(1) ซีโมน เปโตร ผู้รับใช้และอัครสาวกของพระเยซูคริสตเจ้า
2ปต 1:3-11 พระเจ้าทรงพระกรุณาเหลือล้น
2ปต 1:12-18 อัครสาวกเป็นพยานยืนยัน
(12) ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านระลึกถึงเรื่องเหล่านี้อยู่เสมอ แม้ท่านจะรู้และเชื่อมั่นในความจริงที่มีอยู่แล้ว
(13) ข้าพเจ้าคิดว่าตราบใดที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ การที่ข้าพเจ้าจะคอยตักเตือนท่านให้ตื่นอยู่เสมอก็เป็นการถูกต้อง
(14) ข้าพเจ้ารู้ว่า ข้าพเจ้าจะต้องจากโลกนี้ในไม่ช้า ดังที่พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงแจ้งแก่ข้าพเจ้าไว้อย่างชัดเจนแล้ว
(15) ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเอาใจใส่ให้ท่านทั้งหลายระลึกถึงความจริงเหล่านี้เสมอ แม้เมื่อข้าพเจ้าจากไปแล้ว
(16) เมื่อเราประกาศให้ท่านรู้ถึงพระฤทธานุภาพและการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้น เรามิได้พูดตามนิยายงมงายที่สร้างขึ้น แต่เราประจักษ์ด้วยตาตนเองถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
(17) พระองค์ทรงรับพระเกียรติและพระสิริรุ่งโรจน์จากพระเจ้าพระบิดาเมื่อมีเสียงตรัสจากพระสิริรุ่งโรจน์ที่ยิ่งใหญ่มาสู่พระองค์ว่า ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา ซึ่งเราพอใจ
(18) เราได้ยินเสียงนี้มาจากสวรรค์ขณะที่เราอยู่กับพระองค์บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั้น
2ปต 1:19-21 คุณค่าของการประกาศพระวาจา
(19) เรายังมีถ้อยคำที่น่าเชื่อถือยิ่งกว่านั้นของบรรดาประกาศก และจะเป็นการดีถ้าท่านสนใจถ้อยคำเหล่านี้ รับถ้อยคำดังกล่าวเป็นเสมือนแสงประทีปส่องสว่างในที่มืด จนกว่าอรุณจะทอแสง และดาวประจำรุ่งจะปรากฏขึ้นในจิตใจของท่าน
(20) จงรู้เถิดว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการตีความถ้อยคำของบรรดาประกาศกในพระคัมภีร์มิใช่เรื่องส่วนบุคคล
(21) เพราะไม่เคยมีถ้อยคำใดของบรรดาประกาศกที่มาจากเจตนารมณ์ของมนุษย์ แต่มนุษย์กล่าวถ้อยคำซึ่งมาจากพระเจ้าตามที่พระจิตเจ้าทรงดลใจ [Go Top]
2ปต 2:1-3 ผู้สอนผิด
2ปต 2:4-10 บทเรียนจากอดีต
2ปต 2:11-22 การลงโทษที่จะเกิดในอนาคต
2ปต 3:1-2 ประกาศกและอัครสาวกกล่าวถึงวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า
2ปต 3:3-10 ผู้สอนผิด
2ปต 3:11-18 การเชิญชวนให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์บทถวายพระพร
(1) ในอดีต เคยมีผู้ปลอมตนเป็นประกาศกในหมู่ประชากรของพระเจ้า ในหมู่ท่านทั้งหลายจะมีผู้สอนผิดซึ่งพยายามสอดแทรกความคิดมิจฉาทิฐิที่นำความหายนะมาสู่ท่านเช่นเดียวกัน เขาจะปฏิเสธองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงไถ่เขาไว้ เขาจึงนำความหายนะมาสู่ตนอย่างรวดเร็ว
(2) หลายคนจะเดินตามความประพฤติเสเพลของพวกเขา และทางแห่งความจริงจะถูกกล่าวร้ายเพราะคนเหล่านี้
(3) เขาจะใช้ถ้อยคำที่หลอกลวงแสวงหาผลประโยชน์จากท่านเพราะความโลภ แต่การตัดสินลงโทษพวกเขาพร้อมนานแล้ว และเขาจะได้รับความหายนะในไม่ช้า
(4) พระเจ้าไม่ทรงยับยั้งโทษต่อทูตสวรรค์ที่ทำบาป แต่ทรงผลักทูตสวรรค์เหล่านั้นลงไปในขุมนรกมืดมิด และควบคุมไว้จนถึงวันพิพากษา
(5) พระองค์มิได้ทรงยับยั้งโทษต่อโลกในยุคแรก ทรงส่งน้ำวินาศทำลายโลกของคนอธรรม แต่ทรงไว้ชีวิตโนอาห์ผู้ประกาศความชอบธรรมพร้อมกับที่ทรงไว้ชีวิตคนอื่นอีกเจ็ดคนด้วย
(6) พระองค์ทรงลงโทษเมืองโสดมและเมืองโกโมราห์ให้พินาศเป็นเถ้าธุลี เพื่อเป็นตัวอย่างแก่คนอธรรมในอนาคต
(7) พระองค์ทรงช่วยชีวิตของโลทให้รอดพ้นเพราะเขาเป็นผู้ชอบธรรมและถูกบีบคั้นจิตใจจากความประพฤติชั่วร้ายของคนอธรรมเหล่านั้น
(8) ผู้ชอบธรรมคนนี้อยู่ในหมู่คนอธรรม เขาได้เห็นได้ยินการกระทำเลวร้ายของคนเหล่านี้อยู่ทุกวัน ทำให้จิตใจที่ชอบธรรมของเขาเป็นทุกข์
(9) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยผู้เลื่อมใสศรัทธาให้พ้นจากการทดลองได้ และทรงกันคนอธรรมไว้ให้รับโทษเมื่อถึงวันพิพากษา
(10) โดยเฉพาะผู้ที่ปล่อยตนตามราคตัณหาตามธรรมชาติมนุษย์ และดูหมิ่นอำนาจของพระเจ้า
ผู้สอนผิดเหล่านี้ก้าวร้าว หยิ่งยโส ไม่เกรงกลัวที่จะล่วงเกินบรรดาจิตที่ทรงสิริรุ่งโรจน์
(11) แม้แต่ทูตสวรรค์ผู้ทรงพลังและอำนาจมากกว่ายังไม่กล่าวหาพวกเขาเฉพาะพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
(12) แต่คนเหล่านี้ประพฤติเหมือนกับสัตว์เดียรัจฉานประเภทที่ตามธรรมชาติเกิดมาเพื่อถูกจับไปฆ่า เขาล่วงเกินสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ เขาจะถูกทำลายเช่นเดียวกับสัตว์เดียรัจฉาน
(13) จะถูกลงโทษเป็นการตอบแทนความอธรรมของเขา เขาคิดว่าความสนุกสนานเพียงหนึ่งวันเป็นความสุขแล้ว เขาทำตนมีมลทินน่ารังเกียจ พึงพอใจสนุกสนานกับการหลอกลวงแม้ขณะกำลังร่วมฉลองอยู่กับท่าน
(14) มีนัยน์ตาเจ้าชู้ ทำบาปโดยไม่สิ้นสุด คอยล่อลวงคนที่มีใจโลเล มีจิตใจละโมบ คนพวกนี้จะถูกพระเจ้าสาปแช่ง
(15) เขาทิ้งหนทางตรงหลงไปตามทางของ บาลาอัม บุตรของโบสอร์ บาลาอัมต้องการผลประโยชน์จากความอธรรม
(16) แต่ลาใบ้ตัวหนึ่งพูดภาษามนุษย์ตำหนิความผิดของเขา คำตำหนินั้นยับยั้งความบ้าของประกาศกผู้นี้
(17) ผู้สอนผิดเหล่านี้เป็นตาน้ำที่ไม่มีน้ำ เป็นเมฆที่ถูกพายุพัดไป พระเจ้าทรงเตรียมความมืดมิดไว้สำหรับเขาแล้ว
(18) เขาพูดโอ้อวดไร้สาระ ใช้ความใคร่ในกิเลสตัณหาล่อลวงผู้ที่เพิ่งหนีพ้นจากความประพฤติผิด
(19) เขาสัญญาจะให้อิสรภาพ แต่ตนเองยังเป็นทาสของความเสื่อม เพราะผู้ใดพ่ายแพ้สิ่งใด ย่อมเป็นทาสของสิ่งนั้น
(20) ผู้ใดก็ตามที่หนีพ้นความเสื่อมของโลกเมื่อได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ไถ่ของเราแล้ว ถ้าเขากลับไปติดบ่วง และพ่ายแพ้ความเสื่อมนี้อีก บั้นปลายของเขาก็จะประสบสิ่งร้ายยิ่งกว่าตอนต้น
(21) การที่เขาไม่เคยรู้จักทางแห่งความชอบธรรมเลย ยังดีกว่าการที่เขารู้ทางแห่งความชอบธรรมแล้ว แต่กลับหันหลังให้บทบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าประทาน
(22) เขาประพฤติตรงกับสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า สุนัขกลับมากินสิ่งที่มันสำรอก และ สุกรที่เพิ่งอาบน้ำกลับไปกลิ้งเกลือกโคลนอีก [Go Top]
(1) ท่านที่รักทั้งหลาย นี่เป็นจดหมายฉบับที่สอง ที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน จดหมายทั้งสองฉบับนี้ข้าพเจ้าพยายามเตือนความทรงจำให้ท่านคิดอย่างถูกต้อง
(2) จงระลึกถึงคำพูดซึ่งบรรดาประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้แล้ว และจงระลึกถึงบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ไถ่ที่บรรดาอัครสาวกเทศน์สอนไว้
(3) จงรู้เถิดว่า เรื่องสำคัญที่สุด คือในยุคสุดท้าย จะมีผู้เยาะเย้ยที่ใช้คำพูดถากถางตามกิเลสตัณหาของตนพูดว่า
(4) พระสัญญาว่าจะเสด็จมานั้นอยู่ที่ไหน ตั้งแต่เวลาที่บรรพบุรุษของเรา ล่วงหลับไปแล้ว ทุกสิ่งยังคงเป็นอยู่เหมือนเดิมดังเมื่อทรงสร้างโลก
(5) เขาเหล่านี้แสร้งลืมไปว่า พระวาจาของพระเจ้า สร้างสวรรค์มานานแล้ว และทรงแยกแผ่นดินจากน้ำและให้น้ำล้อมแผ่นดินไว้
(6) ต่อมาพระองค์ทรงทำลายโลกด้วยน้ำ คือน้ำวินาศ
(7) บัดนี้ก็เช่นเดียวกัน พระวาจาเดียวกันนี้รักษาสวรรค์และแผ่นดินไว้เพื่อให้ไฟเผาผลาญ คือเก็บไว้จนกว่าจะถึงวันพิพากษาและทำลายคนบาป
(8) ท่านที่รักทั้งหลาย สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องไม่ลืม คือสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เพียงหนึ่งวันก็เหมือนกับหนึ่งพันปี และหนึ่งพันปีก็เหมือนกับหนึ่งวัน
(9) องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงรีรอที่จะปฏิบัติตามพระสัญญาดังที่บางคนคิด แต่พระองค์ทรงอดกลั้นต่อท่านทั้งหลาย ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ แต่ทรงประสงค์ให้ทุกคนกลับใจ เปลี่ยนวิถีชีวิต
(10) วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึงอย่างไม่รู้ตัวเหมือนขโมย วันนั้นท้องฟ้าจะอันตรธานสูญสิ้นไปด้วยเสียงกึกก้อง โลกธาตุจะลุกเป็นไฟแตกแยกจากกัน แผ่นดินและสรรพสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินจะมอดไหม้สูญสิ้นไป
(11) เมื่อทุกสิ่งจะต้องสลายไปเช่นนี้ ท่านจงตระหนักว่าจะต้องประพฤติตนอย่างไร จะต้องดำเนินชีวิตให้ศักดิ์สิทธิ์และมีความเลื่อมใสศรัทธา
(12) รอคอยวันของพระเจ้าและพยายามเร่งให้วันนั้นมาถึง ในวันนั้นท้องฟ้าจะถูกไฟเผาผลาญ และโลกธาตุจะถูกไฟเผาละลายไป
(13) เรากำลังรอคอยฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ ซึ่งเป็นที่อยู่ถาวรของความชอบธรรมตามพระสัญญา
(14) ดังนั้น ท่านที่รักทั้งหลาย ขณะที่ท่านกำลังรอคอยเหตุการณ์เหล่านี้ จงพยายามให้พระเจ้าทรงพบท่านดำเนินชีวิตอย่างสันติปราศจากมลทินและไร้ข้อตำหนิ
(15) จงคิดเถิดว่า ความอดกลั้นขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือความรอดพ้นของเรา ดังที่เปาโลน้องที่รักของเราเคยเขียนถึงท่านตามปรีชาญาณที่พระเจ้าประทานให้
(16) เปาโลกล่าวถึงเรื่องเหล่านี้ในจดหมายทุกฉบับของเขา อาจมีบางข้อที่เข้าใจยาก คนโง่และใจโลเลจึงบิดเบือนเสีย เหมือนอย่างที่เขาบิดเบือนข้อความอื่น ๆ ในพระคัมภีร์ เป็นเหตุให้ตนเองพินาศ
(17) ท่านที่รักทั้งหลาย เมื่อท่านรู้ล่วงหน้าเช่นนี้แล้ว จงระมัดระวังอย่าปล่อยตัวไปตามความหลงผิดของคนอธรรม และสูญเสียความมั่นคงของท่านไป
(18) จงเจริญขึ้นในพระหรรษทานและในความรู้จักพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ไถ่ของเรา ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ทั้งในปัจจุบันและตลอดนิรันดร อาเมน [Go Top]