จดหมายนักบุญเปาโลถึงทิโมธี ฉบับที่ 1
    [01] [02] [03] [04] [05] [06]

      1ทธ 1:1-2 คำขึ้นต้น
      (1) จากเปาโล อัครสาวกของพระคริสตเยซูโดยการแต่งตั้งตามพระบัญชา ของพระเจ้า พระผู้ไถ่ของเรา และของพระคริสตเยซูผู้ทรงเป็นความหวังของเรา
      (2) ถึงทิโมธี ผู้เป็นบุตรแท้จริงในความเชื่อ ขอพระหรรษทาน พระเมตตากรุณาและสันติจากพระเจ้า พระบิดาและจากพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราสถิตอยู่กับท่านเถิด

      1ทธ 1:3-7 การขจัดผู้สอนผิด
      (3) ขณะที่ออกเดินทางไปแคว้นมาซิโดเนีย ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านอยู่ในเมือง เอเฟซัสต่อไป เพื่อกำชับบางคนมิให้สอนผิด
      (4) และให้เลิกสนใจเรื่องเทพนิยายและการลำดับวงศ์ตระกูลที่ไม่รู้จบ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหามากกว่าที่จะช่วยให้เข้าใจแผนการที่พระเจ้าทรงแสดงให้เรารู้เพราะความเชื่อ
      (5) จุดประสงค์ที่ข้าพเจ้าแนะนำดังนี้ก็คือความรักที่มาจากใจบริสุทธิ์ มาจากมโนธรรมที่ถูกต้องและมาจากความเชื่อแท้จริง
      (6) บางคนหลงทางไปจากจุดประสงค์นี้ จึงเปลี่ยนไปพูดเรื่องไร้สาระ
      (7) เพราะต้องการทำตนเป็นครูสอนธรรมบัญญัติ ทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจสิ่งที่พูดและสิ่งที่ตนยืนยันอย่างมั่นใจ

      1ทธ 1:8-11 จุดประสงค์ของธรรมบัญญัติ
      (8) เรารู้ว่าธรรมบัญญัติเป็นสิ่งที่ดีงามถ้าใช้ให้ถูกต้อง และเข้าใจว่าธรรมบัญญัติไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อคนชอบธรรม
      (9) แต่เขียนไว้เพื่อผู้ฝ่าฝืน ผู้ดื้อรั้น ผู้ชั่วช้า ผู้ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้า ผู้ไม่นับถือพระเจ้า คนบาป ผู้ไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์และไม่นับถือศาสนา ผู้ฆ่าบิดา ผู้ฆ่ามารดา ผู้เป็นฆาตกร
      (10) ผู้ประพฤติผิดประเวณี ผู้ล่วงเกินผู้เยาว์ ผู้ลักพาผู้อื่นไปขายเป็นทาส ผู้กล่าวคำเท็จ ผู้เป็นพยานเท็จ ตลอดจนผู้ทำความผิดอื่น ๆ ซึ่งขัดกับหลักคำสอนที่ถูกต้อง
      (11) คำสอนนี้สอดคล้องกับข่าวดีเกี่ยวกับพระสิริของพระเจ้าผู้ทรงเป็นความสุขแท้จริง ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้ประกาศข่าวดีนี้

      1ทธ 1:12-17 กระแสเรียกของเปาโล
      (12) ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้า ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น่าเชื่อถือ จึงทรงเรียกให้มารับใช้
      (13) แม้ว่าก่อนหน้านั้นข้าพเจ้าเคยพูดดูหมิ่นพระเจ้า เบียดเบียนและกระทำทารุณ แต่ข้าพเจ้าก็ได้รับพระเมตตากรุณาจากพระองค์ เพราะข้าพเจ้ากระทำไปโดยความไม่รู้ขณะที่ยังไม่มีความเชื่อ
      (14) แต่พระหรรษทานขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทำให้ข้าพเจ้ามีความเชื่อและความรักในพระคริสตเยซูอย่างเหลือล้น
      (15) ต่อไปนี้เป็นถ้อยคำที่น่าเชื่อถือและน่าที่ทุกคนจะยอมรับ คือ “พระคริสตเยซูเสด็จมาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอดพ้น” ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้
      (16) ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงแสดงพระเมตตากรุณาต่อข้าพเจ้า เพราะพระเยซูคริสตเจ้าทรต้องการแสดงความเพียรอดทนที่ยาวนานต่อข้าพเจ้าเป็นคนแรก เพื่อเป็นแบบอย่างสำหรับผู้ที่เข้ามาเชื่อในพระองค์ให้ได้รับชีวิตนิรันดร
      (17) ขอพระเกียรติยศและพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดร จงมีแด่พระเจ้าองค์เดียวที่เราแลเห็นไม่ได้ พระผู้ทรงเป็นอมตะ และพระผู้ทรงเป็นกษัตริย์นิรันดร อาเมน

      1ทธ 1:18-20 หน้าที่ความรับผิดชอบของทิโมธี
      (18) ทิโมธีลูกรัก ข้าพเจ้าขอแนะนำท่านตามที่ประกาศก เคยพูดถึงท่านไว้ เพื่อท่านจะได้ใช้คำแนะนำเหล่านี้ต่อสู้อย่างกล้าหาญ
      (19) โดยยึดความเชื่อและมโนธรรมที่ดีไว้ บางคนละทิ้งมโนธรรมที่ดี ความเชื่อของเขาจึงต้องพินาศ
      (20) ข้าพเจ้าหมายถึง ฮีเมเนอัสและอเล็กซานเดอร์ ซึ่งข้าพเจ้ามอบให้ซาตานแล้ว เพื่อพวกเขาจะได้เรียนรู้ที่จะเลิกพูดดูหมิ่นพระเจ้า  
      [Go Top]

      1ทธ 2:1-15 การภาวนาในพิธีกรรม
      (1)ในขั้นแรกนี้ ข้าพเจ้าขอร้องให้วอนขอ อธิษฐาน อ้อนวอนแทนและขอบพระคุณพระเจ้าเพื่อมนุษย์ทุกคน
      (2) เพื่อกษัตริย์และเพื่อผู้มีอำนาจ เราจะได้มีชีวิตที่สงบสุขราบรื่น เป็นชีวิตที่มีเกียรติด้วยความเคารพรักพระเจ้า
      (3) การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ดีงามและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเรา
      (4) พระองค์มีพระประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดพ้น และรู้ความจริงที่สมบูรณ์
      (5) ทั้งนี้เพราะมีพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว และพระเจ้ากับมนุษย์ก็มีคนกลางแต่เพียงผู้เดียวซึ่งเป็นมนุษย์คนหนึ่ง คือพระคริสตเยซู
      (6) ผู้ทรงมอบพระองค์เป็นค่าไถ่สำหรับมนุษย์ทุกคน การมอบพระองค์ดังกล่าวนี้คือการเป็นพยานยืนยันที่ทรงให้ไว้ตามเวลาที่กำหนด
      (7) และข้าพเจ้าก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ประกาศการเป็นพยานยืนยันนี้ เป็นอัครสาวกเป็นผู้สอนคนต่างชาติเรื่องความเชื่อและความจริง ข้าพเจ้ากำลังพูดความจริง มิได้พูดความเท็จบุรุษและสตรีในที่ชุมนุม
      (8) ข้าพเจ้าปรารถนาให้บุรุษยกมือที่บริสุทธิ์ขึ้นอธิษฐานไม่ว่าจะอยู่ที่ใด อย่าให้มีความโกรธหรือการโต้เถียงใด ๆ ระหว่างกัน
      (9) สตรีก็เช่นเดียวกับบุรุษ ในการภาวนา สตรีจะต้องสงบเสงี่ยม แต่งกายสุภาพเรียบร้อยถูกต้องตามกาลเทศะ ไม่แต่งผมจนเกินไปหรือสวมใส่เครื่องทอง ไข่มุกหรือเสื้อผ้าราคาแพง
      (10) การกระทำที่ดีงามเท่านั้นเป็นเครื่องประดับสตรีที่เลื่อมใสในศาสนา
      (11) ขณะชุมนุมกัน สตรีควรเรียนรู้โดยการรับฟังอย่างเงียบ ๆ และนอบน้อม
      (12) ข้าพเจ้าไม่อนุญาตให้สตรีสอนหรือใช้อำนาจเหนือบุรุษ แต่ให้สตรีอยู่อย่างสงบ
      (13) เพราะพระเจ้าทรงสร้างอาดัมมาก่อนแล้วจึงทรงสร้างเอวาในภายหลัง
      (14) อาดัมไม่ได้ถูกลวงให้หลงผิด แต่ผู้ที่ถูกลวงให้หลงผิดและทำบาปคือภรรยาของเขา
      (15) ถึงกระนั้น สตรีจะรอดพ้นได้โดยการมีบุตร ถ้าสตรีดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมโดยมั่นคงอยู่ในความเชื่อ ความรักและความศักดิ์สิทธิ์   
      [Go Top]

      1ทธ 3:1-7 หัวหน้าผู้รับผิดชอบในหมู่คณะ
      (1) ต่อไปนี้เป็นถ้อยคำที่ท่านเชื่อถือได้ ผู้ใดใฝ่ฝันจะปกครองดูแล เขาก็ปรารถนากิจการที่ดีงาม
      (2) ดังนั้น ผู้ปกครองดูแลจะต้องประพฤติดีไม่มีที่ตำหนิ แต่งงานเพียงครั้งเดียว รู้จักประมาณตน มีสติสัมปชัญญะ สุภาพเรียบร้อย มีอัธยาศัยไมตรีและรู้จักสอน
      (3) ต้องไม่ใช่นักดื่มหรืออันธพาล แต่จะต้องมีใจเยือกเย็น ไม่ชอบทะเลาะวิวาท ไม่โลภทรัพย์สินเงินทอง
      (4) ต้องเป็นผู้ที่รู้จักปกครองคนในบ้านของตนได้ดี มีความประพฤติดี อบรมบุตรธิดาให้อยู่ในโอวาท
      (5) ผู้ใดไม่รู้จักปกครองคนในบ้านของตน ผู้นั้นจะรับผิดชอบดูแลพระศาสนจักรของพระเจ้าได้อย่างไร
      (6) เขาไม่ควรเป็นผู้ที่เพิ่งกลับใจ มิฉะนั้นเขาอาจเกิดคิดหยิ่งจองหอง และต้องรับโทษอย่างที่ปีศาจได้รับ
      (7) เขาจะต้องเป็นผู้ที่บุคคลภายนอกยอมรับนับถือ เพื่อเขาจะได้ไม่ถูกตำหนิและไม่ตกในบ่วงแร้วของปีศาจ

      1ทธ 3:8-13 สังฆานุกร
      (8) สังฆานุกรก็เช่นเดียวกัน จะต้องเป็นที่น่าเคารพนับถือ ไม่ปลิ้นปล้อน ไม่ดื่มจัด และไม่หาผลประโยชน์ที่น่ารังเกียจ
      (9) เขาจะต้องยึดมั่นในธรรมล้ำลึกของความเชื่อด้วยมโนธรรมที่บริสุทธิ์
      (10) เขาจะต้องได้รับการตรวจสอบก่อน ถ้าไม่มีสิ่งใดขัดข้องจึงให้ทำหน้าที่สังฆานุกร
      (11) สตรีก็เช่นเดียวกัน จะต้องเป็นคนที่น่าเคารพนับถือ ไม่นินทาว่าร้าย ต้องรู้จักประมาณตนและเป็นที่วางใจในทุกเรื่อง
      (12) สังฆานุกรจะต้องแต่งงานเพียงครั้งเดียว และเป็นผู้ที่รู้จักปกครองบุตรธิดาและคนในบ้านของตนได้
      (13) ผู้ทำหน้าที่สังฆานุกรได้อย่างดีก็จะได้รับเกียรติสูงสำหรับตน และพูดถึงความเชื่อในพระคริสตเยซูได้อย่างมั่นใจ

      1ทธ 3:14-16 ธรรมล้ำลึกแห่งความเชื่อ
      (14) ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ถึงท่านและหวังว่าข้าพเจ้าจะมาพบท่านในไม่ช้า
      (15) แต่ถ้ามาช้า ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านรู้ว่า เราจะต้องประพฤติตนอย่างไรในบ้านของพระเจ้า นั่นคือในพระศาสนจักรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต พระศาสนจักรซึ่งเป็นหลักและรากฐานของความจริง
      (16) เรายืนยันได้ว่าธรรมล้ำลึกเรื่องความเคารพรักพระเจ้าของเรานั้นยิ่งใหญ่นัก พระองค์ทรงปรากฏให้แลเห็นได้ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงได้รับการประกาศว่าเที่ยงธรรมในพระจิตเจ้า บรรดาทูตสวรรค์ได้เห็น พระองค์ทรงได้รับการประกาศให้คนต่างศาสนารู้จัก มนุษย์มีความเชื่อในพระองค์ พระองค์ทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า  
      [Go Top]

      1ทธ 4:1-16 ครูผู้สอนผิด
      (1) พระจิตเจ้าตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า ในยุคสุดท้าย บางคนจะละทิ้งความเชื่อ และเปลี่ยนไปสนใจจิตที่หลอกลวงและสนใจคำสอนของปีศาจ
      (2) สนใจคำสอนของคนโกหกเจ้าเล่ห์ ซึ่งมโนธรรมของเขาถูกมารร้ายตอกตราไว้แล้ว
      (3) พวกเขาห้ามแต่งงานและห้ามกินอาหารบางชนิด แต่พระเจ้าทรงสร้างอาหารเหล่านี้ให้ผู้ที่เชื่อและรู้ความจริงได้บริโภคด้วยความสำนึกในพระคุณ
      (4) ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างเป็นสิ่งที่ดี และเราไม่ควรตัดสิ่งใดออกไป แต่ต้องรับด้วยความสำนึกในพระคุณ
      (5) พระวาจาของพระเจ้าและการอธิษฐานทำให้สิ่งนั้นศักดิ์สิทธิ์
      (6) ถ้าท่านให้คำแนะนำเหล่านี้แก่พี่น้อง ท่านก็จะเป็นคนใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระคริสตเยซู ได้รับการหล่อเลี้ยงจากคำสอนที่มาจากความเชื่อและหลักคำสอนที่ดีซึ่งท่านติดตามมาโดยตลอด
      (7) อย่าสนใจฟังนิทานไร้สาระที่ไม่เกี่ยวกับพระเจ้า แต่จงฝึกฝนตนให้เคารพรักพระเจ้า
      (8) การฝึกร่างกายมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ความเคารพรักพระเจ้านั้นมีประโยชน์สำหรับทุกสิ่ง เพราะมีพระสัญญาทั้งสำหรับชีวิตในโลกนี้และชีวิตในโลกหน้า
      (9) นี่เป็นคำพูดที่เชื่อถือได้และควรที่ทุกคนจะยอมรับ
      (10) พวกเราตรากตรำทำงานและต่อสู้ก็เพื่อสิ่งนี้ เราได้มอบความหวังไว้ในพระเจ้าผู้ทรงชีวิต และพระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ของมนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะของผู้ที่มีความเชื่อ
      (11) ท่านจงกำชับและสั่งสอนเรื่องเหล่านี้เถิด
      (12) อย่าให้ใครดูหมิ่นท่านเพราะความเป็นคนหนุ่ม แต่จงเป็นแบบอย่างแก่ผู้มีความเชื่อทุกคนด้วยคำพูดและความประพฤติ ด้วยความรัก ความเชื่อและความบริสุทธิ์ของท่าน
      (13) จงเอาใจใส่อ่านพระคัมภีร์ให้ประชาชนฟัง จงตักเตือนและสั่งสอนพวกเขาจนกว่าข้าพเจ้าจะมาถึง
      (14) จงอย่าละเลยพระพรพิเศษที่มีอยู่ในท่าน พระพรซึ่งเป็นของประทานให้ท่านเมื่อมีการประกาศพระวาจาเลือกสรรท่านและบรรดาผู้อาวุโสได้ปกมือเหนือท่าน
      (15) จงเอาใจใส่และอุทิศตนในเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้ทุกคนแลเห็นความก้าวหน้าของท่าน
      (16) จงดูแลทั้งตนเองและคำสั่งสอน จงมั่นคงต่อไปในเรื่องดังกล่าว เพราะเมื่อทำเช่นนี้ ท่านจะช่วยทั้งตนเองและผู้ที่ฟังท่านให้รอดพ้น  
      [Go Top]

      1ทธ 5:1-2 งานอภิบาล
      (1) อย่าว่ากล่าวผู้อาวุโสอย่างรุนแรง แต่จงบอกกล่าวอย่างที่กระทำต่อบิดา จงปฏิบัติต่อผู้ที่อ่อนวัยอย่างน้องชาย
      (2) จงปฏิบัติต่อสตรีอาวุโสอย่างมารดา และปฏิบัติต่อสตรีที่อ่อนวัยอย่างน้องสาวด้วยใจบริสุทธิ์แท้จริง

      1ทธ 5:3-16 หญิงม่าย
      (3) จงเอาใจใส่ดูแลหญิงม่ายที่ไร้ญาติ
      (4) ถ้าหญิงม่ายคนใดมีบุตรหลาน ก็ให้บรรดาบุตรหลานเหล่านั้นเรียนรู้หน้าที่ต่อครอบครัวเสียก่อน และทดแทนบุญคุณบิดามารดาของตน เพราะนี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย
      (5) หญิงม่ายไร้ญาติที่ถูกทิ้งไว้ตามลำพัง ตั้งความหวังไว้ในพระเจ้าและพร่ำวอนขออธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าทั้งกลางวันกลางคืน
      (6) ส่วนหญิงม่ายที่คิดหาแต่ความสุขความสบายก็เป็นคนที่ตายทั้งเป็น
      (7) จงกำชับเรื่องนี้เพื่อว่าหญิงม่ายจะได้ไม่ถูกตำหนิ
      (8) ถ้าผู้ใดไม่เอาใจใส่ดูแลญาติพี่น้องของตน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ก็เท่ากับว่าได้ปฏิเสธความเชื่อ และเลวยิ่งกว่าผู้ไม่มีความเชื่อเสียอีก
      (9) ให้หญิงม่ายที่มีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปี เคยแต่งงานเพียงครั้งเดียว ลงชื่อในทะเบียนหญิงม่าย
      (10) นางจะต้องเป็นที่ยอมรับว่าทำกิจการดีงาม ทั้งเรื่องการเลี้ยงดูบุตร การรู้จักต้อนรับแขกแปลกหน้า การล้างเท้าให้ประชากรศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า การบรรเทาทุกข์ผู้เดือดร้อน และการร่วมทำกิจการดีอื่น ๆ
      (11) อย่ารับหญิงม่ายที่ยังสาว เพราะถ้านางคล้อยตามความปรารถนาตามธรรมชาติมากกว่าศรัทธาในพระคริสตเจ้า นางย่อมต้องการแต่งงานใหม่
      (12) แล้วผู้คนจะประณามได้ว่านางไม่ถือสัตย์ต่อคำสัญญาที่ให้ไว้แต่เดิม
      (13) นอกจากนั้น เมื่อหญิงม่ายที่ยังสาวเหล่านี้อยู่ว่างเปล่าก็จะเริ่มเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น พวกเขาไม่เพียงจะอยู่ว่างเปล่าเท่านั้น แต่จะเริ่มซุบซิบนินทา เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผู้อื่นและพูดเรื่องที่ไม่ควรจะพูด
      (14) ดังนั้น ข้าพเจ้าอยากให้หญิงม่ายที่ยังสาวแต่งงานใหม่ มีบุตรและดูแลครอบครัว เพื่อไม่ให้โอกาสฝ่ายตรงข้ามยกมาเป็นข้อตำหนิได้
      (15) หญิงม่ายบางคนเปลี่ยนไปติดตามซาตานแล้ว
      (16) ถ้าหญิงผู้มีความเชื่อคนใดมีญาติเป็นหญิงม่ายก็ให้ช่วยอุปถัมภ์เลี้ยงดูพวกนี้ อย่าปล่อยให้พระศาสนจักรต้องรับภาระ เพื่อพระศาสนจักรจะได้ช่วยเหลือหญิงม่ายที่เป็นม่ายไร้ญาติ

      1ทธ 5:17-25 ผู้อาวุโส
      (17) ผู้อาวุโสที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีควรได้รับรางวัลเป็นสองเท่า โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานหนักในการเทศน์และการสอน
      (18) ดังที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า อย่าเอาตะกร้อสวมปากวัวขณะมันกำลังนวดข้าว และอีกตอนหนึ่งกล่าวว่า คนงานย่อมมีสิทธิในค่าจ้างของตน
      (19) อย่ารับฟังคำกล่าวหาผู้อาวุโส ถ้าหากไม่มีหลักฐานยืนยันจากพยานสองหรือสามคน
      (20) ถ้าผู้ใดกระทำผิด จงว่ากล่าวเขาต่อหน้าทุกคนเพื่อคนอื่นจะได้เกรงกลัว
      (21) ข้าพเจ้าขอกำชับท่านเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าและเฉพาะพระพักตร์ของพระคริสตเยซู และต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์ที่ทรงเลือกสรร ให้ถือตามกฎเหล่านี้โดยไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด และอย่ากระทำการใด ๆ ด้วยใจลำเอียง
      (22) อย่ารีบร้อนปกมือเหนือผู้ใด และอย่าสมรู้ร่วมคิดในการทำบาปของผู้อื่น แต่จงรักษาตนไว้ให้บริสุทธิ์
      (23) อย่าดื่มแต่น้ำ จงดื่มเหล้าองุ่นเพื่อช่วยย่อยอาหาร และบรรเทาอาการป่วยของท่านที่เกิดขึ้นเสมอ
      (24) บาปของบางคนปรากฏก่อนจะมีการตัดสิน แต่บาปของบางคนถูกค้นพบภายหลัง
      (25) เช่นเดียวกัน การกระทำที่ดีย่อมปรากฏให้เห็นได้ชัด การกระทำที่ไม่ดีก็ไม่อาจปิดซ่อนไว้ได้เช่นเดียวกัน  
      [Go Top]

      1ทธ 6:1-2 ทาส
      (1) ทุกคนที่เป็นทาสต้องคิดว่านายของตนควรได้รับเกียรติทุกอย่าง เพื่อพระนามของพระเจ้าและคำสอนของเราจะไม่ถูกกล่าวหาในทางที่เสื่อมเสีย
      (2) ทาสที่มีเจ้านายเป็นผู้มีความเชื่อ ก็ไม่ควรจะเคารพนายน้อยลงเพียงเพราะว่าเป็นพี่น้องกัน ตรงกันข้าม ควรจะรับใช้ให้ดียิ่งขึ้น เพราะผู้ได้รับผลการรับใช้ เป็นผู้ที่มีความเชื่อและเป็นที่รักของพระเจ้า

      1ทธ 6:3-10 ครูผู้สอนถูกต้องและครูผู้สอนผิด
      นี่คือสิ่งที่ท่านควรสอนและควรแนะนำ
      (3) ถ้าผู้ใดสอนแตกต่างจากนี้ และไม่สอนพระวาจาที่ถูกต้องของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ซึ่งเป็นคำสอนที่สอดคล้องกับความเคารพรักพระเจ้า
      (4) ผู้นั้นก็เป็นคนจองหองและไม่เข้าใจสิ่งใดเลย เขาคอยแต่ตั้งปัญหาถามและโต้เถียงเกี่ยวกับถ้อยคำซึ่งก่อให้เกิดความอิจฉาริษยา การทะเลาะวิวาท การกล่าวร้ายและความไม่ไว้ใจมุ่งร้ายต่อกัน
      (5) รวมทั้งการถกเถียงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผู้ทำเช่นนี้เป็นคนไร้ปัญญาและขาดความจริง และคิดว่าความเคารพรักพระเจ้าเป็นทางหากำไร
      (6) ความเคารพรักพระเจ้านำผลกำไรมหาศาลมาให้เฉพาะแก่ผู้ที่พอใจในสิ่งที่ตนมีเท่านั้น
      (7) เราไม่ได้นำสิ่งใดติดตัวเข้ามาในโลก และเราก็นำอะไรออกไปได้
      (8) ตราบใดที่มีอาหารและเครื่องนุ่งห่ม เราก็พอใจแล้ว
      (9) คนที่อยากรวยก็ตกเป็นเหยื่อของการทดลอง ติดกับดักและตกลงไปในตัณหาชั่วร้ายโง่เขลามากมาย ซึ่งทำให้มนุษย์จมลงสู่ความพินาศย่อยยับ
      (10) “ความรักเงินตราเป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายทุกประการ” บางคนเมื่อแสวงหาแต่เงินก็พลัดหลงจากความเชื่อ เป็นเหตุให้ตนเองได้รับความทุกข์เป็นอันมาก

      1ทธ 6:11-16 ระลึกถึงการเรียกของทิโมธี
      (11) ท่านผู้เป็นคนของพระเจ้า จงหลีกเลี่ยงเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จงมุ่งหน้าหาความชอบธรรม ความเคารพรักพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความอดทนและความอ่อนโยน
      (12) จงต่อสู้อย่างดีเพื่อความเชื่อ จงยึดมั่นในชีวิตนิรันดรที่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้ดำเนินอยู่ เมื่อท่านได้ประกาศยืนยัน ความเชื่อต่อหน้าพยานจำนวนมาก
      (13) บัดนี้ เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตทั้งปวง และเฉพาะพระพักตร์ของพระคริสตเยซู ผู้ยืนยันประกาศความเชื่อเป็นอย่างดีไว้ต่อหน้าปอนทิอัส ปีลาต
      (14) ข้าพเจ้าขอกำชับให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกประการโดยไม่บกพร่อง จนกว่าพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะทรงสำแดงพระองค์
      (15) เมื่อถึงเวลากำหนด พระเจ้าจะทรงเปิดเผยพระคริสตเยซู พระเจ้าผู้ทรงเป็นความสุขแท้จริงและผู้ทรงสรรพานุภาพแต่พระองค์เดียว ทรงเป็นจอมกษัตริย์และเจ้านายสูงสุด
      (16) ผู้ทรงเป็นอมตะแต่พระองค์เดียว ประทับอยู่ในแสงสว่างที่ไม่อาจเข้าถึงได้ ไม่มีมนุษย์คนใดเคยเห็นหรืออาจเห็นพระองค์ได้ ขอพระองค์ทรงดำรงพระเกียรติและพระพลานุภาพตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน

      1ทธ 6:17-19 คริสตชนที่ร่ำรวย
      (17) จงกำชับสั่งคนที่ร่ำรวยทรัพย์สินในปัจจุบันนี้อย่าให้หยิ่งยโสหรือตั้งความหวังไว้กับทรัพย์สมบัติอันไม่จีรังยั่งยืน แต่ให้หวังในพระเจ้าผู้ประทานทุกสิ่งที่เราต้องการเพื่อความสุขอย่างสมบูรณ์
      (18) ให้ทำดีและมั่งคั่งด้วยกิจการที่ดี มีใจกว้างในการให้และพร้อมที่จะแบ่งปัน
      (19) นี่เป็นวิธีสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนในอนาคต เพื่อจะได้รับชีวิตที่แท้จริง

      1ทธ 6:20-21 คำเตือนสุดท้ายและบทสรุป
      (20) ทิโมธีที่รัก จงเฝ้ารักษาสิ่งที่ท่านได้รับฝากไว้ จงหลีกเลี่ยงการถกเถียงเรื่องไร้สาระที่ไม่เกี่ยวกับพระเจ้า และจงหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกันใน “ความรู้” ที่ไม่ใช่ความรู้
      (21) บางคนทำเช่นนั้นจึงหลงผิดไปจากความเชื่อ ขอพระหรรษทานสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเทอญ  
      [Go Top]

    [01] [02] [03] [04] [05] [06][Goto Menu]