หัวข้อ : The Silmarillion : บทที่14 มหาพิภพเบเลเรียนด์
ข้อความ : บทที่14
มหาพิภพเบเลเรียนด์


ภูมิประเทศของดินแดนซึ่งชาวโนลดอร์ได้มาถึงนั้น ตั้งอยู่ทางเหนือของปริมณทลฝั่งปัจจิมของมัชฌิมโลกในยุคบรรพกาลนั้น ในที่นี้ยังได้กล่าวถึงวิถีทางอันเหล่าขุนพลแห่งเอลดาร์ได้ครอบครองดินแดนและผู้คนเหนือแว่นแคว้นแห่งมอร์กอธ ภายหลังสงครามดากอร์ อากลาเรบ ตติยยุทธแห่งมหาสงครามเบเลเรียนด์ไว้อีกด้วย


ทางทิศอุดรบนแผ่นพิภพนั้น เมลคอร์ครอบครองเทือกเขาเอเรด เองกริน ภูเขาเหล็ก เอาไว้นานมา เป็นดั่งรั้วกั้นป้อมปราการอุทุมโน เหล่านั้นตั้งตระหง่านเลียบชายแดนแห่งอาณาบริเวณอันหนาวเย็นชั่วกาล ตีวงโค้งจากบูรพาไปจรดปัจจิม เบื้องหลังกำแพงแห่งเอเรด เองกริน ในทางทิศตะวันตกซึ่งหักเหกลับไปทางเหนือนั้น เมลคอร์ได้ซุ่มสร้างป้อมปราการขึ้นมาอีกแห่ง เป็นการป้องกันการโจมตีซึ่งอาจจะมีขึ้นจากวาลินอร์ และในยามที่มันได้หวนกลับมายังมัชฌิมโลกอีกครั้ง ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วนั้น มันก็ยึดที่กบดานอยู่ในคุกหอคอยจำนวนนับไม่ถ้วนในอังบันด์ โลกันต์เหล็ก ด้วยในมหาสับประยุทธแห่งผู้ทรงพลัง เหล่าวาลาร์ได้โค่นล้มมอร์กอธลงตรงที่มั่นแห่งอุทุมโนอย่างเร่งรีบ พวกท่านมิได้ทรงทำลายอาณาจักรอังบันด์โดยราบคาบหรือค้นหาสถานที่ลับที่ซ่อนอยู่ใต้ดินให้หมดสิ้น เหนือหุบเขาเอเรด เองกริน มันจึงได้สร้างอุโมงค์ขนาดมหึมาซึ่งทอดยาวลงมาทางภูเขาทิศใต้ แล้วจึงได้สร้างทวารอันแข็งแกร่งยิ่งขึ้นที่นั่น แต่เหนือปากทวารนั้น มันได้สร้างหอคอยฟ้าคำรามแห่งธังโกโรดริม ซึ่งทำมาจากเถ้าและเศษเหล็กจากเตาหลอมใต้พื้นพิภพเอาไว้ และท่อไอเสียขนาดมหึมาออกมาจากอุโมงค์ทั้งหลายของมัน ท่อไอเสียนั้นเป็นสีดำ ตั้งอยู่โดดๆ และสูงตระหง่านจนเกินงาม ควันพิษจะพวยพุ่งออกมาจากปล่องควันเป็นสีดำสกปรกอยู่เหนือท้องฟ้าในอุตรทิศ หน้าปากทวาราแห่งอังบันด์ ความสกปรกโสมมและความหดหู่แพร่กระจายไปทางทิศใต้เป็นระยะทางหลายไมล์เหนือที่ราบกว้างแห่งอาร์ด-กาเลน แต่หลังจากการกำเนิดแห่งดวงตะวัน หญ้าก็เริ่มแตกหน่อขึ้นอย่างอุดมสมบูรณ์ และในขณะที่อังบันด์ยังถูกคุมเชิงไว้และปากทวารของมันยังคงปิดอยู่ มีสรรพสิ่งสีเขียวก่อกำเนิดขึ้นแม้ในท่ามกลางหลุมโหว่และก้อนหินแตกร่อนหน้าบานประตูแห่งอเวจี



จาก : นานานะจัง - 12/01/2003 16:04

ข้อความ : ทางด้านตะวันตกของธังโกโรดริม คือดินแดนแห่งม่านหมอก ฮิสิโลเม (Hisilome) ซึ่งได้รับการขนานนามจากชาวโนลดอร์ในภาษาของพวกเขา หมายถึงเมฆดำซึ่งมอร์กอธได้ปล่อยออกมาในคราที่พวกเขาตั้งค่ายพักเป็นครั้งแรก ในภาษาของพวกซินดาร์ซึ่งพำนักอยู่ในแคว้นนั้นเรียกว่า ฮิธลุม ที่นั่นเป็นดินแดนอันงดงามในเวลาที่การควบคุมอังบันด์จบสิ้นลง แม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นและหนาวเหน็บในเหมันตฤดู ในทางปัจจิมทิศมันเชื่อมต่อกับเทือกเขา เอเรด โลมิน ภูผาเสียงสะท้อน ซึ่งทอดตัวเลียบชายฝั่งทะเล และในบูรพาและทักษิณอยู่ติดกับเอเรด เวธริน ภูเขาเงา ซึ่งสามารถมองเห็นข้ามทุ่งราบอาร์ด-การ์เลนและหุบเขาแห่งซีรีออน




จอมราชย์ฟิงโกลฟินและฟิงกอนบุตรของเขา จับจองที่ราบฮิธลุมเอาไว้ และประชาชนของฟิงโกลฟินส่วนใหญ่ก็อาศัยอยู่บริเวณทะเลสาบมิธริมรอบๆชายฝั่งทะเลสาบใหญ่ ส่วนฟิงกอนได้รับคำสั่งให้ไปประจำอยู่ที่ ดอร์-โลมิน ซึ่งทอดตัวอยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขามิธริม หากป้อมค่ายใหญ่ของพวกเขาอยู่ที่ เอเธล ซีรีออน (Eithel Sirion) ทางตะวันออกของเอเรด เวธริน ซึ่งพวกเขาได้จัดการระวังภัยไว้ตามที่ราบ อาร์ด-กาเลน และเหล่าอาชาไนยก็ได้ควบทะยานไปรอบๆท้องทุ่งแม้แต่รอบๆเงามืดแห่งธังโกโรดริม ด้วยว่าอาชาของพวกเขานั้นได้เพิ่มจำนวนจากน้อยขึ้นเป็นมากอย่างรวดเร็ว และหญ้าแห่งอาร์ด-กาเลนนั้นช่างอุดมและเขียวขจี ในหมู่อาชาส่วนใหญ่นั้นสืบสายพันธุ์มาจากวาลินอร์ อันม้านั้นฟิงโกลฟินได้รับมาจากมายธรอสเพื่อเป็นการชดเชยการสูญเสียของท่าน ด้วยพวกเขานั้นก็คือผู้ที่นั่งนาวาไปยังเมืองลอสการ์มาก่อน



ทางตะวันตกของที่ราบดอร์-โลมิน ไกลออกมาจากภูผาเสียงสะท้อน ซึ่งแหลมทางใต้ของแหลมเดรงกิสท์นั้นทอดตัวเข้ามาด้านในแผ่นดินนั้น คือ ดินแดนเนวราสท์(Nevrast) ซึ่งหมายถึง ชายฝั่งมาถึงที่นี่ ในภาษาของซินดาริน ชื่อนั้นในตอนแรกหมายถึงดินแดนชอบชายฝั่งทะเลทางใต้ทั้งหมดของแหลม แต่หลังจากนั้นหมายถึงแต่เพียงดินแดนซึ่งมีชายฝั่งทอดยาวอยู่ระหว่างเดรงกิสท์และเมาท์ ทารัส (Mount Taras) ณ.ที่นั่นเอง เป็นถิ่นของทูร์กอนผู้ปรีชาบุตรแห่งฟิงโกลฟินอยู่เป็นเวลานาน ดินแดนซึ่งติดกับทะเลและเทือกเขาเอเรด โลมิน และเลียบเนินเขาซึ่งกลายไปเป็นเทือกผากำแพงแห่งเอเรด เวธริน ในทิศใต้ จากทะเลสาบไอวริน (Ivrin)ไปถึงเมาท์ ทารัส ซึ่งตั้งอยู่บนแหลม บ้างกล่าวว่าเนวราสท์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของเบเลเรียนด์มากกว่าฮิธลุม ด้วยว่ามันเป็นดินแดนที่ชอุ่มกว่า ชุ่มฉ่ำจากกระแสลมชื้นซึ่งพัดมาจากท้องทะเลและถูกกำบังพ้นจากความเหน็บหนาวจากลมเหนือซึ่งพัดอยู่ทั่วไปในฮิธลุม มันยังเป็นดินแดนที่ว่างเปล่า ซึ่งถูกล้อมรอบโดยเทือกเขาและยอดผาริมทะเลอันกว้างใหญ่ซึ่งชะเงื้อมสูงกว่าพื้นที่ราบเบื้องล่าง และไม่มีสายธารใดไหลผ่านที่นั่น ที่นั่นคือดินแดนบริสุทธิ์อันกว้างใหญ่ไพศาลอยู่กึ่งกลางดินแดนเนวราสท์ ถูกล้อมรอบโดยที่ลุ่มเป็นหนองบึงกว้างขวางโดยไม่มีชายฝั่งชัดเจน ดินแดนนั้นมีนามว่าลีนายเวน (Linaewen) ด้วยเหตุที่ว่ามีปักษามากมายอาศัยอยู่ด้วยว่าพวกมันรักพงอ้อและหนองน้ำตื้นๆที่นั่น ในการมาถึงของชาวโนลดอร์ มีเกรย์-เอลฟ์(คือพวกซินดาร์ เอลฟ์แห่งสนธยา-ผู้แปล) มากมายอาศัยอยู่ในดินแดนเนวราสท์เลียบชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะรอบๆเมาท์ ทารัส ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ด้วยว่าสถานที่นั้นเทพอุลโมและออสเซได้ทรงสร้างความเคยคุ้นเพื่อจะเสด็จมาในยุคเก่าก่อน แล้วทุกผู้คนต่างก็สถาปนาทูร์กอนขึ้นเป็นเจ้าครองแคว้น และแล้วชาวโนลดอร์และซินดาร์จึงได้เกี่ยวดองกันนับแต่นั้นมาอย่างรวดเร็ว พระเจ้าทูร์กอนจึงได้ทรงพำนักอยู่ในท้องพระโรงซึ่งพระองค์ได้ทรงขนานนามว่า วินยามาร์ (Vinyamar) ภายใต้เมาท์ ทารัส ริมฝั่งทะเลนั่นเอง

ทางใต้ของที่ราบอาร์ด-กาเลนคือที่ราบสูงอันกว้างใหญ่ไพศาลมีนามว่า ดอร์โธนีออน (Dorthonion) ซึ่งทอดยาวไปเป็นระยะทาง60ลีก จากทิศปัจจิมถึงบูรพา ที่นั่นมีป่าต้นสนอยู่มากมาย โดยเฉพาะฝั่งทางด้านเหนือและตะวันตก มันเติบโตขึ้นบนดินแดนอันสูงตระหง่านและวิเวกทางบริเวณอันลาดเอียงน้อยๆของทุ่งราบ ซึ่งมีบึงภูเขามากมายอยู่ตรงปลายหินภูเขา ซึ่งยอดของมันสูงเสียยิ่งกว่ายอดแหลมของเทือกเขาเอเรด เวธริน แต่ลงมาทางใต้ซึ่งหันหน้าไปทางโดเรียธ มันก็ดิ่งตัวลงเป็นหน้าผาอันตรายอย่างกระทันหัน ด้วยว่าบริเวณลาดเอียงของดอร์โธนีออน อังรอด และ อาเอกนอร์ บุตรแห่งฟินาร์ฟิน ได้ทอดสายตามองข้ามทุ่งราบแห่งอาร์ด-กาเลน และได้รับศักดิ์เป็นเสนาบดีของพี่ชายของพวกเขา ฟินรอด เจ้าผู้ครองแคว้นนาร์กอธรอนด์ ไพร่ฟ้าของพวกเขานั้นมีน้อยนัก ด้วยว่าดินแดนนั้นแห้งแล้ง และที่ราบสูงกว้างใหญ่เบื้องหลังก็เป็นป้อมปราการใหญ่ซึ่งมอร์กอธไม่สามารถข้ามมาได้โดยง่ายดาย

กึ่งกลางของดอร์โธนีออนและเทือกเขาเงา คือหุบเขาแคบๆ ซึ่งกำแพงอันสูงชันของมันถูกปกคลุมด้วยป่าสน หากหุบห้วยนั้นเขียวชอุ่มดี ด้วยว่ามีแม่น้ำซีรีออนไหลเร็วรี่ตรงไปยังเบเลเรียนด์ ฟินรอดนั้นครอบครองถนนหลักสายใหญ่แห่งซีรีออน รวมทั้งเกาะโทล ซีรีออนด้วย ตรงกึ่งกลางของแม่น้ำเขาได้สร้างหอสังเกตการณ์ขนาดใหญ่ขึ้นมาแห่งหนึ่ง เรียกนามว่า มินาส ทิริธ แต่หลังจากแคว้นนากอร์ธรอนด์ถูกสถาปนาขึ้นมาแล้ว เขาก็มอบที่นั่นเป็นฐานรักษาการใต้อำนาจของโอโรเดรธ น้องชายของเขา


จาก : นานานะจัง - 12/01/2003 16:06

ข้อความ : บัดนี้ดินแดนเบเลเรียนด์อันยิ่งใหญ่และงดงามก็ได้ทอดตัวอยู่บนฝั่งทั้งสองด้านของแม่น้ำซีรีออนที่ไหลเชี่ยวกราก ซึ่งมีชื่อเสียงอยู่ในบทเพลงซึ่งได้ขับลำนำ ณ. มหานทีเอเธล ซีรีออน และตั้งอยู่บนขอบของชายแดน อาร์ด-กาเลน ก่อนที่จะทิ้งตัวลงที่ถนนใหญ่ เริ่มเต็มเปี่ยมไปด้วยสายธารไหลมาจากภูเขา จากที่นั่นมันจะไหลผ่านไปทางใต้เป็นระยะทางถึงหนึ่งร้อยสามสิบลีก พัดพาเอาน้ำจากลำแควใหญ่ๆมากมาย จนกระทั่งแยกตัวออกไปเป็นกระแสน้ำหลากยังปากน้ำและสันดอนทรายสามเหลี่ยมที่อ่าวบาลาร์ (Balar) จากซีรีออนไปทางเหนือจรดใต้ที่นั่นคือดินแดนเบเลเรียนด์ตะวันตกและป่าเบรธิล(Brethil) อยู่ระหว่างแม่น้ำซีรีออนและแม่น้ำเทกลิน (Teiglin) และแล้วจึงถึงแคว้นนาร์กอธรอนด์ ซึ่งอยู่ระหว่างแม่น้ำเทกลินและแม่น้ำ นาร็อก (Narog) แล้วแม่น้ำนาร็อกจะไหลไปถึงสายน้ำตกแห่งไอวริน ทางด้านใต้ของเทือกเขาดอร์-โลมิน และไหลไปอีกกว่า80ลีก ก่อนที่จะไปรวมตัวกับซีรีออนที่ นัน-ทาเธร็น (Nan-tathren) ดินแดนต้นหลิว ทางทิศใต้ของ นัน-ทาเธร็นคือดินแดนแห่งเหล้าน้ำผึ้ง เต็มไปด้วยมวลบุปผา ซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากนัก และด้านหลังคือหนองบึงและเกาะเล็กๆที่มีพงอ้ออยู่รอบๆปากแม่น้ำซีรีออน และบนสามเหลี่ยมทรายก็ไร้ผู้คนอาศัยอยู่ เว้นแต่เฉพาะแต่พวกวิหคนกทะเล





แต่แคว้นนากอธรอนด์นั้นยังแผ่ขยายไปทางตะวันตกของแม่น้ำนาร็อกจนถึงแม่น้ำเนนนิ่ง (Nenning) ซึ่งเชื่อมต่อไปยังทะเลที่มีท่าเรือเอกลาเรสท์ (Eglarest) ตั้งอยู่อีกด้วย แล้วฟินรอดจึงได้ขึ้นปกครองประชาราษฏ์ชาวเอลฟ์แห่งเบเลเรียนด์ซึ่งอาศัยอยู่ระหว่างมหานทีซีรีออนและท้องทะเล ยกเว้นแต่ด้านชายฝั่งฟาลัส (Falas) เท่านั้น ซึ่งที่นั่นมีชาวซินดาร์ซึ่งยังรักในนาวา และมีเคียร์ดัน นาวากร เป็นเจ้าผู้ครองนคร เคียร์ดันและฟินรอดนั้นผูกน้ำมิตรเป็นดั่งสหายและพันธมิตร และชาวโนลดอร์เองก็ได้ยื่นมือมาช่วยสร้างท่าเรือ บริธรอมบาร์(Brithombar)และเอกลาเรสท์ขึ้นมาใหม่ เบื้องหลังกำแพงใหญ่คือนครอันงดงามและท่าเรือพร้อมสรรพด้วยท่าน้ำและสะพานเรือทำด้วยศิลา บนแหลมฝั่งตะวันตกของเอกลาเรสท์ ฟินรอดได้สร้างหอสูงแห่งบารัด นิมราส (Barad Nimras)ขึ้นมาเพื่อใช้สอดส่องทะเลปัจจิม แม้ว่าในยามนั้นจะไม่จำเป็นใดๆ ดังที่เห็นได้ในกาลต่อมา ด้วยว่ามอร์กอธมิเคยได้พยายามสร้างเรือหรือก่อสงครามขึ้นบนท้องทะเลเลยสักครั้งเดียว บริวารของมันระย่อต่อทางน้ำยิ่ง และพวกมันก็ไม่ปรารถนาจะผ่านเข้ามาในทะเลเว้นแต่ยามจำเป็นที่สุด และด้วยความช่วยเหลือของเอลฟ์แห่งท่าเรือต่างๆ ชาวแคว้นนากอธรอนด์เองก็ได้สร้างนาวาลำใหม่ๆ แล้วล่องเรือไปสำรวจเกาะแก่งกว้างใหญ่แห่งคาบสมุทรบาลาร์ คิดเตรียมการไว้เป็นที่ลี้ภัยสุดท้ายหากความชั่วร้ายมาเยือน แต่การต้องไปอาศัยอยู่ที่นั่นหาใช่ชะตาของพวกเขาไม่

ด้วยเหตุนั้นอาณาเขตแห่งฟินรอดจึงเป็นที่อันยิ่งใหญ่โอฬารที่สุดในเวลานั้น แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ที่เยาว์วัยที่สุดในหมู่ราชันย์แห่งโนลดอร์ก็ตาม จาก ฟิงโกลฟิน ฟิงกอน มายธรอส และฟินรอด เฟลากุนด์ ตามลำดับ แต่ฟิงโกลฟินนั้นได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์โนลดอร์ และฟิงกอนเป็นรัชทายาท แม้ว่าอาณาจักรของพวกท่านจะเป็นเพียงแค่ดินแดนทางเหนือของฮิธลุม แต่ไพร่พลของพวกท่านนั้นแกร่งกรำและอาจหาญที่สุดในหมู่ เป็นที่หวาดกลัวของออร์คและเกลียดชังของมอร์กอธยิ่งกว่าผู้ใด



ทางฝั่งซ้ายของมหานทีซีรีออนคือดินแดนเบเลเรียนด์ตะวันออก ส่วนที่กว้างที่สุดประมาณร้อยลีกจากซีรีออนถึงเกลิออน (Gelion) และชายแดนแห่งออสซิเรียนด์ (Ossiriand) ประการแรก ที่ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างซีรีออนและมินเดบ (Mindeb) คือดินแดนรกร้างแห่งดิมบาร์ (Dimbar) ภายใต้ยอดเขา คริสซายกริม (Crissaegrim) เป็นรังของพญาอินทรี ช่วงระหว่างมินเดบและสายน้ำที่ไหลสูงกว่าแห่งแม่น้ำเอสกัลดูอิน (Esgalduin) คือดินแดนอนธกาฬแห่ง นัน ดุงกอร์เธบ (Nan Dungortheb) บริเวณนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวด้วยว่าพลังแห่งเทพีเมเลียนได้ทรงวางขวากรั้วกั้นการบุกรุกทางทิศเหนือของราชอาณาจักรโดเรียธเอาไว้ด้านหนึ่ง หากอีกด้านหนึ่งคือเงื้อมผาอันสูงชันแห่งเอเรด กอร์โกรอธ ภูผาวิปโยค ซึ่งทอดตัวลงมาจากที่ราบสูงดอร์โธนีออน และจากที่นั้น ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทก่อนหน้าแล้ว แมงมุมอุงโกเลียนท์ได้หลบหนีแส้อัคคีแห่งบัลร็อกมาทำรังอยู่ที่นั่น ทำให้ห้วยหนองเต็มไปด้วยเงามืดแห่งความตายของนาง และแม้ในยามที่นางตายไปแล้ว ลูกหลานของนางก็ยังคงซุ่มซ่อนสร้างใยอันชั่วร้ายของพวกมันต่อมา แล้วน้ำน้อยหยดซึ่งไหลมาจากเอเรด กอร์โกรอธก็กลายเป็นพิษ หากดื่มจะเป็นอันตรายด้วยว่าผู้ซึ่งลิ้มชิมมันนั้นจะมีหัวใจที่เต็มไปด้วยเงามืดแห่งความบ้าคลั่งและสิ้นหวัง สิ่งมีชีวิตทุกชนิดต่างเบี่ยงหนีออกจากดินแดนแห่งนี้ ชาวโนลดอร์จักเดินทางผ่านนัน ดุงกอร์เธบในยามจำเป็นถึงที่สุดจริงๆเท่านั้น โดยผ่านทางที่ใกล้กับชายแดนแห่งโดเรียธให้ห่างไกลจากหุบเขาผีสิงนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เส้นทางนั้นเคยถูกสร้างมาก่อน ก่อนที่มอร์กอธจะย้อนกลับมายังโลกมัชฌิม และหากใครได้เดินไปในเส้นทางนั้นเขาจะตรงไปทางทิศตะวันออกสู่แม่น้ำเอสกัลดูอิน ซึ่งในยุคแห่งการคุ้มกันภัยนี้ ที่นั่นมีสะพานศิลาแห่ง อิอันท์ เทาร์ (Iant Taur) อยู่ จากนั้นจะเข้าสู่ดอร์ ดิเนน (Dor Dínen) ดินแดนวิเวก แล้วเมื่อข้ามอารอสสินาค (Arossiach) (ซึ่งเป็นเครื่องหมายบอกว่าถึง ฟอร์ด อารอส (Ford Aros) แล้ว ก็จะไปถึงเขตแดนทางทิศเหนือแห่งเบเลเรียนด์ ซึ่งเป็นที่พำนักของเหล่าโอรสแห่งเฟอานอร์


จาก : นานานะจัง - 12/01/2003 16:07

ข้อความ : ลงมาทางทิศใต้คือป่าอันถูกคุ้มกันแห่งราชอาณาจักรโดเรียธ ซึ่งเป็นที่อาศัยของธิงโกล กษัตริย์ผู้เร้นพระองค์ ไม่มีผู้ใดผ่านบริเวณนี้ได้โดยปราศจากพระบรมราชานุญาต ส่วนป่าซึ่งอยู่ทางเหนือและอาณาเขตเล็กกว่าคือ ป่าเนลดอเรธ (Neldoreth) ซึ่งถูกล้อมไว้ทั้งตะวันออกและใต้โดยแม่น้ำดำ เอสกัลดูอิน ซึ่งเบี่ยงไปทางทิศตะวันตกเข้าไปใจกลางดินแดนนี้ และระหว่างอารอสและเอสกัลดูอินก็มีป่าไม้ซึ่งแน่นทึบและกว้างไกลยิ่งกว่าแห่งแคว้นนี้ทอดตัวอยู่ บนชายฝั่งทางใต้ของเอสกัลดูอินซึ่งหันไปทางตะวันตกตรงข้ามกับซีรีออน คือคูหาถ้ำแห่งเมเนกรอธ (Menegroth) และราชอาณาจักรโดเรียธก็ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของซีรีออนเกือบหมด เว้นแต่ดินแดนแคบๆแห่งดินแดนไพรระหว่างการบรรจบกันของแม่น้ำเทกลินและซีรีออนและแม่น้ำเมเรส (Meres) แห่งสนธยา ผู้คนในโดเรียธเรียกป่าไม้นี้ว่านีวริม (Nivrim) หรือ เวสต์ มาร์ช ต้นโอ๊คใหญ่เติบโตในป่านั้น และยังถูกทำให้เป็นวงล้อมรอบ อาณาจักรแห่งเทพีเมเลียน เพื่อให้ส่วนหนึ่งของลำน้ำจากซีรีออนซึ่งพระนางทรงสิเน่หายิ่ง จากความเคารพเทิดทูนในตัวเทพอุลโม จะได้อยู่ภายใต้พระอำนาจของธิงโกลโดยครบถ้วน

ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของโดเรียธ ซึ่งแม่น้ำอารอสไหลไปสู่มหานทีซีรีออน ยังมีทะเลสาบใหญ่และที่ราบลุ่มแฉะอยู่ทั้งสองฝั่งแม่น้ำซึ่งหยุดไหลที่นั่นแล้วแตกออกไปเป็นลำธารสายเล็กๆหลายสาย บริเวณนั้นได้ชื่อว่า อายลีน-อูเอียล (Aelin-uial) ที่ราบลุ่มแม่น้ำเมเรสแห่งสนธยา ด้วยว่ามันถูกปกคลุมโดยสายหมอก และเสน่ห์อันน่าพิศวงของราชอาณาจักรโดเรียธก็ล่องลอยอยู่ที่นั่น บัดนี้เขตแดนทางเหนือของเบเลเรียนด์ก็เอียงลาดลงไปทางใต้ไปจรดทุ่งราบแห่งนี้ มีน้ำล้นจากแม่น้ำซีรีออนมาขังอยู่ แต่ทางทิศใต้ของอายลีน-อูเอียล ผืนดินก็ต่ำลงและลาดชันอย่างกระทันหัน และทุ่งราบที่อยู่ต่ำกว่าของซีรีออนก็ถูกแบ่งออกจากผืนดินที่สูงกว่าโดยทางลาดนี้เอง ซึ่งถ้ามีผู้มองมาจากทางใต้ ทางทิศเหนือดูราวกับเป็นเทือกเขาซึ่งติดกันเป็นพืด ทอดตัวออกจากเอกลาเรสท์ไปไกลกว่าแม่น้ำนาร็อกทางทิศตะวันตกไปจนถึง อามอน เอเรบ (Amon Ereb) ทางทิศตะวันออก ซึ่งสามารถมองเห็นได้จนสุดสายของมหานทีเกลีออน แม่น้ำนาร็อกไหลผ่านเทือกเขาเหล่านี้เป็นลำธารในหุบเขาแคบลึก แล้วพัดไปอย่างเชี่ยวกรากแต่ไม่มีน้ำตก และบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ ดินแดนหนึ่งก็ตั้งอยู่บนที่ราบสูงอันมีพงไพรกว้างใหญ่แห่ง เทาเรน-ฟารอธ (Tauren-Faroth) บนฝั่งตะวันตกแห่งลำธารในหุบเขาสายนี้ ซึ่งมีลำธารริงวิล (Ringwil) สายสั้นๆแตกกระเซ็นเป็นสาย พาพัดไปไกลถึงแม่น้ำนาร็อกจากที่ราบสูงฟาร็อธ ฟินรอดได้สถาปนาแคว้นนาร์กอธรอนด์ขึ้น และไปทางทิศตะวันออกประมาณยี่สิบห้าลีกจากลำธารหุบเขาแห่งนาร์กอธรอนด์ แม่น้ำซีรีออนก็ตกลงเป็นน้ำตกสายใหญ่ใต้ที่ราบลุ่มแม่น้ำเมเรส แล้วก็ทิ้งตัวลงอย่างทันใดไปสู่ถ้ำใต้ดินซึ่งน้ำหนักของสายน้ำซึ่งตกลงไปนั้นได้ทำให้เป็นโพรง แล้วก็ไหลทะลุออกไปทางใต้อีกครั้งเป็นระยะทางสามลีกด้วยเสียงอันดังสนั่นหวั่นไหว และทำให้ซุ้มหินโค้งบริเวณปลายยอดเขาซึ่งมีนามว่า ทวาราแห่งซีรีออน กระเซ็นเป็นไอคละคลุ้ง




จาก : นานานะจัง - 12/01/2003 16:08

ข้อความ : น้ำตกซึ่งแยกออกมาจากสายหลักนี้มีนามว่า อันดราม (Andram) เทือกผายาว จากนาร์กอธรอนด์ไปถึงแรมดัล (Ramdal) จุดสิ้นสุดของเทือกผา ในทางตะวันออกแห่งเบเลเรียนด์ แต่ทางตะวันออกนั้นมันมีความชันน้อยกว่า ด้วยว่าหุบเขาแห่งเกลีออนนั้นทอดตัวต่ำลงตรงไปทางใต้ แล้วมหานทีเกลีออน ก็ไม่ได้ไหลเป็นน้ำตกหรือไหลเชี่ยวผ่านเส้นทางนี้เลย หากยังไหลเร็วกว่าแม่น้ำซีรีออน ระหว่างบริเวณแรมดัลและมหานทีเกลีออน ยังมีเนินเขาเดี่ยวลูกหนึ่งตั้งอยู่เป็นบริเวณกว้างและเต็มไปด้วยเนินลาดต่ำลงอย่างนุ่มนวล หากแข็งแกร่งกว่าที่เห็น ด้วยว่ามันยืนตัวอยู่โดดเดี่ยว เนินเขานั้นมีนามว่า อามอน เอเรบ (Amon Ereb) ซึ่งเป็นที่สิ้นชีพของเดเนธอร์ เจ้าแห่งนานดอร์ (Nandor) ซึ่งทรงประทับอยู่ในออสสิเรียนด์ ผู้ได้นำทัพไปช่วยจอมราชย์ธิงโกลต่อสู้กับมอร์กอธในเวลานั้นเมื่อยามที่ออร์คได้บุกเข้ามาแล้วทำลายสันติสุขภายใต้ยุคแห่งแสงดาวแห่งเบเลเรียนด์เป็นครั้งแรก และบนยอดเนินนั้น พระเจ้ามายธรอสได้ทรงประทับอยู่ตั้งแต่การปราชัยครั้งยิ่งใหญ่นั้นเป็นต้นมา หากทางใต้ของอันดราม ตรงกึ่งกลางระหว่างแม่น้ำซีรีออนและเกลีออน คืออาณาเขตแห่งต้นไม้ขึ้นระเกะระกะอันกว้างขวางซึ่งมิมีใครกล้าเหยียบย่างเข้าไป เว้นแต่พวกดาร์คเอลฟ์ไม่มากนักซึ่งได้สัญจรผ่านมา ; เทาร์-อิม-ดูอินัธ (Taur-im-duinath)คือชื่อของมัน วนาสันต์กึ่งกลางสองลำน้ำ


เกลีออนคือมหานทีอันกว้างใหญ่ และเขาได้ไหลมารวมตัวกันเป็นแหล่งน้ำสองแห่ง และมีสาขาย่อยอีกสองที่ ได้แก่ ลำน้ำเกลีออนสายเล็กซึ่งได้ไหลมาจากเนินเขาแห่งฮิมริง (Himring)สาขาของมหานทีเกลีออนสายใหญ่กว่านั้นได้ไหลมาจากเมาท์ เรเรียร์ (Mount Rerir) จากจุดบรรจบของสองสาขานี้ เขาจะไหลต่อไปยังทางใต้อีกเป็นระยะทางกว่าห้าสิบลีกก่อนที่จะไปบรรจบกับคุ้งแควของเขา และก่อนที่เขาจะไหลลงทะเลเขาก็ไหลเป็นระยะทางที่ยาวพอๆกับแม่น้ำซีรีออน แม้ว่าจะกว้างและเต็มปรี่น้อยกว่า ด้วยว่าสายฝนได้พรมลงบนที่ราบฮิธลุมและดอร์โธนีออนหนาแน่นกว่า แม่น้ำซีรีออนจะดึงน้ำมาจากที่นั้นมากกว่าจากทางตะวันออก จากเทือกเอเรด ลูอิน (Ered Luin) จึงได้มีแควหกสายของมหานทีเกลีออนไหลผ่าน มีนามว่า อัสคาร์ (Ascar) ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นรัธลอรีเอล (Rathloriel) ธาลอส (Thalos) ,เลโกลิน (Legolin) ,บริลธอร์ (Brilthor) ,ดูอิลเวน (Duilwen) , และอาดูรันท์ (Adurant) เป็นลำธารที่ไหลเร็วและแรง จะตกลงอย่างสูงชันจากภูผา แล้วระหว่างอัสการ์ในทางเหนือและอันดูรันท์ในทางใต้ และระห่างเกลีออนและเอเรด ลูอิน คืออาณาเขตเขียวชอุ่มไกลโพ้นแห่งออสสิเรียนด์ เมืองเจ็ดแคว บัดนี้พอถึงจุดที่เกือบถึงครึ่งทางของมัน ลำน้ำอาดูรันท์จึงได้แบ่งออกเป็นหลายสายแล้วมารวมตัวกันอีกครั้ง แล้วเกาะกลางน้ำซึ่งลำธารได้สร้างขึ้นมีนามว่า โทล กาเลน (Tol Galen) เกาะเขียวขจี ที่ซึ่งเบเรนและลูธิเอนได้มาพำนักอยู่หลังจากการกลับมาสู่มัชฌิมโลก

ณ.ดินแดนออสสิเรียนด์คือถิ่นของเหล่ากรีน-เอลฟ์ (Laiquendi หรือเอลฟ์เชื้อสายเทเลรี แห่งอัลควาลอนเด –ผู้แปล)อยู่เพื่อปกปักรักษาลำน้ำของพวกเขา ด้วยหลังจากได้ทรงสร้างมหานทีซีรีออน เทพอุลโมทรงสิเน่หาท้องธารมหรรณพด้านปัจจิมแห่งพื้นพิภพยิ่งนัก เชิงชาญทางพรานไพรของพวกกรีน-เอลฟ์แห่งออสสิเรียนด์นั้นยิ่งยงนักด้วยว่าคนแปลกหน้าจะข้ามผ่านดินแดนของพวกเขาไปได้โดยไม่มีใครพบเห็นพวกเขาเลยสักคนหนึ่ง พวกเขาจะสวมอาภรณ์สีเขียวในยามฤดูใบไม้ผลิและคิมหันต์ เสียงเพลงของพวกเขาได้ยินไปไกลข้ามโพ้นแม่น้ำเกลีออนทีเดียว ด้วยเหตุนั้นชาวโนลดอร์จึงได้ให้ฉายาดินแดนแห่งนั้นว่า ลินดอน (Lindon) คีตนคร และเทือกเขาที่อยู่ด้านหลังก็มีนามว่า เอเรด ลินดอน ด้วยว่ามันจะมองเห็นได้เป็นบริเวณแรกจากออสสิเรียนด์


ทางบูรพาทิศของดอร์โธนีออน ดินแดนแห่งเบเลเรียนด์นั้นเปิดกว้างต่อการถูกโจมตีมากที่สุด มีเพียงยอดเนินขนาดไม่สูงนักเท่านั้นที่คอยปกปักหุบเขาแห่งมหานทีเกลีออนจากศัตรูทางเหนือ ในเขตนั้น บนแผ่นดินแห่งพระเจ้ามายธรอสและในดินแดนอีกมากมายด้านหลัง คือสถานที่ประทับของเหล่าโอรสแห่งเฟอานอร์กับพวกพ้องจำนวนมาก เหล่าอาชาไนยของพวกเขาจะผ่านไปทางที่ราบกว้างขวางทางเหนือบ่อยครั้ง ที่ราบอันกว้างและเวิ้งว้างนั้นมีนามว่า ลอธลาน (Lothlann) อยู่ทางตะวันออกของที่ราบ อาร์ด-กาเลน พวกเขาสำรวจด้วยเกรงว่ามอร์กอธจะพยายามบุกรุกเข้าในบริเวณนั้นเข้ามาในเบเลเรียนด์ตะวันออก ปราการใหญ่ของพระเจ้ามายธรอสนั้นได้ตั้งอยู่บนเนินเขาฮิมริง เนินเหน็บหนาวชั่วกาล ซึ่งมีไหล่เขากว้าง ไร้แมกไม้ และมียอดซึ่งแบนราบ ถูกห้อมล้อมโดยเนินเขาขนาดย่อมอื่นๆ ระหว่างฮิมริงและดอร์โธนีออนมีถนนผ่าน เป็นทางลาดชันน่าหวาดเสียวไปทางตะวันตก มีนามว่า ทางผ่านอากลอน (Aglon) เป็นปากทางไปสู่ราชอาณาจักรโดเรียธ ลมยะเยือกจะพัดพาผ่านจากที่นั่นไปสู่อุตรทิศ หากเคเลกอร์มและคูรูฟิน ได้ดูแลลอธลานให้มั่นคงและตั้งฐานมั่นอยู่ด้วยกำลังพลที่กล้าแข็ง และตลอดทั่วดินแดนฮิมลาด (Himlad) ตลอดทั่วทั้งทางใต้ระหว่างแม่น้ำอารอสซึ่งตระหง่านอยู่ ณ. ดอร์โธนีออน และสายแควแห่งแม่น้ำเคลอน(Celon) ซึ่งไหลมาจากฮิมริง


จาก : นานานะจัง - 12/01/2003 16:09

ข้อความ : ระหว่างอ้อมแขนแห่งลำมหานทีเกลีออนคือทัพรักษาการณ์แห่งมากลอร์ บริเวณนี้ที่เดียวซึ่งหุบเขาต่ำลงพร้อมๆกัน และที่นี้เองซึ่งออร์คได้บุกรุกเข้ามาในเบเลเรียนด์ตะวันออกก่อนสงครามครั้งที่สาม ดังนั้นชาวโนลดอร์จึงได้รักษาความเข้มแข็งของหมู่อัศวิน บนท้องทุ่งราบในบริเวณนั้นไว้ และไพร่ฟ้าของคารันเธียร์ได้ยึดมั่นภูเขาบริเวณตะวันออกของช่องเขาของมาลอร์ ให้เข้มเข็งขึ้น ที่นั่นมีเมาท์ เรเรียร์ ตั้งอยู่ และในบริเวณที่มีพื้นที่ต่ำกว่า คือเทือกยาวของเทือกเขาเอเรด ลินดอนทางปัจจิมทิศ และโค้งหักศอกของมันระหว่าง เรเรียร์และเอเรด ลินดอนนั้นทำให้เกิดทะเลสาบ ซึ่งมืดครึ้มเพราะเงาของภูเขาบนแต่ละทิศเว้นแต่ในทางใต้ นั่นคือทะเลสาบเฮเลวอร์น (Helevorn) ลึกและมืดดำ และใกล้กับทะเลสาปนั้นเอง คือถิ่นพำนักของคารันเธียร์ หากดินแดนกว้างใหญ่ระห่างแม่น้ำเกลีออนและเทือกเขา และกึ่งกลางระหว่างเรเรียร์และแม่น้ำอัสคาร์นั้น ถูกเรียกโดยชาวโนลดอร์ว่า ธาร์เกลีออน (Thargelion) หมายถึงดินแดนหลังมหานทีเกลีออน หรือ ดอร์ คารันเธียร์ (Dor Caranthir) นครแห่งคารันเธียร์ ที่นี่เองซึ่งชาวโนลดอร์ได้พานพบกับคนแคระเป็นครั้งแรก หากธาร์เกลีออนนั้นพวกเกรย์-เอลฟ์ได้เรียกมันเป็นครั้งแรกว่า ทาลัธ รูห์เนน (Talath Rhunen) หุบเขาบูรพา

ด้วยเหตุนั้น เหล่าโอรสแห่งเฟอานอร์ภายใต้การนำของพระเจ้ามายธรอส ก็ได้ขึ้นครองเป็นเจ้าแห่งเบเลเรียนด์แห่งบูรพา หากราษฎรของพวกท่านในเวลานั้นส่วนใหญ่ยังคงอยู่ทางทิศเหนือของดินแดน และทางใต้พวกเขาจะควบม้าไปเพื่อล้าสัตว์ในไพรเขียวเท่านั้น แต่ที่นั่น อัมรอด และอัมราส ได้สร้างถิ่นฐานของตนขึ้น และมิใคร่ได้มาทางเหนือบ่อยนักในยามที่การคุ้มภัยใกล้จบลง และเหล่าพรายผู้สูงศักดิ์องค์อื่นๆก็จะขี่อาชามาจากแดนไกลในบางโอกาส ด้วยว่าดินแดนนั้นยังป่าเถื่อนแต่สวยงามยิ่ง ในจำนวนพวกท่าน ฟินรอด เฟลากุนด์ได้เสด็จมาบ่อยครั้งที่สุด ด้วยว่าท่านรักในการรอนแรม และยังมาถึงกระทั่งที่ออสซิเรียนด์แล้วทรงผูกมิตรกับเหล่ากรีน-เอลฟ์ หากแต่ไม่มีชาวโนลดอร์คนใดเคยข้ามเทือกเขาเอเรด ลินดอน ก่อนที่อาณาจักรของพวกเขาจะล่มสลายเลย และข่าวแห่งอดีตต่างๆซึ่งแพร่ไปในแว่นแคว้นแห่งบูรพาทิศก็มาถึงเบเลเรียนด์น้อยอย่างยิ่ง

*************************************


จาก : นานานะจัง - 12/01/2003 16:11

ข้อความ : แถม แผนที่ดินแดนในเบเลเรียนด์ทั้งหมดไว้จ๊ะ
เนื่องจากชื่อสถานที่ในบทนี้เยอะมาก อ่านแล้วอาจจะงง

http://www.oocities.org/Area51/7990/beler.gif

จาก : นานานะจัง - 12/01/2003 16:14

ข้อความ : บทนี้อลังการงานสร้างมากเลยค่ะคุณนานานะจัง ^_^ มีภาพประกอบการสอนด้วย อิอิ

จาก : naarsule - 12/01/2003 19:55

ข้อความ : 55 นั่นสิคะ คือแบบเราอ่านเองยังงงเลย ชื่อสถานที่มันเยอะมาก แถมการบรรยายยังเป็นแนวภูมิศาสตร์โลกของเรามาก อิ อิ
ยังไงก็ไว้ใช้อ้างอิงเวลาอ่านตอนอื่นๆได้นะคะ


จาก : นานานะจัง - 12/01/2003 20:00

ข้อความ : โอ้ย..บทนี้ต้องอ่านหลายรอบหน่อย มึน......คุณนานานะจังแปลได้ไงเนี่ย เก่งจัง

จาก : ตาอิน - 13/01/2003 11:09

ข้อความ : ขอแก้ไขหน่อยค่ะ
--------------------
ณ.ดินแดนออสสิเรียนด์คือถิ่นของเหล่ากรีน-เอลฟ์ (Laiquendi หรือเอลฟ์เชื้อสายเทเลรี แห่งอัลควาลอนเด –ผู้แปล)
--------------------

พวกลายเควนดิ หรือกรีนเอล์ฟ คือนานดอร์เอล์ฟภายใต้การนำของเดเนธอร์ ที่ยกมาช่วยอาณาจักรโดเรียธเมื่อครั้งสงครามแห่งเบเลเรียนด์ครั้งที่หนึ่ง ครั้งนั้นพวกนานดอร์ล้มตายกันมาก ลอร์ดเดเนธอร์ก็เสียชีวิตในที่รบ แต่นั้นมาพวกนานดอร์จึงหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า พรางกายด้วยเครื่องแต่งกายสีเขียว ไม่ยอมสู้รบซึ่งหน้าอีก จึงได้ชื่อว่า ลายเควนดิ ตามชื่อเครื่องแต่งกาย

กลุ่มนี้ไม่เกี่ยวกับอัลควาลอนเดค่ะ อัลควาลอนเด เป็นชื่อนครหลวงของเทเลรีบนชายฝั่งอามันค่ะ

ดูรายละเอียดในบทที่ 10 ว่าด้วยซินดาร์ ค่ะ

จาก : สาวน้อยร้อยแปด - 13/01/2003 13:20

ข้อความ : อ่า ผิดจริงๆด้วย ขออภัยค่ะ เนื่องจากอ่านแล้วรูว่าพวกLaiquendi เป็นเชื้อสายของเทเลรีเอลฟ์ เราก็เลยนึกว่ามาจาก
อัลควาลอนเดด้วย

ขอบคุณพี่สาวน้อยฯมากค่ะ ^__^

จาก : นานานะจัง - 13/01/2003 15:00