ฟป 1:3-11 คำขอบพระคุณและคำอธิษฐาน
ฟป 1:12-26 สภาพชีวิตของนักบุญเปาโล
(12) พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านรู้ว่า สภาพชีวิตของข้าพเจ้าในปัจจุบันกลายเป็นการส่งเสริมการประกาศข่าวดี
(13) ทุกคนทั้งในสำนักผู้ว่าราชการและคนทั่วไป รู้ดีว่า ข้าพเจ้าถูกจองจำเพื่อพระคริสตเจ้า
(14) บรรดาพี่น้องส่วนใหญ่ในองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเชื่อมั่นยิ่งขึ้นจากการที่ข้าพเจ้าถูกจองจำ และยิ่งมีความกล้ามากขึ้นที่จะประกาศพระวาจาโดยไม่มีความเกรงกลัวใด ๆ
(15) บางคนประกาศสอนเรื่องพระคริสตเจ้า เพราะความอิจฉาและแข่งขันชิงดี แต่บางคนประกาศสอนด้วยเจตนาดี
(16) กลุ่มหลังนี้ทำเพราะความรัก รู้ว่าข้าพเจ้าอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องข่าวดี
(17) ส่วนกลุ่มแรกนั้นประกาศสอนเรื่องพระคริสตเจ้า เพราะต้องการแข่งขันชิงดี มิใช่เพราะเจตนาบริสุทธิ์ คิดเพียงแต่จะเพิ่มความทุกข์แก่ข้าพเจ้าซึ่งถูกจองจำอยู่แล้วเท่านั้น
(18) แต่จะเป็นอะไรไปเล่า ไม่ว่าโดยวิธีใด จะเป็นเพราะความเสแสร้งหรือด้วยใจจริงก็ตาม พระคริสตเจ้าก็ทรงได้รับการประกาศแล้ว เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงมีความยินดี และจะยินดีต่อไป
(19) ข้าพเจ้ารู้ว่า สิ่งนี้จะทำให้ข้าพเจ้ารอดพ้น ด้วยคำอธิษฐานภาวนาของท่านทั้งหลายและด้วยความช่วยเหลือของพระจิตแห่งพระเยซูคริสตเจ้า
(20) ตามที่ข้าพเจ้ามุ่งมั่นรอคอยอย่างกระตือรือร้นและหวังว่า ข้าพเจ้าจะไม่อับอายเลย แต่จะพูดอย่างกล้าหาญว่า พระคริสตเจ้าจะทรงได้รับเกียรติในร่างกายของข้าพเจ้า ณ บัดนี้ เหมือนกับในอดีต ไม่ว่าข้าพเจ้าจะเป็นหรือตายก็ตาม
(21) ข้าพเจ้าคิดว่าการมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสตเจ้า และการตายก็เป็นกำไร
(22) หากการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เป็นโอกาสให้ข้าพเจ้าทำงานได้ผลแล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าจะเลือกสิ่งใดดี
(23) ข้าพเจ้ารู้สึกลังเล คือปรารถนาจะพ้นจากชีวิตนี้ไปเพื่ออยู่กับพระคริสตเจ้า ซึ่งจะเป็นการดีกว่ามาก
(24) แต่การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไปก็จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับท่านทั้งหลาย
(25) เมื่อข้าพเจ้ามั่นใจเช่นนี้แล้วข้าพเจ้าก็รู้ว่าข้าพเจ้าจะอยู่ต่อไปและอยู่เคียงข้างท่านทุกคน เพื่อช่วยให้ท่านก้าวหน้าและชื่นชมในความเชื่อ
(26) เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ภูมิใจพระคริสตเยซูยิ่งขึ้น เพราะข้าพเจ้าได้กลับมาอยู่กับท่านอีกครั้งหนึ่ง
ฟป 1:27-30 การต่อสู้เพื่อความเชื่อ
(27) ท่านทั้งหลายจงประพฤติตนให้คู่ควรกับข่าวดีของพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าจะมาพบท่านและเห็นกับตา หรืออยู่ไกลและเพียงแต่ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับท่าน ข้าพเจ้าก็จะได้รู้ว่า ท่านทั้งหลายยังยืนหยัดมั่นคงอยู่ในจิตเดียวกัน
(28) และร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันต่อสู้เพื่อความเชื่อที่มาจากการประกาศข่าวดี ไม่เกรงกลัวผู้ต่อต้านแต่ประการใดความกล้าหาญนี้ เป็นข้อพิสูจน์ว่าผู้ต่อต้านจะพินาศ ส่วนท่านทั้งหลายจะรอดพ้น ความรอดพ้นนี้มาจากพระเจ้า
(29) เพราะท่านได้รับพระพรเพราะเห็นแก่พระ คริสตเจ้า ไม่เพียงพระพรที่จะเชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่รวมพระพรที่จะทนทรมานเพื่อพระองค์ด้วย
(30) ท่านกำลังเผชิญกับการต่อสู้แบบเดียวกันกับที่ท่านได้เห็นข้าพเจ้าเผชิญมาในอดีต และที่ท่านได้ฟังว่าข้าพเจ้ากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันนี้ด้วย
[Go Top]
ฟป 2:1-11 เอกภาพในความสุภาพถ่อมตน
ฟป 2:12-18 จงทำงานเพื่อความรอดพ้น
ฟป 2:19-30 ภารกิจของทิโมธีและเอปาโฟรดิทัส
ฟป 3:1-21 ทางรอดพ้นสำหรับคริสตชน
ฟป 4:1
ฟป 4:2-9 คำแนะนำสุดท้าย
ฟป 4:10-20 คำขอบคุณชาวฟิลิปปีสำหรับความช่วยเหลือ
ฟป 4:21-23 ความคิดถึงและคำอวยพร
(1) ถ้าท่านได้รับกำลังใจจากการเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า ถ้าท่านได้รับกำลังใจจากความรัก ถ้าท่านเป็นหนึ่งเดียวกันในพระจิตเจ้า ถ้าท่านเห็นอกเห็นใจสงสารกัน
(2) ท่านจงทำให้ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างเต็มเปี่ยมโดยการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความรักแบบเดียวกัน มีความรู้สึกนึกคิดอย่างเดียวกัน
(3) อย่ากระทำการใดเพื่อชิงดีกันหรือเพื่อโอ้อวด แต่จงถ่อมตนคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตน
(4) อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว จงเห็นแก่ผลประโยชน์ของผู้อื่นด้วย
(5) จงมีความรู้สึกนึกคิดเช่นเดียวกับที่พระคริสตเยซูทรงมีเถิด
(6) แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า
พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้น
เป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน
(7) แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น
ทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา
ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์
(8) ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน
(9) เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงเทิดทูนพระองค์ขึ้นสูงส่ง
และประทานพระนามให้แก่พระองค์
พระนามนี้ประเสริฐกว่านามอื่นใดทั้งสิ้น
(10) เพื่อทุกคนในสวรรค์และบนแผ่นดิน
รวมทั้งใต้พื้นพิภพ
จะย่อเข่าลงนมัสการพระนาม เยซู นี้
(11) และเพื่อชนทุกภาษาจะได้ร้องประกาศว่า
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์แด่พระเจ้า พระบิดา
(12) ท่านที่รักยิ่งของข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายเคยเชื่อฟังตลอดมา มิใช่เฉพาะเมื่อข้าพเจ้าอยู่กับท่านเท่านั้น แต่ยิ่งกว่านั้น บัดนี้แม้เมื่อข้าพเจ้าอยู่ห่างไกล ท่านก็ยังเชื่อฟังด้วย ท่านจงออกแรงด้วยความเกรงกลัวจนตัวสั่นเพื่อให้รอดพ้นเถิด
(13) พระเจ้าทรงะทำงานในท่านเพื่อให้ท่านมีทั้งความปรารถนาและความสามารถที่จะทำงานตามพระประสงค์
(14) จงทำทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่บ่นหรือโต้เถียง
(15) ท่านทั้งหลายจะได้ไม่ถูกตำหนิปราศจากเล่ห์กล เป็นบุตรของพระเจ้า ไร้มลทินในหมู่พงศ์พันธุ์ที่คดโกงและชั่วร้าย ฉายแสงในหมู่ชนนี้เสมือนดวงประทีปอยู่ในโลก
(16) จงยึดพระวาจาแห่งชีวิตมั่นไว้ เพื่อข้าพเจ้าจะได้ภาคภูมิใจในวันของพระคริสตเจ้า ว่าข้าพเจ้ามิได้วิ่งและตรากตรำทำงานโดยเปล่าประโยชน์
(17) แม้ว่าข้าพเจ้าจะต้องหลั่งโลหิตเป็นพลีบูชา พร้อมกับที่ท่านถวายความเชื่อเป็นพลีบูชาแด่พระเจ้า ข้าพเจ้าก็ยินดีและร่วมยินดีกับท่านทุกคน
(18) ขอให้ท่านทั้งหลายยินดีและร่วมยินดีกับข้าพเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน
(19) เดชะพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าหวังว่าจะส่งทิโมธีมาพบท่านทั้งหลายในเร็ววันนี้ เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีกำลังใจเมื่อรู้ข่าวของท่าน
(20) ข้าพเจ้าไม่มีใครอื่นที่มีจิตใจเหมือนเขา ซึ่งเป็นห่วงท่านด้วยใจจริง
(21) ทุกคนต่างแสวงหาประโยชน์ส่วนตน ไม่ใช่ประโยชน์ของพระคริสตเยซู
(22) ท่านทั้งหลายรู้ดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร เขารับใช้ข่าวดีพร้อมกับข้าพเจ้าดังบุตรปฏิบัติต่อบิดา
(23) ข้าพเจ้าจึงหวังว่าจะส่งเขามาพบท่านทันทีที่ข้าพเจ้าเห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้า
(24) แต่ข้าพเจ้าก็มั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ข้าพเจ้าจะมาพบท่านด้วยตนเองในเร็ววันนี้ด้วย
(25) ข้าพเจ้าคิดว่าจำเป็นต้องส่งเอปาโฟรดิทัสมาพบท่าน เขาเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนร่วมงานและเป็นเพื่อนร่วมการต่อสู้ของข้าพเจ้า ท่านส่งเขาไปรับใช้ตามความต้องการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตั้งใจส่งเขากลับมาพบท่านทั้งหลาย
(26) เพราะเขาคิดถึงท่านทุกคน และเขาไม่สบายใจที่ท่านรู้ว่าเขาเจ็บป่วย
(27) ความจริง เขาได้ป่วยหนักเกือบสิ้นชีวิต แต่พระเจ้าทรงพระเมตตาเขา และไม่ทรงพระเมตตาเพียงเขาเท่านั้น แต่ทรงพระเมตตาข้าพเจ้าด้วย เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์ทับทวี
(28) ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงรีบส่งเขากลับมา เพื่อท่านจะยินดีที่ได้พบเขาอีก และข้าพเจ้าจะไม่กังวลใจอีกต่อไป
(29) ท่านทั้งหลายจงต้อนรับเขาในองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความชื่นชม จงยกย่องให้เกียรติคนเช่นเขา
(30) เพราะเขาได้ทำงานของพระคริสตเจ้าจนเกือบสิ้นชีวิต และเสี่ยงชีวิตเพื่อทำหน้าที่รับใช้ข้าพเจ้าแทนท่านทั้งหลาย [Go Top]
(1) พี่น้องทั้งหลาย จงชื่นชมในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ข้าพเจ้าไม่ลำบากใจที่จะต้องเขียนเรื่องเดิมถึงท่านทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง เพราะเป็นประโยชน์ต่อท่าน
(2) จงระวังพวกสุนัข จงระวังคนงานเลว ๆ จงระวังพวกที่ขริบตนเอง
(3) พวกเราเท่านั้นเป็นผู้ที่เข้าสุหนัตโดยแท้จริง เป็นผู้ประกอบศาสนพิธีด้วยจิตของพระเจ้า และภูมิใจในพระคริสตเยซู ไม่วางใจในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางกาย
(4) แม้ว่าข้าพเจ้ามีเหตุผลที่จะวางใจในการปฏิบัติเช่นนี้ได้ก็ตาม ถ้าผู้ใดคิดว่าตนมีเหตุผลที่จะวางใจในการปฏิบัติเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็ยังมีเหตุผลมากกว่า
(5) ข้าพเจ้าได้รับพิธีสุหนัตเมื่อเกิดมาได้แปดวัน เป็นเชื้อสายชนชาติอิสราเอลจากตระกูลเบนยามิน เป็นชาวฮีบรูเกิดจากชาวฮีบรู ในด้านธรรมบัญญัติ เป็นชาวฟาริสี
(6) ในด้านความกระตือรือร้น เป็นผู้เบียดเบียนพระศาสนจักร ในด้านความชอบธรรมตามธรรมบัญญัติ ไม่มีสิ่งใดจะตำหนิข้าพเจ้าได้
(7) แต่สิ่งที่เคยเป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าละทิ้งเพราะพระคริสตเจ้า
(8) นับแต่บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งไม่มีประโยชน์อีกเมื่อเปรียบกับประโยชน์ล้ำค่าคือการรู้จักพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงยอมสูญเสียทุกสิ่ง ข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งเป็นปฏิกูล เพื่อจะได้องค์พระคริสตเจ้ามาเป็นกำไร
(9) และอยู่ในพระองค์ ข้าพเจ้าไม่มีความชอบธรรมที่มาจากธรรมบัญญัติ แต่มีความชอบธรรมเพราะความเชื่อในพระคริสตเจ้า เป็นความชอบธรรมซึ่งพระเจ้าประทานให้ผู้มีความเชื่อ
(10) ข้าพเจ้าต้องการรู้จักพระองค์ รู้จักฤทธานุภาพของการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ ต้องการมีส่วนร่วมในพระทรมานของพระองค์โดยมีสภาพเหมือนพระองค์ในความตาย
(11) จะได้บรรลุถึงการกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายด้วย
(12) ข้าพเจ้ายังไม่บรรลุเป้าหมายหรือยังทำไม่สำเร็จ ข้าพเจ้ายังมุ่งหน้าวิ่งต่อไป เพื่อจะช่วงชิงรางวัลให้ได้ดังที่พระคริสตเยซูทรงช่วงชิงข้าพเจ้าไว้ได้แล้ว
(13) พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่คิดว่า ข้าพเจ้าชนะแล้ว ข้าพเจ้าทำเพียงอย่างเดียวคือ ลืมสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง มุ่งสู่เบื้องหน้าอย่างสุดกำลัง
(14) ข้าพเจ้ากำลังวิ่งเข้าสู่เส้นชัยไปหารางวัลที่พระเจ้าทรงเรียกจากสวรรค์ให้ข้าพเจ้าเข้าไปรับในพระคริสตเยซู
(15) ดังนั้น เราทุกคนที่บรรลุวุฒิภาวะแล้วจงมีความรู้สึกนึกคิดเช่นนี้ และถ้าท่านทั้งหลายยังคิดเป็นเรื่องอื่น พระเจ้าก็จะทรงเปิดเผยเรื่องนี้แก่ท่าน
(16) ดังนั้น เมื่อเราก้าวหน้าถึงที่ใดแล้ว จงก้าวหน้าต่อไปในทิศทางเดียวกัน
(17) พี่น้องทั้งหลาย จงพร้อมใจกันประพฤติตามอย่างข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายเห็นว่า เราเป็นแบบฉบับอย่างไร ก็จงดำเนินตามอย่างนั้นเถิด
(18) ข้าพเจ้าเคยบอกให้ท่านรู้หลายครั้งแล้ว บัดนี้ก็ขอบอกซ้ำด้วยน้ำตาอีกว่า หลายคนประพฤติตนเป็นศัตรูกับไม้กางเขนของพระคริสตเจ้า
(19) ปลายทางของพวกเขาเหล่านี้คือความพินาศ พระเจ้าของเขาทั้งหลายคือท้อง เขาอ้างความน่าละอายมาโอ้อวด เขาสนใจสิ่งของของโลก
(20) แต่บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ในสวรรค์ เราเฝ้าคอยพระผู้ไถ่จากแดนนี้ คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า
(21) พระองค์จะทรงเปลี่ยนรูปร่างอันต่ำต้อยของเราให้เหมือนพระกายอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ ด้วยพระฤทธานุภาพที่ทำให้พระองค์ทรงบังคับจักรวาลทั้งหมดให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์ได้ [Go Top]
(1) พี่น้องที่รัก ผู้เป็นความปรารถนา เป็นความยินดีและเป็นประดุจมงกุฎของข้าพเจ้า จงยึดมั่นในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ท่านที่รักทั้งหลาย
(2) ข้าพเจ้าขอร้องยูโอเดียและสินทิเคให้ปรองดองกันในองค์พระผู้เป็นเจ้า
(3) และขอให้ท่าน สิศิกัส ผู้ร่วมงานที่ซื่อสัตย์ของข้าพเจ้า ช่วยเขาทั้งสองคน หญิงทั้งสองคนนี้ต่อสู้เพื่อข่าวดีพร้อมกับข้าพเจ้า พร้อมกับเคลเมนต์และผู้ร่วมงานคนอื่นซึ่งมีชื่อจารึกในหนังสือแห่งชีวิต
(4) จงชื่นชมในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาเถิด ข้าพเจ้าขอย้ำอีกว่า จงชื่นชมเถิด
(5) จงให้ความอ่อนโยนของท่านทั้งหลายปรากฏแก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาใกล้แล้ว
(6) อย่ากระวนกระวายใจถึงสิ่งใดเลย จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบถึงความปรารถนาทุกอย่างของท่านโดยคำอธิษฐาน การวอนขอพร้อมด้วยการขอบพระคุณ
(7) แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินสติปัญญาจะเข้าใจได้นั้น จะคุ้มครองดวงใจและความคิดของท่านไว้ในพระคริสตเยซู
(8) ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย สิ่งใดจริง สิ่งใดประเสริฐ สิ่งใดชอบธรรม สิ่งใดบริสุทธิ์ สิ่งใดน่ารัก สิ่งใดควรยกย่อง ถ้ามีสิ่งใดเป็นคุณธรรม ถ้ามีสิ่งใดน่าสรรเสริญ
(9) ท่านจงพิจารณาสิ่งเหล่านี้ด้วยการใคร่ครวญเถิด สิ่งต่าง ๆ ที่ท่านได้เรียนรู้ ได้รับ ได้ฟังและได้เห็นในตัวข้าพเจ้านั้น จงนำไปปฏิบัติเถิด แล้วพระเจ้าแห่งสันติจะสถิตอยู่กับท่าน
(10) ข้าพเจ้าชื่นชมในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างยิ่ง ที่ในที่สุดท่านทั้งหลายแสดงความห่วงใยต่อข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ท่านมีความห่วงใยข้าพเจ้าอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาสแสดงออก
(11) ข้าพเจ้ามิได้พูดเช่นนี้เพราะต้องการสิ่งใด ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพของตน
(12) รู้จักมีชีวิตอยู่อย่างอดออม และรู้จักมีชีวิตอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะเผชิญกับทุกสิ่งทุกกรณี เผชิญกับความอิ่มท้องและความหิวโหย เผชิญกับความมั่งคั่งและความขัดสน
(13) ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้ในพระองค์ผู้ประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้า
(14) แต่ท่านทำดีแล้วที่มาร่วมทุกข์กับข้าพเจ้า
(15) พี่น้องชาวฟิลิปปี ท่านทั้งหลายรู้ดีอยู่แล้วว่า เมื่อข้าพเจ้าออกจากแคว้นมาซิโดเนียแล้วเริ่มประกาศข่าวดีนั้น ไม่มีพระศาสนจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าด้านรายรับรายจ่าย
(16) มีเพียงท่านทั้งหลายเท่านั้น เมื่อข้าพเจ้าพำนักอยู่ที่เมืองเธสะโลนิกา ท่านส่งปัจจัยที่จำเป็นไปให้ถึงสองครั้ง
(17) มิใช่ว่าข้าพเจ้าต้องการจะได้รับของกำนัล แต่ข้าพเจ้าต้องการให้เกิดผลเพิ่มพูนยิ่งขึ้นแก่ท่าน
(18) ขณะนี้ข้าพเจ้ามีทุกสิ่งที่ต้องการและมีเหลือใช้ เพราะได้รับสิ่งของมากมายที่ท่านทั้งหลายฝากเอปาโฟรดิทัสไปให้ เป็นประดุจเครื่องหอม เป็นเครื่องสักการบูชาที่พระเจ้าทรงยินดีรับและพอพระทัย
(19) พระเจ้าของข้าพเจ้าจะทรงตอบแทนโดยประทานทุกสิ่งที่ท่านต้องการอย่างสมศักดิ์ศรีกับความมั่งคั่งของพระองค์ในพระคริสตเยซู
(20) ดังนั้น ขอพระสิริรุ่งโรจน์ จงมีแด่พระเจ้า พระบิดาของเรา ตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน
(21) ข้าพเจ้าขอฝากความคิดถึงผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกคนในพระคริสตเยซู พี่น้องที่อยู่กับข้าพเจ้าก็ขอฝากความคิดถึงท่านทั้งหลาย
(22) บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกคนขอฝากความคิดถึงท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะบรรดาข้าราชการของซีซาร์
(23) ขอให้พระหรรษทานของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า สถิตอยู่ในจิตใจของท่านทั้งหลายเทอญ [Go Top]