พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น
    ยอห์น บทที่ 7   JOHN Chapter 7

    IV. การฉลองเทศกาลอยู่เพิง

    พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมฉลอง

      1 หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี พระองค์ไม่ทรงพระประสงค์จะเสด็จไปทั่วแคว้นยูเดียเพราะชาวยิวกำลังพยายามจะฆ่าพระองค์
      2 งานฉลองเทศกาลอยู่เพิงของชาวยิวใกล้เข้ามาแล้ว
      3 บรรดาพี่น้องของพระองค์กล่าวกับพระองค์ว่า "จงออกจากที่นี่ เดินทางไปในแคว้นยูเดียเถิด เพื่อบรรดาศิษย์ของท่านจะเห็นกิจการที่ท่านกระทำด้วย
      4 ไม่มีใครทำอะไรอย่างลับๆ ถ้าต้องการให้ทุกคนรู้จัก ถ้าท่านกำลังทำกิจการเหล่านี้อยู่ ก็จงสำแดงตนให้โลกเห็นเถิด"
      5 แม้แต่พี่น้องของพระองค์ก็ไม่เชื่อในพระองค์
      6 พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า "เวลาของเรายังมาไม่ถึง แต่เวลาของท่านทั้งหลายนั้นพร้อมอยู่เสมอ
      7 โลกไม่สามารถเกลียดชังท่าน แต่โลกเกลียดชังเรา เพราะเราเป็นพยานยืนยันว่า กิจการของโลกนั้นชั่วร้าย
      8 ท่านทั้งหลายจงขึ้นไปร่วมงานฉลองกันเถิด เราจะไม่ขึ้นไปร่วมงานฉลองนี้ เพราะเวลาของเรายังไม่ครบกำหนด"
      9 เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ยังประทับอยู่ในแคว้นกาลิลีต่อไป
      10 อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บรรดาพี่น้องของพระองค์ขึ้นไปร่วมงานฉลองแล้ว พระองค์ได้เสด็จขึ้นไปด้วย อย่างลับๆไม่ทรงพระประสงค์จะให้ผู้ใดเห็น
      11 ในระหว่างงานฉลอง ชาวยิวพยายามแสวงหาพระองค์พูดกันว่า "คนนั้นอยู่ที่ไหน?"
      12 ประชาชนซุบซิบกันมากถึงพระองค์ บางคนว่า "เขาเป็นคนดี" บางคนว่า "ไม่ใช่ เขาหลอกลวงประชาชนต่างหาก"
      13 แต่ก็ไม่มีผู้ใดพูดถึงพระองค์อย่างเปิดเผย เพราะกลัวชาวยิว
      14 เมื่อเทศกาลฉลองผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว พระเยซูเจ้าได้เสด็จขึ้นไปยังพระวิหาร และเริ่มเทศน์สอน
      15 ชาวยิวต่างประหลาดใจ กล่าวว่า "ผู้นี้รู้พระคัมภีร์ได้อย่างไร? เพราะไม่เคยศึกษาในสำนักใดเลย"
      16 พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า"คำสอนของเราไม่ใช่ของเราแต่เป็นของพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา
      17 ผู้ใดต้องการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าผู้นั้นจะรู้ว่าคำสอนนี้มาจากพระเจ้าหรือว่าข้าพเจ้ากล่าวตามใจตนเอง
      18 ผู้ที่กล่าวตามใจตนเองย่อมแสวงหาเกียรติของตนแต่ผู้ที่แสวงหาพระสิริรุ่งโรจน์ของผู้ทรงส่งเขามาย่อมพูดความจริงและไม่มีความทุจริตแต่อย่างใด
      19 โมเสสได้ให้ธรรมบัญญัติแก่ท่านทั้งหลายมิใช่หรือ?ถึงกระนั้น ไม่มีท่านคนใดปฏิบัติตามธรรมบัญญัตินั้น!"ทำไมท่านจึงพยายามจะฆ่าเรา?"
      20 ประชาชนตอบว่า "ท่านบ้าไปแล้ว! ใครพยายามจะฆ่าท่าน?"
      21 พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า "เราได้กระทำเพียงกิจการเดียว และท่านทุกคนก็แปลกใจ
      22 โมเสสได้กำหนดให้ท่านเข้าสุหนัต -โดยแท้จริงแล้ว พิธีสุหนัตไม่ได้มาจากโมเสส แต่มาจากบรรพบุรุษ- และท่านก็ทำพิธีสุหนัตในวันสับบาโตด้วย
      23 ถ้ามนุษย์รับพิธีสุหนัตในวันสับบาโตได้ โดยไม่ละเมิดธรรมบัญญัติของโมเสส ทำไมท่านจึงโกรธ ที่เราได้รักษาคนทั้งตัวให้หายจากโรคในวันสับบาโตเล่า?
      24 อย่าตัดสินตามที่เห็น แต่จงตัดสินตามความยุติธรรมเถิด"

      ประชาชนถกเถียงกันเรื่องต้นกำเนิดของพระเมสสิยาห์

      25 ชาวเยรูซาเล็มบางคนกล่าวว่า "คนนี้มิใช่หรือที่เขาพยายามจะฆ่า?
      26 ดูซิ คนนี้กำลังพูดอย่างเปิดเผย และไม่มีใครพูดอะไรกับเขา! หรือว่าบางทีบรรดาหัวหน้าคงiยอมรับว่าเขาเป็นพระคริสต์?
      27 แต่พวกเราทราบว่าคนนี้มาจากไหน ส่วนพระคริสต์นั้น เมื่อเสด็จมา ไม่มีใครทราบว่าพระองค์เสด็จมาจากไหน?"
      28 ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงสอนในพระวิหาร พระองค์ทรงประกาศเสียงดังว่า "ท่านทั้งหลายรู้จักเรา และทราบว่าเรามาจากไหน เราไม่ได้มาตามใจตนเอง พระองค์ผู้ทรงส่งเรามาทรงสัจจะ ท่านไม่รู้จักพระองค์
      29 แต่เรารู้จักพระองค์ เพราะเรามาจากพระองค์ และพระองค์ทรงส่งเรามา
      30 คนเหล่านั้นพยายามจับกุมพระองค์ แต่ไม่มีใครกล้าจับ เพราะเวลาของพระองค์ยังมาไม่ถึง

      พระเยซูเจ้าทรงทำนายว่าจะทรงจากไป

      31 ประชาชนจำนวนมากเชื่อในพระองค์ กล่าวว่า "เมื่อพระคริสตเจ้าเสด็จมา พระองค์จะทรงทำเครื่องหมายอัศจรรย์มากกว่าที่ผู้นี้ได้ทำหรือ?"
      32 ชาวฟาริสีได้ยินประชาชนวิจารณ์เรื่องเหล่านี้เกี่ยวกับพระองค์ จึงร่วมมือกับบรรดามหาสมณะส่งยามรักษาพระวิหารไปจับกุมพระองค์
      33 พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า "เรายังอยู่กับท่านอีกไม่นาน แล้วเราจะกลับไปหาพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา
      34 ท่านทั้งหลายจะแสวงหาเรา แต่จะไม่พบ เราอยู่ที่ไหน ท่านไม่สามารถไปได้
      35 ชาวยิวจึงกล่าวกันว่า "คนนี้กำลังจะไปไหนเราจึงไม่สามารถพบเขาได้? เขาตั้งใจจะไปหาชาวยิวที่กระจัดกระจายอยู่ระหว่างชาวกรีก และตั้งใจไปสอนชาวกรีกหรือ?
      36 เขาหมายถึงอะไรเมื่อกล่าวว่า "ท่านทั้งหลายจะแสวงหาเรา แต่จะไม่พบ เราอยู่ที่ไหน ท่านไม่สามารถไปได้?"

      พระเยซูเจ้าทรงสัญญาจะประทานน้ำที่ให้ชีวิต

      37 ในวันสุดท้ายของเทศกาลอยู่เพิงซึ่งเป็นวันสำคัญที่สุด พระเยซูเจ้าทรงยืนและทรงประกาศเสียงดังว่า "ผู้ใดกระหาย จงมาหาเราเถิด!
      38 ผู้ที่เชื่อในเรา จงดื่มเถิด! ตามที่พระคัมภีร์กล่าวว่า "ลำธารที่ให้ชีวิตจะไหลออกมาจากภายในผู้นั้น""
      39 พระเยซูเจ้าตรัสดังนี้หมายถึงพระจิตเจ้า ซึ่งผู้ที่เชื่อในพระองค์จะได้รับ แต่เวลานั้นพระเจ้ายังมิได้ประทานพระจิตเจ้าให้ เพราะพระเยซูเจ้ายังมิได้รับพระสิริรุ่งโรจน์

      ประชาชนโต้เถียงกันอีกเรื่องต้นกำเนิดของพระเมสสิยาห์

      40 เมื่อประชาชนบางคนได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสพระวาจานี้ จึงกล่าวว่า "คนนี้เป็นประกาศกจริงๆ"
      41 บางคนกล่าวว่า "คนนี้เป็นพระคริสตเจ้า" บางคนกล่าวว่า "พระคริสตเจ้าจะมาจากแคว้นกาลิลีได้หรือ?
      42 พระคัมภีร์มิได้กล่าวหรือว่า พระคริสตเจ้าจะต้องมาจากเชื้อพระวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดและจากเมืองเบธเลเฮม หมู่บ้านที่กษัตริย์ดาวิดเคยอยู่"
      43 ประชาชนจึงมีความคิดเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับพระองค์
      44 บางคนต้องการจับกุมพระองค์ แต่ไม่มีใครกล้า
      45 ทหารยามรักษาพระวิหารได้กลับมาหาบรรดามหาสมณะและชาวฟาริสี ซึ่งถามเขาว่า "ทำไมท่านทั้งหลายไม่ได้นำเขามาด้วยเล่า?"
      46 ทหารยามจึงตอบว่า "ไม่มีมนุษย์ผู้ใดพูดจาเหมือนกับชายผู้นี้เลย"
      47 ชาวฟาริสีกล่าวว่า "ท่านทั้งหลายถูกเขาหลอกลวงไปแล้วหรือ?
      48 มีหัวหน้าหรือชาวฟาริสีคนใดบ้างที่เชื่อเขา?
      49 แต่ประชาชนเหล่านี้ที่ไม่รู้เรื่องธรรมบัญญัติ ก็ถูกสาปแช่งอยู่แล้ว"
      50 ชาวฟาริสีคนหนึ่งชื่อนิโคเดมัส -ที่เคยไปหาพระเยซูเจ้าก่อนหน้านั้น-ได้กล่าวกับเขาว่า
      51 "ธรรมบัญญัติของพวกเราไม่ตัดสินลงโทษผู้ใดโดยที่มิได้ฟังคำให้การของผู้นั้นและไม่รู้ว่าเขาทำอะไรเสียก่อน?"
      52 เขาเหล่านั้นจึงกล่าวตอบว่า "ท่านก็มาจากแคว้นกาลิลีด้วยหรือ? จงค้นคว้าดูเถิด แล้วจะเห็นว่าไม่มีประกาศกเกิดขึ้นจากแคว้นกาลิลีเลย"
      53 แล้วทุกคนได้กลับบ้าน


            
    [ความรู้ทั่วไป] [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21]