตกทำนองนี้มักมีผู้เป็นบรรณาธิการ (editor) คอยตรวจต้นฉบับอย่างละเอียดแล้ว
	ปรับปรุงใหม่ กระนั้นสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด นายแพทย์บุญส่งมีความตั้งใจสูงแน่วแน่ และซื่อ
	ตรงต่อข้อมูลที่หาได้ในยุคนั้น

		ตระกูลเลขะกุล เป็นตระกูลเก่าแก่สืบมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ ต้นตระกูลเป็นชาว
	กวางตุ้ง ชื่อ ฉ้าง แซ่เล่ ได้ข้ามทะเลเข้ามาอยู่ที่ตลาดจีนหรือที่เรียกในภาษามาลายูแปลว่า 
	ตลาดจีน กลางเมืองปัตตานี ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ได้รับพระราชทานนามสกุลว่า เลขะกุล 
	(Laekhakul) เท่าที่ดูประวัติสกุลย้อนขึ้นไปทั้งหมดยังไม่ปรากฎว่าได้มีญาติผู้ใดมีอิทธิพล
	ด้านอนุรักษ์ธรรมชาติต่อเขาโดยตรง ความเชื่อมั่นในเรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่าเกิดขึ้นกับตัว
	เขาเอง
	
		เมื่อเอ่ยชื่อนายแพทย์บุญส่ง หลายคนมักนึกถึง Bird Guide of Thailand> 	
	อันเป็นงานในระดับคลาสสิกของเขา ความจริงต้องเล่าย้อนหลังสักนิดว่า บุคคลผู้นี้เป็น
	ผู้ก่อตั้งนิยมไพรสมาคมเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ เป็นที่มาในขั้นต่อมาของมูลนิธิอนุรักษ์พืช
	พรรณและสัตว์ป่าในเมืองไทยในปัจจุบัน ความที่นายแพทย์บุญส่งได้เสนอความคิดต่อ
	จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ด้านการอนุรักษ์ป่าไปไม้ และมีผลงานสืบต่อกันมานาน ทำให้
	เขาได้รางวัล J. Paul Getty Award ต่อมาได้รับปริญญาดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขา
	วนรักษ์ศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตร ใน พ.ศ. ๒๕๒๒ เขาเป็นประธานคนแรกของ
	มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืช แห่งประเทศไทย  ต่อมาได้รับเหรียญ The Gold 
	Ark of Thailand  งานเขียนที่น่าสนใจยิ่งก็คืองานเรื่องธรรมชาตินานาสัตว์ ของเขาที่
	เขียนได้อย่างละเอียดที่สุด
	ในยุคนั้น
	
		ความที่นายแพทย์บุญส่งไม่เคยอยู่นิ่ง มีนิสัยชอบแต่งหนังสือ เรื่องราวต่างๆ 
	ตลอดจนเรื่องแปลจึงออกมามากมาย  ดังเช่นเรื่อง ช้าง, ชีวิตของฉัน ลูกกระทิง, เดช
	เสือไพร แปลโดย ปู่เจ้าสมิงไพร (นามปากกาของ นายแพทย์บุญส่ง), พบนกกระเบื้อง, 
	แมวผีเสื้อ, วงศ์เหลือมงูหลาม, วัวแดง, สัตว์กีบ, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม, เสี่ยงตาย, ป่า
	ดงดิบปักษ์ใต้, หากป่ายังอยู่ยั้ง ยืนยง ฯลฯ นายแพทย์บุญส่งนั้นเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นนัก
	อนุรักษ์ แต่ความรักป่าไม่ได้อยู่แค่นั้น ยังรักวรรณคดีอีกด้วย จึงได้เขียนหนังสือเรื่อง
	สัตว์ในวรรณคดี ในบรรดางานทั้งปวง  นายแพทย์บุญส่งยังได้ทำงานวิเศษชิ้นหนึ่งคือ
	การผลักดันให้เกิดกฏหมายพิทักษ์พันธุ์สัตว์ป่าขึ้นใน พ.ศ.๒๕๐๔ เท่านั้นยังหาเพียงพอ
	ไม่ได้ก่อตั้งชมรมพิทักษ์นกแห่งประเทศไทยในใน พ.ศ.๒๕๐๕ และได้เขียนบทความภาษา
	อังกฤษเรื่อง  Mammals of Thailand ๒ เล่ม และ Guide to Butterfies of 
	Thailand เป็นตำราสัตวศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง
		
		งานชิ้นหนึ่งในบรรดางานทั้งปวงของนายแพทย์บุญส่งที่ได้รับเลือกเป็น
	หนังสือชั้นดี คือ เรื่องธรรมชาตินานาสัตว์ ชุดละ ๓ เล่ม อันเป็นเรื่องราวเชิงสาระว่าด้วย
	ชีวิตของสัตว์  ตีพิมพ์ครั้งแรกในสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์  ต่อมานำมารวมเล่มใหม่ แม้ไม่
	มีผู้เป็นบรรณาธิการปรุงแต่งส่วนที่บกพร่อง หรือเกิดจากความเข้าใจผิดบางประการ  
	ต้องถือว่างานชิ้นนี้เป็นแม่บทของงานเขียนว่าด้วยการอนุรักษ์หากจะมีผู้เขียนสืบต่อเป็น
	ชิ้นเป็นอันก็เป็นงานในยุคต่อมาของคมทวน คันธนู เรื่องโลกสวยฟ้าใส ชุดละ ๒ เล่ม
	
		หากเราสืบดูนายแพทย์บุญส่งในเชิงประวัติว่าได้เรื่องราวมาจากไหน จึงเก็บ
	รายละเอียดได้มาก ต้องเล่าเพิ่มว่านายแพทย์ผู้นี้อยู่ที่สงขลาในวัยเด็ก ที่นั่นเต็มไปด้วยป่า 
	และสัตว์ป่า แม้เดินทางทางแม่น้ำก็ได้พบช้างป่า  คราวที่นายแพทย์บุญส่งเรียนแพทย์วิทยา
	จบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  เขายังเป็นนักล่าสัตว์ป่าอยู่  แต่แล้วคราวสงครามโลก
	ครั้งที่สองสิ้นสุดได้ไม่นาน เป็นยุคที่พรานใช้ปืนกลมือ อีกทั้งหลายคนก็ล่าสัตว์เพื่อเอากำไร 
	เสือและช้างจึงลดจำนวนอย่างรวดเร็ว ป่าเริ่มหายไป พ่อค้าตัดไม้สักและไม่ปลูกซ้ำที่ตัด
	ออกไป  แรดหายไปหมดจากประเทศไทย  แม้แต่เป็ดป่าที่ฝรั่งเรียกว่า White wing เหลือ
	ไม่ถึงร้อยตัวเพราะตกเป็นเหยื่อของนักล่าหมด
	
		ความตระหนักในเรื่องเหล่านี้ ตลอดจนความรูที่นายแพทย์บุญส่งมีอยู่จึงได้ชัก
	พาให้เขียนบทความมากมาย  หากพลิกดูหนังสือธรรมชาตินานาสัตว์ จะเห็นว่าเป็นเรื่องนก
	เสียราวสองในสาม แต่เชื่อไหมสถิติของนักปักษีวิทยาในเขตอุษาคเนย์ได้ยืนยันว่า  นกหาย	
	ไปจากเมืองไทยราวหนึ่งในสามของพันธุ์ที่เคยมีอยู่แล้ว  ไม่ต้องอื่นไกล  เกาะเซแชลล์เป็น
	เกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรอินเดียและเป็นสาธารณรัฐที่อุดมไปด้วยนกนานาพันธุ์  ทุกวันนี้นก
	ก็หายไปจากโลกราว ๔๐ ชนิดแล้ว
	
		นายแพทย์บุญส่ง ได้เขียนบทความขึ้นมานั้นส่วนหนึ่งก็เพื่อผลักดันให้เกิด
	กฏหมายคุ้มครองสัตว์ป่า และกฏหมายว่าด้วยวนอุทยานแห่งชาติ  เท่าที่รีดเดอร์ส ไดเยสต์, 
	นิตยสารที่ขายดีที่สุดของโลก, ได้เล่าถึงนายแพทย์บุญส่งว่าได้ทำงานด้านนี้สำเร็จผล ผลัก
	ดันให้มีอุทยาน ๑๔ แห่ง และแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าอีก ๒๑ แห่งใน ค.ศ.๑๙๖๑ ที่ใหญ่ที่
	สุดคือเขาใหญ่  กว้าง ๘๐๐ ตารางไมล์ และเขตน้ำหนาวอีก ๓๐๐ ตารางไมล์

		นายแพทย์บุญส่ง เขียนถึงนกต่างๆ นานาชนิด โดยเฉพาะนกตะกรุมและนกกระ
	สา  จนเปิดแหล่งนิคมนกในจังหวัดอยุธยาที่วัดไผ่ล้อม  ต่อมาได้จัดทำภาพยนตร์สารคดีว่า
	ด้วยสัตว์ป่าอีกสองเรื่อง ครั้งหนึ่ง จอย อดัมสัน, ผู้แต่งเรื่อง Born Free หรือ เกิดมาเสรี ได้
	แวะมาหานายแพทย์บุญส่ง แล้วเขาก็บ่นกับเธอว่า คนหลายคนกล่าวหาว่าเขาเคยเป็นนักล่า
	ที่ยิ่งใหญ่มาก่อน  เขาพูดไปก็ส่ายศีรษะท่าทางเสียใจ  แต่จอย อดัมสันก็บอกแก่นายแพทย์
	บุญส่งว่า "พวกเราทุกคนเคยล่าสัตว์มาก่อน จึงไม่ควรที่จะเสียใจ  และสิ่งนี้ก็ได้สอนให้เรารู้
	จักสัตว์ป่าและเลิกทำลายมันต่อไป"

		นายแพทย์บุญส่งตระหนักดีว่าเคยทำร้ายแรงกับสัตว์ป่ามาก่อน แต่สิ่งเช่นนี้	
	กลับยั่วยุให้เขาพิทักษ์ป่ามากยิ่งขึ้น ข้อสำคัญก็คืองานเขียนของเขาราว ๓๐ เล่ม ได้ช่วยให้
	ข้อมูลมากมาย โดยเฉพาะชุดธรรมชาตินานาสัตว์  การทำงานกว่า ๔๐ ปี พร้อมกับการ
	เขียนหนังสือเรื่องสัตว์ตลอดเวลาได้กลายเป็นหัวใจสำคัญ, เป็นจิตวิญญาณที่ทรงพลังและ
	เป็นแรงขับเคลื่อนที่ไม่มีสิ่งใดถอดถอนได้  ใครก็ตามที่นึกถึงสภาพนกที่ถูกฆ่า, ถูกรังแก, 
	ถูกดักด้วยแร้ว,ถูกส่งออกเพื่อนำไปขายต่อ, ถูกยิงทิ้ง, ถูกแปรไปเป็นอาหารหรูๆ นาย
	แพทย์บุญส่ง เป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่ได้ต่อสู้ให้นกเหล่านี้มีเสรี

		หากถามว่างานเรื่องธรรมชาตินานาสัตว์  ควรเปรียบกับงานของงานตะวันตก
	อย่างไรดี  คล้ายกับ Rachael Carson ผู้แต่ง Silent Spring หรือใบไม้ผลิที่เงียบสงบ เปิดโปง
	การฆ่าทำลายสัตว์ป่าและพรรณพืชในอเมริกาอย่างทารุณ จนหนังสือนี้ทำให้นักล่าจำนวนไม่
	น้อยกลายเป็นผู้ที่รักป่าหมดหัวใจและพร้องจะทุ่มเทให้แก่การอนุรักษ์ธรรมชาติของสัตว์  
	จึงอาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่งานดาษๆ ทั่วไป  แต่มีผลสะเทือนทางใจรุนแรงต่อผู้อ่านทั้งในความ
	เมตตาและความรักสัตว์


กลับไปหนังสือประเภทธรรมชาติ , วิทยาศาสตร์