หัวข้อ : การล่มสลายของกอนโดลิน (The Fall of Gondolin) ข้อความ : ครั้งนี้เสร็จเร็วมาก ทำให้มีกำลังใจแปลบทต่อไป ^_^ เอ้า.. ิเชิญชมจ้า... --------------------------------------------- The Fall of Gondolin แปลและเรียบเรียงจาก The Silmarillion 2nd Edition, Chapter 23 : of Tuor and The Fall of Gondolin หลังจากฮูออร์ (Huor) น้องชายของฮูริน (Hurin) ได้สิ้นชีพในสงครามแห่งความวิปโยค (The Battle of Unnumbered Tears) ฤดูหนาวปีเดียวกันนั้น ริอาน (Rian) ภรรยาของฮูออร์ก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายในดินแดนรกร้างของมิธริม (Mithrim) เขาได้รับนามว่าทูออร์ (Tuor) เด็กชายตัวน้อยได้รับการเลี้ยงดูจากอานแนล (Annael) เกรย์เอล์ฟแห่งมิธริม เมื่อทูออร์อายุได้สิบหกปี เหล่าเอล์ฟได้พากันละทิ้งถ้ำแห่งอานดรอธ (Androth) และมุ่งหน้าลงใต้ไปยังท่าเรือแห่งซิริออน (The Havens of Sirion) แต่ระหว่างทาง พวกเขาถูกโจมตีโดยพวกออร์คและพวกอีสเตอร์ลิงก์ [Note : อีสเตอร์ลิงก์ (Easterlings) เป็นอนารยชนกลุ่มหนึ่ง มีผิวดำ นิสัยโหดร้าย รับจ้างฆ่าคนในสงครามต่างๆ ตกอยู่ใต้อาณัติของมอร์กอธเพื่อแลกกับดินแดนฮิธลุม (Hithlum)] ทูออร์ถูกจับไปเป็นทาสของลอร์กัน (Lorgan) หัวหน้าของพวกอีสเตอร์ลิงก์ในฮิธลุม เขาถูกจับกุมอยู่นานสามปี ก็หนีออกมาจากฮิธลุมได้ และทำร้ายพวกอีสเตอร์ลิงก์ไปเป็นจำนวนมาก จนลอร์กันตั้งค่าหัวของเขาไว้สูง ทูออร์หนีกลับไปยังถ้ำอานดรอธและอยู่ที่นั่นเพียงลำพังนานถึงสี่ปี ครั้นแล้วอุลโม (Ulmo) เทพแห่งสมุทรได้ดลใจให้ทูออร์ละแผ่นดินเกิดเสีย ด้วยทรงเลือกให้ทูออร์เป็นทูตนำสารของพระองค์ ทูออร์เดินทางออกจากมิธริมมาทางตะวันตก ข้ามแผ่นดินดอร์โลมิน (Dor-lomin) มาจนถึง Annon-in-Galydh ทวาราแห่งโนลดอร์ (The Gate of the Noldor) ที่ซึ่งผู้คนของทูร์กอนเคยอยู่มาก่อนในแถบเนฟราสท์ (Nevrast) ก่อนจะอพยพไปยังกอนโดลิน ณ ที่นั้นมีอุโมงค์ทอดอยู่ใต้ภูเขา นำไปสู่ Cirith Ninniach หรือช่องแยกแห่งสายรุ้ง (The Rainbow Cleft) ที่ซึ่งเกิดวังกระแสน้ำวนก่อนจะไปสู่ทะเลตะวันตก จากนั้นทูออร์ได้เข้าสู่เนฟราสต์ และได้ยลทะเลเบเลแกร์ (Belegaer) อันเลื่องลือ ทูออร์อยู่ที่เนฟราสต์ตลอดฤดูร้อน เวลานั้นอวสานของนาร์โกธรอนด์กำลังคืบคลานเข้ามา จวบจนกระทั่งฤดูใบไม้ร่วง ทูออร์ได้เห็นฝูงหงส์เจ็ดตัวบินลงใต้ เขาตระหนักถึงสัญญาณนั้นและเดินทางลงใต้เลียบตามชายฝั่ง จนมาถึงโถงแห่งวินยามาร์ (hall of Vinyamar) ที่ใต้ภูเขาทาราส (Mount Taras) ที่นั่นเขาได้พบโล่ห์ เกราะ ดาบ และหมวก ซึ่งทูร์กอนได้เก็บไว้ตามบัญชาของเทพอุลโมเมื่อนานมาแล้ว ทูออร์แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายเหล่านั้น แล้วออกมาที่ริมฝั่งทะเล พลันก็บังเกิดลมพายุขึ้น และเทพอุลโมได้ปรากฏองค์ขึ้นต่อหน้าเขา ทรงรับสั่งให้เขาเดินทางไปยังกอนโดลิน แล้วประทานเสื้อคลุมแก่เขาสำหรับพรางตาจากอริศัตรู เมื่อพายุสงบลง ทูออร์ได้พบเอล์ฟตนหนึ่งที่ริมกำแพงแห่งวินยามาร์ เขาคือโวรอนเว (Voronwe) บุตรแห่งอารานเว (Aranwe) แห่งอาณาจักรกอนโดลิน ผู้ซึ่งเดินทางไปยังตะวันตกกับเหล่าเอล์ฟ แต่ถูกพายุระหว่างทาง และเทพอุลโมนำเขามาส่งขึ้นฝั่งที่นี่ เพื่อให้นำทางทูออร์เข้าสู่กอนโดลิน โวรอนเวรับบัญชาด้วยความพิศวง และทั้งสองก็ได้ออกเดินทางไปยังทิศตะวันออก ตามไหล่เขาของเทือกเขาแห่งเงา (The Mountains of Shadow) จาก : สาวน้อยร้อยแปด - 26/09/2002 18:36 |
ข้อความ : เมื่อมาถึงบึงอิฟริน (Ivrin) ซึ่งถูกทำลายโดยมังกรเกลารุง (Glaurung) ขณะที่ทั้งสองมองภาพบึงด้วยความสลดใจ ก็มีชายผู้หนึ่งแต่งกายชุดดำและสะพายดาบสีดำ มุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนืออย่างเร่งรีบ แต่ทั้งสองมิได้ใส่ใจว่าบุคคลนั้นเป็นใคร แล้วพวกเขาก็เดินทางต่อไป
ทั้งสองเดินทางมาจนถึงประตูลับของอาณาจักรกอนโดลิน ลอดผ่านอุโมงค์ไปจนถึงประตูชั้นใน แต่แล้วก็ถูกจับโดยเอล์ฟผู้ปกป้องเส้นทาง นำตัวไปส่งแก่เอ็กเธลิออน (Ecthelion) แห่งสกุลเฟาน์เทน (Fountain) แต่เมื่อทูออร์ปลดเสื้อคลุมออก เครื่องแต่งกายและอาวุธของเขาเป็นที่ประจักษ์ว่าเขาถูกส่งมาโดยเทพอุลโม ดังนั้นทูออร์จึงได้รับอนุญาตให้เข้าสู่นคร ทูออร์มองลงไปยังหุบเขาทุมลาเดน (Tumladen) ดุจอัญมณีสีเขียวท่ามกลางขุนเขา Amon Gwareth โค้งโอบนคร กอนโดลินอันเกรียงไกร! นครสัตตนาม! ที่ซึ่งความรุ่งโรจน์เรืองนามเป็นที่ร่ำลือในบทเพลงขับขานของเอล์ฟทั้งปวงในฮิธเธอร์แลนด์ (Hither Lands) ทูออร์ถูกนำไปยังหอคอยกษัตรา (The Tower of the King) และได้ยลภาพเสมือนของพฤกษาแห่งวาลินอร์ จากนั้นทูออร์จึงได้เข้าเฝ้ากษัตริย์ทูร์กอน โอรสแห่งฟิงโกลฟิน (Fingolfin) High King of Noldor เบื้องขวาของพระองค์คือแมกลิน (Maeglin) ผู้เป็นนัดดา และเบื้องซ้ายคืออิดริล เคเลบรินดัล (Idril Celebrindal) ผู้เป็นธิดา ผู้ได้ยินเสียงของทูออร์ล้วนประหลาดใจ ว่านี่หรือคือคำของมนุษย์ ด้วยวาจานั้นเป็นพระดำรัสของเทพอุลโม ทรงเตือนทูร์กอนถึงคำสาปแห่งมานดอส และว่าเวลานั้นใกล้หมดลงแล้ว จงเร่งละทิ้งแผ่นดินเสีย แล้วเร่งมุ่งหน้าไปยังทะเลซิริออนโดยเร็ว แต่ทูร์กอนภาคภูมิใจในนคร ปลาบปลื้มกับความยิ่งใหญ่ของกอนโดลิน ทั้งยังเชื่อมั่นในความเร้นลับของอาณาจักร ที่เป็นเสมือนตำนานเล่าขานกันในภายนอกนั้น ไม่มีทางที่มอร์กอธจักค้นพบได้ เขาจึงเพิกเฉยต่อคำเตือนของเทพอุลโม และแมกลินก็คัดค้านคำพูดของทูออร์ ซึ่งเป็นที่ถูกใจของทูร์กอนนัก แต่ถึงกระนั้น ความหวาดกลัวก็ยังจับในจิตใจ ทูร์กอนสั่งให้ปิดเส้นทางเข้าออกทั้งหมด และข่าวที่ได้รับก็มาจากธอรอนดอร์พญาอินทรีเท่านั้น ข่าวการล่มสลายของนาร์โกธรอนด์ การสิ้นพระชนม์ของธิงโกลและดิออร์ ทายาทของพระองค์ การล่มสลายของโดเรียธ สิ่งเหล่านี้ทูร์กอนไม่ยอมฟัง ไม่ยอมรับรู้ ทั้งยังประกาศไม่ยอมร่วมการเดินทางกับโอรสแห่งเฟอานอร์ และประชากรของกอนโดลินถูกสั่งห้ามเดินทางข้ามขุนเขาเป็นอันขาด ทูออร์จึงพำนักอยู่ในกอนโดลิน เรียนรู้และหลงรักสติปัญญาและความงดงามของอารยธรรมนี้ ทูออร์เติบโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น และในระหว่างเวลาเหล่านี้ ความรักก็บังเกิดขึ้นระหว่างทูออร์กับอิดริล เคเลบรินดัล ขณะเดียวกันก็เพิ่มความริษยาอาฆาตแก่แมกลิน ซึ่งประสงค์ในดวงใจของอิดริล ทายาทเพียงคนเดียวของทูร์กอนเช่นกัน แต่ทูร์กอนนับวันก็โปรดปรานทูออร์มากขึ้น จวบจนเจ็ดปีผ่านไป ทรงวางพระทัยประทานทุกสิ่งแก่ทูออร์รวมถึงอิดริล เคเลบรินดัล ด้วยแม้จะไม่ฟังคำเตือนของเทพอุลโม ทูร์กอนก็รู้สึกว่า ชะตาของโนลดอร์จักขึ้นอยู่กับทูตนำสารของเทพอุลโมคนนี้ และเขายังไม่ลืมคำของฮูออร์ที่ได้กล่าวแก่เขาในสงครามแห่งความวิปโยคเมื่อครั้งนั้น ฤดูใบไม้ผลิปีถัดมา ในปีที่ 503 หลังการกลับมาสู่มัชฌิมโลกของโนลดอร์ อิดริลก็ให้กำเนิด Halfelven เออาเรนดิล (Earendil) ผู้สง่างาม ใบหน้าสว่างสดใสดุจแสงจากสวรรค์ เฉลียวฉลาดงดงามด้วยสายเลือดมารดา และเข้มแข็งอดทนด้วยสายเลือดบิดา จาก : สาวน้อยร้อยแปด - 26/09/2002 18:38 |
ข้อความ : กอนโดลินยังคงสงบสุข ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะถูกมอร์กอธค้นพบได้ แม้ว่ามอร์กอธจะครอบครองอิทธิพลตั้งแต่อานาค (Anach) จนลงไปถึงซิริออน ด้วยความช่วยเหลือของธอรอนดอร์ มอร์กอธจึงยังไม่อาจค้นพบอาณาจักรนี้ แต่อิดริล เคเลบรินดัล มีปัญญาและเล็งการณ์ไกลกว่านั้น มีเมฆหมอกบางอย่างปกคลุมใจของเธอให้ข้องหมองใจอยู่เสมอ เธอจึงจัดเตรียมเส้นทางลับๆ ลอดใต้ขุนเขา Amon Gwareth ออกไปทางด้านทิศเหนือ มีผู้รู้เรื่องนี้แต่น้อย และกำชับมิให้แพร่งพรายถึงแมกลินโดยเด็ดขาด
เป็นที่รู้กันทั่วว่าแมกลินนั้นเป็นช่างฝีมือ นิยมการขุดเหมือง และมักออกไปทำงานในภูเขาหินกับคนสนิทเป็นเวลาคราวละนานๆ อยู่มาวันหนึ่ง แมกลินก็หายตัวไป เขาถูกพวกออร์คจับไปถวายมอร์กอธ แมกลินถูกจับทรมาน และในที่สุดเขาก็ขายจิตใจของวงศ์ตระกูลเสีย โดยยอมบอกตำแหน่งที่ตั้งของกอนโดลิน ตลอดจนเส้นทางเข้าออกที่ปกปิดเป็นความลับมาเนิ่นนาน มอร์กอธสัญญาจะตั้งให้เขาเป็นผู้ครองนครต่อไป พร้อมกับราชินีคู่พระทัยชื่ออิดริล เคเลบรินดัล ความริษยาที่มีต่อทูออร์ทำให้แมกลินไม่ลังเลใจที่จะทรยศเพื่อแลกกับลาภยศแลข้อเสนอนี้เลย นับเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับราชนิกูลโนลดอร์ แมกลินถูกปล่อยตัวกลับมา ให้คอยวันเวลาที่มอร์กอธจะเข้าโจมตี แล้ววันหนึ่งในปีที่เออาเรนดิลอายุได้เจ็ดปี มอร์กอธก็พร้อมจะโจมตี เขาจัดเตรียมกองทัพประกอบด้วยบัลร็อก ออร์ค และหมาป่า รวมถึงมังกรจำนวนหนึ่งที่เป็นบริวารของเกลารุงด้วย ทัพของมอร์กอธโจมตีลงมาทางทิศเหนือ อันเป็นทิศที่ภูเขาสูงที่สุด มีการตรวจตราดูแลน้อยที่สุด ในคืนแห่งความรื่นเริง ในงานเทศกาลต้อนรับคิมหันต์ เมื่อเวลาใกล้รุ่งสาง เหล่าเอล์ฟต่างพากันร้องเพลงและเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก แต่แล้วกลับได้เห็นแสงสีแดงจากทางทิศเหนือ ชาวนครไม่ได้เตรียมการป้องกันไว้ก่อน ไม่ช้ากองทัพของมอร์กอธก็เข้ายึดนครส่วนใหญ่เอาไว้ได้ แต่บรรดาผู้นำแห่งสกุลต่างๆ ก็ได้นำทัพออกต่อสู้เป็นสามารถ ไม่เว้นแม้แต่ทูออร์ มีลำนำขับขานมากมายถึง การล่มสลายของกอนโดลิน เล่าถึงการรบอันหาญกล้าระหว่างเอ็กเธลิออนกับกอธมอก (Gothmog) ลอร์ดแห่งบัลร็อก และการประจันบานที่หอคอยกษัตรา ที่ซึ่งทูร์กอนและทหารหาญได้ต่อสู้ป้องกันจนหอคอยพังทลายลง และทูร์กอนก็สิ้นพระชนม์ในซากปรักหักพังของหอคอยนั้นเอง แมกลินจับตัวอิดริลและเออาเรนดิลไว้ได้ แต่ทูออร์ก็ติดตามไปช่วยเหลือ ได้ต่อสู้กับแมกลินและจับเขาโยนลงจากกำแพงเมือง แมกลินสิ้นชีพในกองเพลิงที่เผาผลาญนครอยู่นั้นเอง ทั้งทูออร์และอิดริลช่วยกันนำพาพวกเอล์ฟ หนีออกจากนครทางเส้นทางลับที่อิดริลได้เตรียมไว้ มอร์กอธมิได้คาดถึงการหลบหนีไปทางทิศเหนือ อันเป็นทางที่สูงที่สุด ยากลำบากที่สุด และใกล้กับอังบันด์ที่สุด เวลานั้น ควันไฟจากการเผานคร ละอองไอน้ำ และเปลวไฟของมังกรปกคลุมไปทั่ว หุบเขาทุมลาเดนเต็มไปด้วยหมอกควันคละคลุ้ง ทูออร์พาผู้คนหลบหนีพ้นออกมาทางเทือกเขาด้านเหนือ การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะมีแต่ผู้บาดเจ็บ ผู้หญิง และเด็ก เส้นทางส่วนที่เหลือเปิดโล่งและอันตราย จนมาถึงช่องเขาคิริธ โธโรนาธ (Cirith Thoronath) มีเพียงทางเดินแคบๆ ทอดผ่าน ด้านขวาเป็นหน้าผาสู่ยอดเขาสูง ด้านซ้ายเป็นหุบเหวลึกที่มองไม่เห็นพื้น ในระหว่างที่เดินทางผ่านหุบเขานี้เอง พวกเขาก็ถูกโจมตีโดยพวกออร์ค ที่มอร์กอธวางกำลังไว้คอยเฝ้าเทือกเขารอบๆ โดยมีบัลร็อกอยู่ด้วยตัวหนึ่ง แต่การเดินทางผ่านช่องเขานี้ก็ผ่านไปได้โดยปลอดภัย เนื่องจากการอารักขาและการเสียสละของกลอร์ฟินเดล (Glorfindel) เอล์ฟผมทองผู้งามสง่า ผู้นำแห่งสกุลโกลเด้นฟลาวเวอร์ (Golden Flower) โดยที่ธอรอนดอร์มาช่วยไว้ไม่ทัน มีลำนำเพลงมากมายขับขานถึงการต่อสู้ระหว่างกลอร์ฟินเดลกับบัลร็อกที่ช่องเขานี้ ทั้งสองตกลงไปในความมืดมิดของหุบเหว จากนั้นเหล่าอินทรีได้มาช่วยเหลือป้องกันคณะผู้ลี้ภัย ต่อสู้กับพวกออร์คและกำจัดพวกมันได้หมด ทำให้ข่าวการลี้ภัยยังไปไม่ถึงมอร์กอธ ธอรอนดอร์ได้ลงไปนำร่างของกลอร์ฟินเดลขึ้นมา และฝังไว้ที่ข้างเส้นทางหนีภัยนั้น แล้วหญ้าสีเขียวก็งอกงามขึ้น แลดอกไม้สีทองก็ผลิบานขึ้นที่บนหลุมศพนั้น จนกระทั่งโลกได้เปลี่ยนแปลงไป จาก : สาวน้อยร้อยแปด - 26/09/2002 18:39 |
ข้อความ : ทูออร์ได้นำผู้คนหลบหนีลงมาทางใต้ จนมาถึงหุบเขาแห่งซิริออน และเดินทางต่อไปยังนาน-ทาธเรน (Nan-tathren) ดินแดนแห่งต้นวิลโลว์ (ซึ่งเป็นปากแม่น้ำนาร็อกและซิริออน) ด้วยพลังอำนาจของเทพอุลโมได้ครอบครองถึงแม่น้ำทั้งปวง ดังนั้นพวกเขาจึงได้หยุดพักผ่อนที่นี่อย่างปลอดภัย ฟื้นฟูและรักษาร่างกายให้แข็งแรงดี แต่จิตใจอันบอบช้ำและสลดหดหู่มิอาจจะรักษาได้ พวกเขาได้จัดงานเลี้ยงรำลึกถึงกอนโดลิน ถึงครอบครัว ถึงเหล่าทหารหาญ และถึงกลอร์ฟินเดลผู้เป็นที่รักยิ่ง
จากนั้นทั้งหมดจึงได้ออกจากนาน-ทาธเรน ลงใต้มาอีกจนถึงปากแม่น้ำซิริออน และได้เข้าร่วมสมทบกับชุมนุมเอล์ฟของเอลวิงก์ บุตรสาวแห่งดิออร์ ที่ได้อพยพหนีมาถึงก่อนหน้านี้ไม่นานนัก หลังจากข่าวทั้งปวงแจ้งมาถึงการล่มสลายของกอนโดลินและการสิ้นพระชนม์ของทูร์กอน เอเรนิออน กิลกาลัด (Ereinion Gil-galad) โอรสแห่งฟินกอน (Fingon) จึงได้สถาปนาเป็น High King of Noldor ต่อไป ฝ่ายมอร์กอธนั้นคิดว่าตนได้มีชัยอย่างเด็ดขาดแล้ว ทั้งกระหยิ่มใจและลำพองใจ แม้จะสูญเสียซิลมาริลไป แต่ก็ได้ทำลายล้างบุตรแห่งอิลูวาตาร์เสียสิ้น หากแต่เขามิได้ล่วงรู้ถึงกลุ่มผู้อพยพที่ปากแม่น้ำซิริออนเลย ด้วยเอล์ฟแห่งโดเรียธและกอนโดลินเหล่านั้นอยู่ภายใต้เงาของเทพอุลโม เหล่าเอล์ฟพากันต่อเรือโดยการนำของบรรดาศิษย์แห่งเคียร์ดาน (Cirdan) วาระนั้น เทพอุลโมเร่งรุดกลับไปทูลเทพราชันย์มานเว เพื่อขออภัยโทษแก่เอล์ฟเหล่านั้น และขออนุญาตให้พวกเขาได้กลับมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง เพื่อให้พ้นจากการตามล่าของมอร์กอธเสีย และบัดนี้พวกเขาก็ได้นำซิลมาริลกลับคืนมาแล้ว แต่มานเวมิได้ตรัสประการใด บ้างกล่าวว่าด้วยคำสาปของเฟอานอร์นั้นลางทีแม้นองค์มานเวเองก็มิอาจลบล้างได้ จนกว่าจะถึงกาลยุติด้วยตัวมันเอง และการที่บุตรแห่งเฟอานอร์บังอาจกล่าวอ้างถึงสิทธิ์แห่งซิลมาริลนั้นโทษใหญ่หลวงนัก ทั้งที่แสงแห่งซิลมาริลนั้นมาจากพฤกษาแห่งวาลินอร์ ซึ่งเหล่าวาลาร์นั้นเองที่เป็นผู้สร้างสรรค์ ในกาลนั้น ทูออร์เองก็ได้สร้างเรือขึ้นลำหนึ่ง ด้วยดวงใจที่โหยหาต่อทะเลของเขา เขาขนานนามเรือลำนั้นว่า เออาร์ราเม (Earrame) ซึ่งหมายถึงปีกแห่งท้องสมุทร จากนั้นเขาและอิดริลได้ออกล่องทะเลไป และไม่มีบทเพลงหรือตำนานใดกล่าวถึงพวกเขาอีก แต่ในเวลาหลังจากนั้น เป็นที่ขับขานกันว่า แต่ทูออร์เป็นมนุษย์ผู้เดียวที่ได้นับเนื่องในชาติพันธุ์ของเอลดาร์ และเขาได้ไปอยู่กับชาวโนลดอร์ที่เขารักยิ่ง และชะตาของเขาก็แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปตลอดกาล จาก : สาวน้อยร้อยแปด - 26/09/2002 18:39 |
ข้อความ : เสร็จแล้ว!!!
ทีนี้จะแปลบทไหนต่อดี เอ้า.. ให้เสียงหน่อย ^_^ จาก : สาวน้อยร้อยแปด - 26/09/2002 18:40 |
ข้อความ : ล่มยุคไหนอะ เราขี้เกียจอ่าน จาก : เราอยากรู้อะ - 19/10/2002 23:58 |
ข้อความ : ยุคที่หนึ่งจ้ะ จาก : สาวน้อยร้อยแปด - 20/10/2002 15:18 |
ข้อความ : ขอบคุณค่า จาก : เราคนเดิม - 27/10/2002 18:57 |
ข้อความ : อยากรู้เรื่องของ Turin Turambar(มนุษย์) ค่ะ โดยเฉพาะช่วงทีรู้จักกับ Bereg(เอลฟ์) ลองไปอ่านในเวบ encyclopedia of arda แล้ว คล้ายๆกับว่าทูรินเป็นลูกศิษย์ของเบเรก แต่ด้วยเคราะห์กรรมบางอย่าง ทูรินเข้าใจผิดและสังหารเบเรก
มันน่าเศร้าจนไม่อยากจะเชื่อ แถมใน encyclo.ไม่ค่อยละเอียด ถ้าคุณสาวน้อยร้อยแปดช่วยแปล จะขอบคุณมากเลยค่า จาก : หน้าใหม่ - 26/01/2003 19:22 |
ข้อความ : เรื่องของทูริน ทูรัมบาร์ อยู่ใน The Silmarillion บทที่ 21 ค่ะ อดทนรออีกนิดดดนึงนะคะ ตอนนี้ถึงบทที่ 17 แล้ว แฮ่กๆๆๆ.... จาก : สาวน้อยร้อยแปด - 27/01/2003 09:29 |