จดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส
    [01] [02] [03] [04] [05] [06]

      อฟ 1:1-2 คำทักทาย
      (1) จากเปาโล อัครสาวกของพระคริสตเยซู ตามพระประสงค์ของพระเจ้า

      ถึงบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีความเชื่อในพระคริสตเยซู
      (2) ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้า พระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า สถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด

      ธรรมล้ำลึกเรื่องความรอดพ้นและพระศาสนจักร
      อฟ 1:3-14 แผนการความรอดพ้น

      (3) ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงอวยพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการของพระจิตเจ้าจากสวรรค์เดชะพระคริสตเจ้า
      (4) พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตั้งแต่ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์และปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ด้วยความรัก
      (5) พระเจ้าทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วที่จะให้เราเป็นบุตรบุญธรรม เดชะพระเยซูคริสตเจ้า ตามพระประสงค์ที่พอพระทัย
      (6) เพื่อสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระหรรษทานของพระองค์ ซึ่งโปรดประทานให้เราเดชะพระบุตรผู้ทรงเป็นที่รัก
      (7) ในองค์พระคริสตเจ้า เราได้รับการไถ่กู้ เดชะพระโลหิต คือได้รับการอภัยบาป นี่คือพระหรรษทานอันอุดม
      (8) ซึ่งพระเจ้าประทานแก่เราอย่างล้นเหลือ ให้มีปรีชาและรอบรู้ทุกอย่าง
      (9) พระองค์ทรงเผยให้เรารู้ถึงพระประสงค์อันเร้นลับของพระองค์ ซึ่งพอพระทัยดำริไว้ล่วงหน้าในพระคริสตเจ้า
      (10) พระองค์จะทรงกระทำตามแผนการนี้ เมื่อถึงเวลากำหนด โดยทรงนำทุกสิ่งทั้งที่อยู่บนสวรรค์และบนแผ่นดิน ให้มารวมกันอยู่ใต้ปกครองของพระคริสตเจ้าพระประมุขแต่เพียงพระองค์เดียว
      (11) ในองค์พระคริสตเจ้านี้ เราได้รับเลือกเป็นพิเศษไว้ล่วงหน้าตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงกระทำทุกสิ่งให้เป็นไปตามแผนการนั้น
      (12) เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เพราะเราเป็นผู้ที่ได้หวังในพระคริสตเจ้าก่อนที่พระองค์จะเสด็จมา
      (13) ในองค์พระคริสตเจ้านี้ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันได้ฟังพระวาจาแห่งความจริง คือข่าวดีอันนำความรอดพ้นมาให้ ท่านได้เชื่อแล้ว จึงได้รับพระจิตเจ้า ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้นั้น เป็นตราประทับ
      (14) และเป็นประกันของมรดกที่เราจะได้รับเพื่อปลดปล่อยเราให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เป็นการสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์

      อฟ 1:15-23 ชัยชนะและความยิ่งใหญ่ของพระคริสตเจ้า
      (15) เมื่อข้าพเจ้ารู้ถึงความเชื่อของท่านทั้งหลายในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และรู้ถึงความรักที่ท่านมีต่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกคน
      (16) ข้าพเจ้าจึงขอบพระคุณพระเจ้าเพื่อท่าน และระลึกถึงท่านทั้งหลายในคำอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ
      (17) ขอพระเจ้าแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ประทานพระพรแห่งปรีชาญาณและการเปิดเผยให้แก่ท่านเดชะพระจิตเจ้า เพื่อท่านจะได้รู้ซึ้งถึงพระองค์ยิ่ง ๆ ขึ้น
      (18) ขอพระองค์โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่าพระองค์ทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการใด และความรุ่งเรืองที่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงไร
      (19) อีกทั้งรู้ด้วยว่า พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นล้ำเลิศเพียงใด พระอานุภาพและพละกำลังนี้
      (20) พระองค์ทรงแสดงในองค์พระคริสตเจ้า เมื่อทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย และให้ประทับเบื้องขวาของพระองค์ในสวรรค์
      (21) เหนือเทพนิกรเจ้า เทพนิกรอำนาจ เทพนิกรฤทธิ์ เทพนิกรนายและเหนือนามทั้งปวงที่อาจเรียกขานได้ทั้งในภพนี้และในภพหน้า
      (22) พระเจ้าทรงวางทุกสิ่งไว้ใต้พระบาทของพระคริสตเจ้า และทรงแต่งตั้งพระคริสตเจ้าไว้เหนือสรรพสิ่ง ให้ทรงเป็นศีรษะของพระศาสนจักร
      (23) ซึ่งเป็นพระวรกายของพระองค์ เป็นความบริบูรณ์ของพระผู้ทรงอยู่ในทุกสิ่งและทรงกระทำให้ทุกสิ่งบริบูรณ์   
      [Go Top]

      อฟ 2:1-10 พระเจ้าประทานความรอดพ้นในองค์พระคริสตเจ้า
      (1) ท่านทั้งหลายตายแล้วเพราะการล่วงละเมิดและเพราะบาป
      (2) ครั้งหนึ่งท่านเคยดำเนินชีวิตตามโลกียวิสัย อยู่ใต้อำนาจเทพนิกรเจ้าผู้ปกครองชั้นบรรยากาศ คือจิตที่ทำงานอยู่ในมนุษย์ที่ไม่ยอมเชื่อฟัง
      (3) เราทุกคนก็เคยประพฤติเช่นนี้ในอดีต ปล่อยตนตามราคตัณหา ปฏิบัติตนตามความต้องการและความคิดโดยธรรมชาติฝ่ายต่ำเราจึงน่าจะถูกพระเจ้าลงโทษเช่นเดียวกับคนอื่น
      (4) แต่พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ทรงสำแดงความรักยิ่งใหญ่ต่อเรา
      (5) เมื่อเราตายไปแล้วเพราะการล่วงละเมิด พระองค์ก็ทรงบันดาลให้เรากลับมีชีวิตกับพระคริสตเจ้า ท่านได้รับความรอดพ้นก็เพราะพระหรรษทาน
      (6) พระเจ้าโปรดให้เรากลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเยซู โปรดให้เรามีที่นั่งในสวรรค์พร้อมกับพระคริสตเจ้า
      (7) เพื่อจะทรงแสดงพระหรรษทานอันอุดมเหลือล้นของพระองค์แก่มนุษย์ทุกยุคสมัยในอนาคต โดยทรงพระกรุณาต่อเราในพระคริสตเยซู
      (8) ท่านได้รับความรอดพ้นเพราะพระหรรษทานอาศัยความเชื่อ ความรอดพ้นนี้มิได้มาจากท่าน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า
      (9) มิได้มาจากการกระทำใด ๆ ของท่าน เพื่อมิให้ใครโอ้อวดตนได้
      (10) เราเป็นผลงานของพระองค์ ถูกสร้างมาในพระคริสตเยซูเพื่อให้ประกอบกิจการดี ซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดล่วงหน้าให้เราปฏิบัติ

      อฟ 2:11-22 การรวมเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสตเจ้า
      (11) จงระลึกว่า ท่านทั้งหลายเคยเป็นคนต่างศาสนาโดยกำเนิดในอดีต พวกที่เรียกตนเองว่าเข้าสุหนัตตามพิธีภายนอก เรียกท่านว่าเป็นพวกไม่ได้เข้าสุหนัต
      (12) จงระลึกเถิดว่า เวลานั้น ท่านอยู่ห่างจากพระคริสตเจ้า ถูกกีดกันมิให้เป็นประชากรอิสราเอล เป็นคนต่างด้าว ไม่มีส่วนในพระสัญญาและในพันธสัญญา อยู่ในโลกนี้โดยไม่มีความหวังและไม่มีพระเจ้า
      (13) แต่บัดนี้ในองค์พระคริสตเยซู ท่านทั้งหลายซึ่งในอดีตเคยอยู่ห่างไกลได้เข้ามาอยู่ใกล้ เดชะพระโลหิตของพระคริสตเจ้า
      (14) พระองค์คือสันติของเรา ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นหนึ่งเดียวโดยทรงทำลายกำแพงที่แบ่งแยกคือการเป็นศัตรูกัน
      (15) ทรงล้มเลิกธรรมบัญญัติพร้อมกับข้อบังคับและข้อห้ามต่าง ๆ เมื่อทรงรับร่างกายเป็นมนุษย์เพื่อสร้างสันติ ทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับเป็นมนุษย์คนใหม่คนเดียวในพระองค์
      (16) โดยทางไม้กางเขนทรงทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับคืนดีกับพระเจ้า รวมเป็นกายเดียว และทรงขจัดการเป็นศัตรูกันเดชะพระองค์
      (17) พระองค์เสด็จมาประกาศสันติเป็นข่าวดีสำหรับท่านทั้งหลายที่อยู่ห่างไกล และประกาศสันติเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่อยู่ใกล้
      (18) เดชะพระองค์เราทั้งสองฝ่ายจึงเข้าไปเฝ้าพระบิดาเจ้าได้ในพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน
      (19) ท่านจึงไม่เป็นคนต่างด้าวหรือผู้อาศัยอีกต่อไป แต่เป็นเพื่อนร่วมชาติกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า
      (20) ถูกสร้างขึ้นเป็นอาคารโดยมีบรรดาอัครสาวกและประกาศกเป็นรากฐาน มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม
      (21) พระคริสตเจ้าทรงทำให้อาคารทุกส่วนต่อกันสนิทเจริญขึ้นเป็นพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
      (22) ในพระคริสตเจ้า ท่านทั้งหลายก็เช่นกันกำลังถูกก่อสร้างร่วมกันขึ้นเป็นที่ประทับของพระเจ้าเดชะพระจิตเจ้า   
      [Go Top]

      อฟ 3:1-13 เปาโล ผู้รับใช้ธรรมล้ำลึก
      (1) ข้าพเจ้า เปาโลผู้ถูกจองจำเพราะพระคริสตเยซูเพื่อท่านทั้งหลาย ซึ่งเป็นคนต่างชาติ…
      (2) ท่านคงรู้แล้วถึงพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้าประกอบพันธกิจเพื่อประโยชน์ของท่าน
      (3) ข้าพเจ้ารู้ธรรมล้ำลึกนี้เพราะพระเจ้าทรงเปิดเผย ดังที่ข้าพเจ้าเขียนไว้ก่อนหน้านี้โดยสังเขป
      (4) เมื่ออ่านแล้ว ท่านจะเข้าใจว่าข้าพเจ้ารู้ธรรมล้ำลึกเรื่องพระคริสตเจ้าได้อย่างไร
      (5) ธรรมล้ำลึกนี้พระองค์มิได้ทรงเปิดเผยให้มนุษย์ในอดีตรู้ แต่บัดนี้พระเจ้าทรงเปิดเผยเดชะพระจิตเจ้าให้แก่บรรดาอัครสาวกและประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์รู้ว่า
      (6) คนต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็นกายเดียวกัน ร่วมรับพระสัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซู อาศัยข่าวดี
      (7) ข้าพเจ้ามาเป็นผู้รับใช้ข่าวดีนี้เดชะพระหรรษทานที่พระเจ้าทรงพระกรุณาประทานให้ เพื่อสำแดงพระอานุภาพของพระองค์
      (8) ข้าพเจ้าผู้ต่ำต้อยที่สุดในบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้รับมอบพระหรรษทานนี้ เพื่อประกาศให้คนต่างชาติรู้ถึงความไพบูลย์สุดที่จะหยั่งรู้ได้ของพระคริสตเจ้า
      (9) และอธิบายให้เข้าใจถึงแผนการล้ำลึก ซึ่งซ่อนเร้นอยู่เป็นเวลานานมาแล้วในพระเจ้า พระผู้สร้างสรรพสิ่ง
      (10) เพื่อเทพนิกรเจ้าและเทพนิกรอำนาจในสวรรค์ได้รู้ พระปรีชาญาณของพระเจ้าในรูปแบบต่าง ๆ ณ บัดนี้โดยทางพระศาสนจักร
      (11) ตามพระประสงค์นิรันดรที่ทรงกระทำให้สำเร็จไปในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
      (12) เดชะพระคริสตเจ้าและด้วยความเชื่อในพระองค์ เราจึงกล้าเข้าไปเฝ้าพระเจ้าด้วยความมั่นใจ
      (13) ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงวอนขอท่านทั้งหลาย อย่าได้ท้อใจเพราะความยากลำบากต่าง ๆ ที่ข้าพเจ้าสู้ทนเพื่อท่าน ความยากลำบากเหล่านี้เป็นเกียรติยศของท่าน

      อฟ 3:14-21 คำภาวนาของเปาโล
      (14) ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าเฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา
      (15) ผู้ทรงเป็นที่มาของครอบครัวทั้งหลาย ไม่ว่าบนสวรรค์หรือบนแผ่นดิน
      (16) ขอพระองค์ประทานพละกำลังแก่ท่านเดชะพระจิตเจ้าตามความไพบูลย์แห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ให้ชีวิตภายในของท่านเข้มแข็งยิ่งขึ้น
      (17) พระคริสตเจ้าจะได้ทรงพำนักในจิตใจของท่านอาศัยความเชื่อ เมื่อท่านหยั่งรากและตั้งมั่นอยู่บนความรักแล้ว
      (18) ท่านและบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะได้เข้าใจถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก
      (19) อีกทั้งหยั่งรู้ซึ้งถึงความรักซึ่งเกินกว่าจะหยั่งรู้ได้ของพระคริสตเจ้า เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ทั้งปวงของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
      (20) ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้า ผู้ทรงกระทำทุกอย่างได้ตามพระอานุภาพที่แสดงพลังอยู่ในตัวเรามากกว่าที่เราอาจขอหรือคาดคิด
      (21) ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ในพระศาสนจักร และในพระคริสตเยซู ทุกยุคสมัยตลอดนิรันดร อาเมน  
      [Go Top]

      คำตักเตือน
      อฟ 4:1-16 ขอให้มีเอกภาพ

      (1) ข้าพเจ้าผู้ถูกจองจำเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า วอนขอท่านทั้งหลายให้ดำเนินชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก
      (2) จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียรอดทนต่อกันด้วยความรัก
      (3) พยายามรักษาเอกภาพแห่งพระจิตเจ้าด้วยสายสัมพันธ์แห่งสันติ
      (4) มีกายเดียวและจิตเดียว ดังที่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการเดียว
      (5) มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่งเดียว
      (6) ผู้ทรงเป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกคน ทรงกระทำการผ่านทุกคน และสถิตอยู่ในทุกคน
      (7) เราแต่ละคนได้รับพระหรรษทานตามสัดส่วนที่พระคริสตเจ้าประทานให้
      (8) ดังนั้น จึงมีคำกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำบรรดาเชลยไปด้วย และทรงแจกจ่ายของประทานแก่บรรดามนุษย์”
      (9) คำว่า “พระองค์เสด็จขึ้น” นั้นหมายความว่าอย่างไร ถ้ามิใช่หมายความว่า พระองค์ได้เสด็จลงไปยังแผ่นดินเบื้องล่างก่อนแล้ว
      (10) และพระองค์ผู้เสด็จลงไปก็เป็นองค์เดียวกับผู้เสด็จขึ้นไปเหนือสวรรค์ทุกชั้น เพื่อจะทรงครอบครองทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์
      (11) พระองค์ประทานให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวดี บางคนเป็นผู้อภิบาลและอาจารย์
      (12) เพื่อเตรียมบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ไว้สำหรับงานรับใช้เสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้า
      (13) จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ตามมาตรฐานความสมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า
      (14) เราจะได้ไม่เป็นเหมือนเด็ก ถูกคลื่นลมซัดโคลงเคลงล่องลอยตามกระแสคำสั่งสอนทุกอย่างที่เกิดจากเล่ห์กลของมนุษย์ด้วยอุบายชาญฉลาดที่คอยหลอกลวงให้หลงผิดอีกต่อไป
      (15) แต่ให้เราดำเนินชีวิตในความจริงด้วยความรัก เจริญเติบโตขึ้นจนบรรลุถึงความสมบูรณ์ในพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นพระเศียร
      (16) พระองค์ทรงทำให้ร่างกายทุกส่วนประสานสัมพันธ์กันอย่างสนิทแน่นแฟ้น ทรงจัดให้ข้อต่อทุกข้อเสริมกำลังให้แต่ละส่วนทำหน้าที่ของตน ร่างกายจึงเจริญเติบโตและเสริมสร้างตนเองอย่างสมบูรณ์ขึ้นด้วยความรัก

      อฟ 4:17-32 ชีวิตใหม่ในพระคริสตเจ้า
      (17) ข้าพเจ้าขอพูดและย้ำเตือนท่านทั้งหลายในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า อย่าดำเนินชีวิตโดยไร้ความคิดดังที่คนต่างศาสนากระทำกันอีกต่อไป
      (18) เขาเหล่านั้นมีความคิดมืดมัว ความโง่เขลา และจิตใจแข็งกระด้างทำให้เขาอยู่ห่างจากวิถีชีวิตของพระเจ้า
      (19) เขาไม่รู้สึกว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก จึงปล่อยตัวในความลามก กระทำการน่าบัดสีทุกอย่างโดยไม่รู้จักอิ่ม
      (20) แต่ท่านมิได้มารู้จักพระคริสตเจ้าเช่นนั้น
      (21) ท่านได้ฟังเรื่องราวและรู้จักองค์พระคริสตเจ้าตามความจริงที่ปรากฏอยู่ในพระเยซูเจ้าแล้ว
      (22) ท่านจงถอดสภาพมนุษย์เก่า เลิกประพฤติเลวทรามตามราคตัณหาที่หลอกให้หลงไป
      (23) จงมีจิตใจและความรู้สึกนึกคิดอย่างใหม่
      (24) จงสวมใส่สภาพมนุษย์ใหม่ซึ่งพระเจ้าทรงเนรมิตให้เหมือนพระองค์ มีความชอบธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากความจริง
      (25) ดังนั้น ท่านจงเลิกพูดเท็จ พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า “แต่ละคนจงพูดความจริงแก่พี่น้องของตนเพราะเราต่างเป็นเสมือนอวัยวะของกันและกัน
      (26) แม้ท่านจะโกรธ ก็อย่าให้เป็นบาป จงเลิกโกรธก่อนดวงอาทิตย์ตก
      (27) อย่าให้โอกาสแก่มาร
      (28) คนที่เคยขโมย จงเลิกขโมย ใช้มือทำงานอย่างสุจริตจะดีกว่าเพื่อจะได้มีบางสิ่งมาแบ่งปันแก่ผู้ขัดสน
      (29) จงอย่าพูดคำเลวร้ายใด ๆ เลย จงพูดแต่คำดีงามเพื่อช่วยกันเสริมสร้างผู้อื่นตามโอกาสและเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่บรรดาผู้ได้ยินได้ฟัง
      (30) จงอย่าทำให้พระจิตเจ้าต้องเศร้าหมอง พระเจ้าประทานพระองค์เป็นตราประทับให้ท่านแล้วสำหรับวันแห่งการไถ่กู้
      (31) ท่านทั้งหลายจงขจัดความขมขื่น ความขุ่นเคือง ความโกรธ การขู่ตะคอก การนินทาว่าร้าย และความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย
      (32) แต่จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันดังที่พระเจ้าทรงให้อภัยแก่ท่านในองค์พระคริสตเจ้าเถิด   
      [Go Top]

      อฟ 5:1-20
      (1) ท่านทั้งหลายจงทำตามแบบฉบับของพระเจ้า ประดุจบุตรสุดที่รักของพระองค์
      (2) จงดำเนินชีวิตในความรักดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักเราและทรงมอบพระองค์เพื่อเรา เป็นเครื่องบูชากลิ่นหอมถวายแด่พระเจ้า
      (3) ในหมู่ท่านทั้งหลาย อย่าให้มีการผิดประเวณี ความลามกโสมมต่าง ๆ หรือความโลภ อย่าให้มีแม้แต่การพูดถึง จึงจะเป็นการเหมาะสมกับผู้ศักดิ์สิทธิ์
      (4) อย่าให้มีทั้งการพูดหยาบคาย พูดไร้สาระและตลกหยาบโลนซึ่งไม่เป็นการสมควร แต่ให้มีการขอบพระคุณ
      (5) ท่านทั้งหลายจงรู้ไว้เถิดว่า คนผิดประเวณี คนลามกโสมม และคนโลภซึ่งเป็นเสมือนคนนับถือรูปเคารพ ไม่มีสิทธิรับมรดกในพระอาณาจักรของพระคริสตเจ้าและของพระเจ้าเลย
      (6) อย่าให้ใครใช้คำพูดไร้สาระหลอกลวงท่าน ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังและทำความผิดเหล่านี้สมควรจะได้รับโทษจากพระเจ้า
      (7) จงอย่าสมาคมกับคนเหล่านี้เลย
      (8) ในอดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด
      (9) ผลแห่งความสว่างคือความดี ความชอบธรรมและความจริงทุกประการ
      (10) จงแสวงหาสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย
      (11) จงอย่าเกี่ยวข้องกับกิจการแห่งความมืดซึ่งไร้ผล ตรงกันข้าม จงประณามกิจการเหล่านั้น
      (12) เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่กระทำกันอย่างปิดบังซ่อนเร้นนั้น แม้เพียงพูดถึงก็น่าละอายแล้ว
      (13) ทุกสิ่งที่ถูกประณามนั้นย่อมปรากฏชัดในความสว่าง
      (14) และทุกสิ่งที่ปรากฏชัดนั้นคือความสว่าง จึงมีคำกล่าวไว้ว่า “ผู้หลับใหล จงตื่นเถิด จงลุกขึ้นจากบรรดาผู้ตาย และพระคริสตเจ้าจะทรงส่องสว่างเหนือท่าน”
      (15) จงคอยระวังว่าท่านดำเนินชีวิตอย่างไร จงดำเนินชีวิตอย่างผู้เฉลียวฉลาด มิใช่อย่างผู้ขาดสติปัญญา
      (16) จงใช้เวลาปัจจุบันให้ดีที่สุดเพราะเราอยู่ในยุคแห่งความเลวร้าย
      (17) อย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงพยายามเข้าใจว่าพระเจ้าทรงประสงค์สิ่งใด
      (18) อย่าเสพสุราจนเมามาย เพราะสุราเป็นสาเหตุของการปล่อยตัวเสเพล แต่จงยอมให้พระจิตเจ้าทรงนำชีวิตของท่าน
      (19) จงร่วมใจกันขับร้องเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ จงขับร้องสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดจิตใจ
      (20) จงขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาอยู่เสมอ สำหรับทุกสิ่ง เดชะพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

      อฟ 5:21-33 ศีลธรรมในครอบครัว
      (21) จงยอมอยู่ใต้อำนาจของกันและกันด้วยความเคารพยำเกรงพระคริสตเจ้า
      (22) ภรรยาจงยอมอยู่ใต้อำนาจของสามีเหมือนยอมอยู่ใต้อำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้า
      (23) เพราะสามีเป็นศีรษะของภรรยาเหมือนพระคริสตเจ้าทรงเป็นพระเศียรของพระศาสนจักร พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกายให้รอดพ้น
      (24) พระศาสนจักรยอมอยู่ใต้อำนาจของพระคริสตเจ้าฉันใด ภรรยาก็ต้องยอมอยู่ใต้อำนาจของสามีทุกเรื่องฉันนั้น
      (25) สามีก็จงรักภรรยาดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักพระศาสนจักร และทรงพลีพระองค์เพื่อพระศาสนจักร
      (26) ทรงบันดาลให้พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ ทรงใช้น้ำและพระวาจาชำระพระศาสนจักรให้บริสุทธิ์
      (27) พระองค์จะได้ทรงพบว่าพระศาสนจักรนั้นรุ่งโรจน์ ศักดิ์สิทธิ์ ปราศจากมลทิน ปราศจากตำหนิริ้วรอยหรือสิ่งใด ๆ ในลักษณะดังกล่าว
      (28) เช่นเดียวกัน สามีต้องรักภรรยาเหมือนรักกายของตน ผู้ที่รักภรรยาก็รักตนเอง
      (29) เพราะไม่มีใครเกลียดชังเนื้อหนังของตน แต่ย่อมเลี้ยงดูและทะนุถนอมอย่างดียิ่ง พระคริสตเจ้าทรงกระทำเช่นเดียวกันต่อพระศาสนจักร
      (30) เพราะเราเป็นส่วนแห่งพระกายของพระองค์
      (31) พระคัมภีร์กล่าวว่า “เพราะเหตุนี้ ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน”
      (32) ธรรมล้ำลึกประการนี้ยิ่งใหญ่นัก ข้าพเจ้าหมายถึงพระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักร
      (33) ดังนั้น แต่ละท่านจงรักภรรยาของตนเหมือนรักตนเอง และภรรยาก็จงเคารพยำเกรงสามี   
      [Go Top]

      อฟ 6:1-9
      (1) บุตรทั้งหลาย จงเชื่อฟังบิดามารดา ในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะการกระทำเช่นนี้ถูกต้อง
      (2) “พระบัญญัติที่ว่า จงให้เกียรติบิดามารดา” เป็นพระบัญญัติแรกซึ่งมีพระสัญญาควบคู่อยู่ด้วยว่า
      (3) “แล้วท่านจะอยู่บนแผ่นดินอย่างเป็นสุข และมีอายุยืน”
      (4) บิดา อย่าย้ำสอนจนบุตรขุ่นเคือง แต่จงอบรมสั่งสอนและตักเตือนเขาตามหลักธรรมขององค์พระผู้เป็นเจ้า
      (5) ทาส จงเชื่อฟังผู้ที่เป็นนายในโลกนี้ด้วยความเคารพยำเกรงจากใจจริง ประหนึ่งเชื่อฟังองค์พระคริสตเจ้า
      (6) อย่าทำดีรับใช้ต่อหน้าเหมือนจะให้มนุษย์พอใจเท่านั้น แต่จงเป็นเสมือนทาสรับใช้พระคริสตเจ้า กระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าจากใจจริง
      (7) จงรับใช้ด้วยความเต็มใจเหมือนกับรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า มิใช่รับใช้มนุษย์
      (8) ท่านรู้อยู่แล้วว่าถ้าแต่ละคนทำดีไว้อย่างไร ก็จะได้รับค่าตอบแทนจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าเขาจะเป็นทาสหรือเป็นอิสระก็ตาม
      (9) เจ้านาย จงปฏิบัติต่อทาสเช่นเดียวกัน จงละเว้นการข่มขู่ต่าง ๆ ท่านย่อมรู้อยู่ว่า พระองค์ผู้ทรงเป็นนายทั้งของท่านและของเขานั้นสถิตอยู่ในสวรรค์และไม่ทรงลำเอียง

      อฟ 6:10-20 การต่อสู้กับอำนาจจิตฝ่ายต่ำ
      (10) สุดท้ายนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้เข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงตักตวงพลังจากพระพลานุภาพของพระองค์
      (11) จงสวมใส่อาวุธครบชุดของพระเจ้า เพื่อท่านจะยืนหยัดต่อต้านเล่ห์กลของปีศาจได้
      (12) เพราะเรามิได้ต่อสู้กับพลังมนุษย์ แต่ต่อสู้กับเทพนิกรเจ้า และเทพนิกรอำนาจ ต่อสู้กับผู้ปกครองพิภพแห่งความมืดมนนี้ ต่อสู้กับบรรดาจิตแห่งความชั่วร้ายที่อยู่บนท้องฟ้า
      (13) เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงสวมใส่อาวุธครบชุดของพระเจ้า เพื่อจะต้านทานทุกสิ่งได้ในวันเลวร้าย และยืนหยัดอยู่ได้จนถึงที่สุด
      (14) จงยืนหยัดมั่นคง จงคาดสะเอวด้วยความจริง จงสวมความชอบธรรมเป็นเสื้อเกราะ
      (15) จงสวมความกระตือรือร้นที่จะประกาศพระวรสารแห่งสันติเป็นรองเท้า
      (16) จงถือความเชื่อเป็นโล่ไว้เสมอ เพื่อใช้ดับธนูไฟของมาร
      (17) จงใช้ความรอดพ้นเป็นเกราะป้องกันศีรษะ จงถือดาบของพระจิตเจ้าคือพระวาจาของพระเจ้าไว้
      (18) จงอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ ขอพระจิตเจ้าทรงดลใจคำอธิษฐานวอนขอต่าง ๆ ทุกโอกาส จงตื่นเฝ้า อย่าท้อถอยที่จะวอนขอเพื่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและเพื่อข้าพเจ้าด้วย
      (19) พระองค์จะได้ประทานถ้อยคำให้ข้าพเจ้ามีโอกาสเปิดปากพูด และประกาศธรรมล้ำลึกแห่งพระวรสารได้อย่างองอาจ
      (20) ข้าพเจ้าเป็นทูตที่ถูกจองจำเพราะพระวรสารนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความกล้าหาญที่จะพูดอย่างเหมาะสมด้วยเถิด

      อฟ 6:21-24 ข่าวและคำอำลา
      (21) ทีคิกัส ซึ่งเป็นน้องที่รักและเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จะบอกท่านทั้งหลายให้รู้ด้วยว่าข้าพเจ้าเป็นอย่างไร กำลังทำอะไร
      (22) ข้าพเจ้าส่งเขามาหาท่านก็เพื่อจุดประสงค์นี้คือ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ความเป็นอยู่ของเราและเพื่อให้กำลังใจแก่ท่าน
      (23) ขอพระเจ้า พระบิดา และพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ประทานสันติสุข ความรัก และความเชื่อแก่พี่น้องทั้งหลาย
      (24) ขอพระหรรษทานจงดำรงอยู่กับบรรดาผู้ที่รักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราอย่างไม่เสื่อมคลายเทอญ  
      [Go Top]

    [01] [02] [03] [04] [05] [06][Goto Menu]