3. วันฉลองปัสกาและปังแห่งชีวิต
ชาวยิวต่อต้านการเปิดเผยของพระเยซูเจ้าอย่างรุนแรงขึ้น
พระเยซูเจ้าทรงทำอัศจรรย์ทวีขนมปัง
พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินบนน้ำ 16 เมื่อถึงเวลาเย็น บรรดาศิษย์พากันลงไปยังทะเลสาบ 17 และลงเรือข้ามฟากไปทางเมืองคาเปอรนาอุม ขณะนั้นมืดแล้ว พระเยซูเจ้าก็ยังไม่เสด็จมากับเขา 18 ทะเลปั่นป่วนเพราะลมพัดจัด 19 บรรดาศิษย์กรรเชียงเรือไปได้ราวสี่หรือห้ากิโลเมตร เห็นพระเยซูเจ้ากำลังทรงพระดำเนินบนทะเล เข้ามาใกล้เรือ ก็ตกใจกลัว 20 แต่พระองค์ตรัสแก่เขาว่า 'เราเอง อย่ากลัวเลย' 21 บรรดาศิษย์ยินดีรับพระองค์ลงเรือ ทันใดนั้นเรือก็ถึงฝั่งที่เขามุ่งจะไป คำปราศรัยของพระเยซูเจ้าในศาลาธรรมที่เมืองคาเปอรนาอุม 22 วันรุ่งขึ้น ประชาชนที่ยังอยู่บนฝั่งโน้น สังเกตเห็นว่า มีเรืออยู่ที่นั่นเพียงลำเดียว และจำได้ว่าพระเยซูเจ้ามิได้เสด็จลงเรือไปกับบรรดาศิษย์ บรรดาศิษย์ได้ไปกันตามลำพังเท่านั้น 23 แต่เรือลำอื่นจากเมืองทีเบเรียสได้มายังสถานที่ที่พวกเขาได้กินขนมปัง 24 เมื่อประชาชนเห็นว่าทั้งพระเยซูเจ้า และบรรดาศิษย์ไม่ได้อยู่ที่นั่นอีก ก็พากันลงเรือเหล่านั้น มุ่งไปที่เมืองคาเปอรนาอุมเพื่อตามหาพระเยซูเจ้า 25 เมื่อได้พบพระองค์ที่ฟากโน้นแล้ว จึงทูลถามว่า 'พระอาจารย์ ท่านมาที่นี่เมื่อไร?' 26 พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า"เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านแสวงหาเรา มิใช่เพราะได้เห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ แต่เพราะได้กินขนมปังจนอิ่ม 27 อย่าขวนขวายหาอาหารที่กินแล้วเสื่อมสลายไป แต่จงหาอาหารที่คงอยู่และนำชีวิตนิรันดรมาให้ อาหารนี้บุตรแห่งมนุษย์จะประทานให้แก่ท่าน เพราะพระเจ้าพระบิดาทรงประทับตรารับรองบุตรแห่งมนุษย์ไว้แล้ว" 28 เขาเหล่านั้นจึงทูลว่า 'พวกเราจะต้องทำอะไรเพื่อให้กิจการของพระเจ้าสำเร็จ?' 29 พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า 'กิจการของพระเจ้าก็คือให้ท่านทั้งหลายเชื่อในผู้ที่พระองค์ทรงส่งมา' 30 ประชาชนจึงทูลถามว่า 'ท่านกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์อันใดเพื่อพวกเราจะได้เห็น และจะได้เชื่อในท่าน? ท่านทำอะไรเล่า? 31 บรรพบุรุษของเราได้กินมานนาiในถิ่นทุรกันดาร ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า พระองค์ประทานขนมปังจากสวรรค์ให้เขากิน' 32 พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มิใช่โมเสสที่ให้ขนมปังจากสวรรค์แก่ท่าน แต่เป็นพระบิดาของเราที่ประทานขนมปังแท้จากสวรรค์ให้ท่าน 33 เพราะว่าขนมปังของพระเจ้า คือขนมปังซึ่งลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้แก่โลก" 34 ประชาชนจึงทูลว่า 'นายขอรับ โปรดให้ขนมปังนี้แก่พวกเราเสมอเถิด' 35 พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า "เราเป็นปังแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว และผู้ที่เชื่อในเราจะไม่กระหายอีกเลย 36 เราได้บอกท่านทั้งหลายแล้วว่า ท่านเห็นเราแล้ว แต่ไม่เชื่อ 37 ทุกคนที่พระบิดาทรงมอบให้เรา จะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ผลักไสไปเลย 38 เพราะว่าเราลงมาจากสวรรค์ มิใช่เพื่อทำตามใจของเรา แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา 39 พระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามาก็คือ เราจะไม่สูญเสียผู้ใด ที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เราเลย แต่จะให้ผู้นั้นกลับคืนชีพในวันสุดท้าย 40 พระประสงค์ของพระบิดาของเราก็คือ ทุกคนที่เห็นพระบุตร แล้วเชื่อในพระบุตร จะมีชีวิตนิรันดร และเราจะให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย" 41 ชาวยิววิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับพระเยซูเจ้า ที่ได้ตรัสว่า 'เราเป็นปังซึ่งลงมาจากสวรรค์' 42 เขาพูดกันว่า 'คนคนนี้ไม่ใช่ เยซู บุตรของโยเซฟหรือ เรารู้จักทั้งบิดาและมารดาของเขาดี แล้วเขาพูดได้อย่างไรว่า "เราลงมาจากสวรรค์?"' 43 พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า 'เลิกวิจารณ์กันเสียทีเถิด' 44 "'ไม่มีใครมาหาเราได้ นอกจากพระบิดาผู้ทรงส่งเรามาจะทรงชักนำเขาและเราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย 45 มีเขียนไว้ในหนังสือของบรรดาประกาศกว่า ทุกคนจะได้รับคำสอนจากพระเจ้า ทุกคนที่ได้ฟังพระบิดา และเรียนรู้จากพระองค์ ก็มาหาเรา 46 ไม่มีใครได้เห็นพระบิดา นอกจากผู้ที่มาจากพระเจ้า 47 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็มีชีวิตนิรันดร 48 เราเป็นปังแห่งชีวิต 49 บรรพบุรุษของท่านทั้งหลายได้กินมานนาในถิ่นทุรกันดาร แล้วยังตาย 50 แต่ปังที่ลงมาจากสวรรค์เป็นอย่างนี้ คือผู้ที่กินปังนี้แล้วจะไม่ตาย 51เราเป็นปังทรงชีวิต ที่ลงมาจากสวรรค์ ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป และปังที่เราจะให้นี้ คือเนื้อของเรา เพื่อให้โลกมีชีวิต'" 52 ชาวยิวจึงเถียงกันว่า 'คนนี้เอาเนื้อของตนให้เรากินได้อย่างไร?' 53 พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กินเนื้อของบุตรแห่งมนุษย์ และไม่ดื่มโลหิตของเขา ท่านจะไม่มีชีวิตในตนเอง 54 ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา ก็มีชีวิตนิรันดร เราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย 55 เพราะว่าเนื้อของเราเป็นอาหารแท้และโลหิตของเราเป็นเครื่องดื่มแท้ 56 ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเราก็ดำรงอยู่ในเราและเราก็ดำรงอยู่ในเขา 57 พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่งเรามาและเรามีชีวิตเพราะพระบิดาฉันใดผู้ที่กินเนื้อของเรา จะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น 58 นี่คือปังที่ลงมาจากสวรรค์ไม่เหมือนปังที่บรรดาบรรพบุรุษได้กินแล้วยังตายผู้ที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป" 59 พระองค์ตรัสเช่นนี้ขณะที่ทรงสอนในศาลาธรรมที่เมืองคาเปอรนาอุม 60 เมื่อศิษย์หลายคนได้ยินพระองค์ตรัสดังนี้ ได้กล่าวว่า 'ถ้อยคำนี้ขัดหูจริง ใครจะฟังได้?' 61 พระเยซูเจ้าทรงทราบโดยพระองค์ว่าบรรดาศิษย์กำลังบ่นกันถึงเรื่องนี้ จึงตรัสกับเขาว่า 'เรื่องนี้ทำให้ท่านสะดุดใจหรือ? 62 แล้วถ้าท่านจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์กลับขึ้นสู่สถานที่ที่เคยอยู่แต่ก่อนเล่า ท่านจะว่าอย่างไร? 63 'พระจิตเจ้าเป็นผู้ประทานชีวิตลำพังมนุษย์ทำอะไรไม่ได้วาจาที่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้น ให้ชีวิต เพราะมาจากพระจิตเจ้า 64 "'แต่บางท่านไม่เชื่อ'" พระเยซูเจ้าทรงทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้ใดไม่เชื่อ และผู้ใดจะทรยศต่อพระองค์ 65 พระองค์ตรัสต่อไปว่า 'เพราะฉะนั้น เราจึงได้บอกท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ใดมาหาเราได้ เว้นแต่ผู้ที่พระบิดาประทานให้เขามา' 66 หลังจากนั้น ศิษย์หลายคนได้เปลี่ยนใจ ไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป เปโตรประกาศความเชื่อ 67 พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับอัครสาวกทั้งสิบสองคนว่า 'ท่านทั้งหลายอยากจะไปด้วยหรือ?' 68 ซีโมน เปโตรทูลตอบว่า 'พระเจ้าข้า พวกเราจะไปหาใครเล่า? พระองค์ทรงมีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร 69 พวกเราเชื่อ และรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า' 70 พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า 'เราได้เลือกท่านทั้งสิบสองคนมิใช่หรือ? แต่คนหนึ่งเป็นปิศาจ' 71 พระองค์ทรงหมายถึงยูดาส บุตรของซีโมน อิสคาริโอท ซึ่งเป็นคนหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน แต่เขาจะทรยศต่อพระองค์
คำปราศรัยของพระเยซูเจ้าในศาลาธรรมที่เมืองคาเปอรนาอุม 22 วันรุ่งขึ้น ประชาชนที่ยังอยู่บนฝั่งโน้น สังเกตเห็นว่า มีเรืออยู่ที่นั่นเพียงลำเดียว และจำได้ว่าพระเยซูเจ้ามิได้เสด็จลงเรือไปกับบรรดาศิษย์ บรรดาศิษย์ได้ไปกันตามลำพังเท่านั้น 23 แต่เรือลำอื่นจากเมืองทีเบเรียสได้มายังสถานที่ที่พวกเขาได้กินขนมปัง 24 เมื่อประชาชนเห็นว่าทั้งพระเยซูเจ้า และบรรดาศิษย์ไม่ได้อยู่ที่นั่นอีก ก็พากันลงเรือเหล่านั้น มุ่งไปที่เมืองคาเปอรนาอุมเพื่อตามหาพระเยซูเจ้า 25 เมื่อได้พบพระองค์ที่ฟากโน้นแล้ว จึงทูลถามว่า 'พระอาจารย์ ท่านมาที่นี่เมื่อไร?' 26 พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า"เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านแสวงหาเรา มิใช่เพราะได้เห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ แต่เพราะได้กินขนมปังจนอิ่ม 27 อย่าขวนขวายหาอาหารที่กินแล้วเสื่อมสลายไป แต่จงหาอาหารที่คงอยู่และนำชีวิตนิรันดรมาให้ อาหารนี้บุตรแห่งมนุษย์จะประทานให้แก่ท่าน เพราะพระเจ้าพระบิดาทรงประทับตรารับรองบุตรแห่งมนุษย์ไว้แล้ว" 28 เขาเหล่านั้นจึงทูลว่า 'พวกเราจะต้องทำอะไรเพื่อให้กิจการของพระเจ้าสำเร็จ?' 29 พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า 'กิจการของพระเจ้าก็คือให้ท่านทั้งหลายเชื่อในผู้ที่พระองค์ทรงส่งมา' 30 ประชาชนจึงทูลถามว่า 'ท่านกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์อันใดเพื่อพวกเราจะได้เห็น และจะได้เชื่อในท่าน? ท่านทำอะไรเล่า? 31 บรรพบุรุษของเราได้กินมานนาiในถิ่นทุรกันดาร ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า พระองค์ประทานขนมปังจากสวรรค์ให้เขากิน' 32 พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มิใช่โมเสสที่ให้ขนมปังจากสวรรค์แก่ท่าน แต่เป็นพระบิดาของเราที่ประทานขนมปังแท้จากสวรรค์ให้ท่าน 33 เพราะว่าขนมปังของพระเจ้า คือขนมปังซึ่งลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้แก่โลก" 34 ประชาชนจึงทูลว่า 'นายขอรับ โปรดให้ขนมปังนี้แก่พวกเราเสมอเถิด' 35 พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า "เราเป็นปังแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว และผู้ที่เชื่อในเราจะไม่กระหายอีกเลย 36 เราได้บอกท่านทั้งหลายแล้วว่า ท่านเห็นเราแล้ว แต่ไม่เชื่อ 37 ทุกคนที่พระบิดาทรงมอบให้เรา จะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ผลักไสไปเลย 38 เพราะว่าเราลงมาจากสวรรค์ มิใช่เพื่อทำตามใจของเรา แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา 39 พระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามาก็คือ เราจะไม่สูญเสียผู้ใด ที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เราเลย แต่จะให้ผู้นั้นกลับคืนชีพในวันสุดท้าย 40 พระประสงค์ของพระบิดาของเราก็คือ ทุกคนที่เห็นพระบุตร แล้วเชื่อในพระบุตร จะมีชีวิตนิรันดร และเราจะให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย" 41 ชาวยิววิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับพระเยซูเจ้า ที่ได้ตรัสว่า 'เราเป็นปังซึ่งลงมาจากสวรรค์' 42 เขาพูดกันว่า 'คนคนนี้ไม่ใช่ เยซู บุตรของโยเซฟหรือ เรารู้จักทั้งบิดาและมารดาของเขาดี แล้วเขาพูดได้อย่างไรว่า "เราลงมาจากสวรรค์?"' 43 พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า 'เลิกวิจารณ์กันเสียทีเถิด' 44 "'ไม่มีใครมาหาเราได้ นอกจากพระบิดาผู้ทรงส่งเรามาจะทรงชักนำเขาและเราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย 45 มีเขียนไว้ในหนังสือของบรรดาประกาศกว่า ทุกคนจะได้รับคำสอนจากพระเจ้า ทุกคนที่ได้ฟังพระบิดา และเรียนรู้จากพระองค์ ก็มาหาเรา 46 ไม่มีใครได้เห็นพระบิดา นอกจากผู้ที่มาจากพระเจ้า 47 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็มีชีวิตนิรันดร 48 เราเป็นปังแห่งชีวิต 49 บรรพบุรุษของท่านทั้งหลายได้กินมานนาในถิ่นทุรกันดาร แล้วยังตาย 50 แต่ปังที่ลงมาจากสวรรค์เป็นอย่างนี้ คือผู้ที่กินปังนี้แล้วจะไม่ตาย 51เราเป็นปังทรงชีวิต ที่ลงมาจากสวรรค์ ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป และปังที่เราจะให้นี้ คือเนื้อของเรา เพื่อให้โลกมีชีวิต'" 52 ชาวยิวจึงเถียงกันว่า 'คนนี้เอาเนื้อของตนให้เรากินได้อย่างไร?' 53 พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กินเนื้อของบุตรแห่งมนุษย์ และไม่ดื่มโลหิตของเขา ท่านจะไม่มีชีวิตในตนเอง 54 ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา ก็มีชีวิตนิรันดร เราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย 55 เพราะว่าเนื้อของเราเป็นอาหารแท้และโลหิตของเราเป็นเครื่องดื่มแท้ 56 ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเราก็ดำรงอยู่ในเราและเราก็ดำรงอยู่ในเขา 57 พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่งเรามาและเรามีชีวิตเพราะพระบิดาฉันใดผู้ที่กินเนื้อของเรา จะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น 58 นี่คือปังที่ลงมาจากสวรรค์ไม่เหมือนปังที่บรรดาบรรพบุรุษได้กินแล้วยังตายผู้ที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป" 59 พระองค์ตรัสเช่นนี้ขณะที่ทรงสอนในศาลาธรรมที่เมืองคาเปอรนาอุม 60 เมื่อศิษย์หลายคนได้ยินพระองค์ตรัสดังนี้ ได้กล่าวว่า 'ถ้อยคำนี้ขัดหูจริง ใครจะฟังได้?' 61 พระเยซูเจ้าทรงทราบโดยพระองค์ว่าบรรดาศิษย์กำลังบ่นกันถึงเรื่องนี้ จึงตรัสกับเขาว่า 'เรื่องนี้ทำให้ท่านสะดุดใจหรือ? 62 แล้วถ้าท่านจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์กลับขึ้นสู่สถานที่ที่เคยอยู่แต่ก่อนเล่า ท่านจะว่าอย่างไร? 63 'พระจิตเจ้าเป็นผู้ประทานชีวิตลำพังมนุษย์ทำอะไรไม่ได้วาจาที่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้น ให้ชีวิต เพราะมาจากพระจิตเจ้า 64 "'แต่บางท่านไม่เชื่อ'" พระเยซูเจ้าทรงทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้ใดไม่เชื่อ และผู้ใดจะทรยศต่อพระองค์ 65 พระองค์ตรัสต่อไปว่า 'เพราะฉะนั้น เราจึงได้บอกท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ใดมาหาเราได้ เว้นแต่ผู้ที่พระบิดาประทานให้เขามา' 66 หลังจากนั้น ศิษย์หลายคนได้เปลี่ยนใจ ไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป เปโตรประกาศความเชื่อ 67 พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับอัครสาวกทั้งสิบสองคนว่า 'ท่านทั้งหลายอยากจะไปด้วยหรือ?' 68 ซีโมน เปโตรทูลตอบว่า 'พระเจ้าข้า พวกเราจะไปหาใครเล่า? พระองค์ทรงมีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร 69 พวกเราเชื่อ และรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า' 70 พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า 'เราได้เลือกท่านทั้งสิบสองคนมิใช่หรือ? แต่คนหนึ่งเป็นปิศาจ' 71 พระองค์ทรงหมายถึงยูดาส บุตรของซีโมน อิสคาริโอท ซึ่งเป็นคนหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน แต่เขาจะทรยศต่อพระองค์
เปโตรประกาศความเชื่อ 67 พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับอัครสาวกทั้งสิบสองคนว่า 'ท่านทั้งหลายอยากจะไปด้วยหรือ?' 68 ซีโมน เปโตรทูลตอบว่า 'พระเจ้าข้า พวกเราจะไปหาใครเล่า? พระองค์ทรงมีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร 69 พวกเราเชื่อ และรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า' 70 พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า 'เราได้เลือกท่านทั้งสิบสองคนมิใช่หรือ? แต่คนหนึ่งเป็นปิศาจ' 71 พระองค์ทรงหมายถึงยูดาส บุตรของซีโมน อิสคาริโอท ซึ่งเป็นคนหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน แต่เขาจะทรยศต่อพระองค์