ขอบเขตความรู้แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ทั่วไปและแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

ขอบเขตความรู้แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ทั่วไปและแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

พ.ญ. รุ่งทิพย์  วรรณวิมลสุข

                มีหลายคนเมื่อทราบว่าดิฉันเป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชปฏิบัติทั่วไป จะถามว่าแพทย์เฉพาะทางเวชปฏิบัติทั่วไป และแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว มีความเชี่ยวชาญด้านใดพิเศษ มีขอบเขตความรู้มากน้อยเพียงใด และทั้งสองสาขาต่างกันอย่างไร จะมีความเหนือกว่าแพทย์ทั่วไปที่ไม่ได้เรียนต่อทางด้านนี้อย่างไร และทำไมต้องเปลี่ยนชื่อจากแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป เป็นเวชศาสตร์ครอบครัว

                และคงมีคนคิดว่า หมอคนนี้พูดจากวนจริงๆ เพราะถามหมอว่าจบแพทย์เฉพาะทางสาขาใด ก็ตอบว่าเป็นแพทย์เฉพาะทางสาขา เวชปฏิบัติทั่วไป จะเป็นแพทย์เฉพาะทางหรือแพทย์ทั่วไปกันแน่  หลายคนเลยคิดเหมาเอาเลยว่าเป็นแพทย์อายุรกรรม และเป็นการยากที่จะให้ใครเข้าใจว่า เป็นแพทย์สาขาใดกันแน่

                การเรียนแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป เป็นการเรียนรู้การดูแลสุขภาพของคนโดยองค์รวม คลอบคลุมทุกเรื่องที่เป็นการรักษาเบื้องต้นหรือขั้นปฐมภูมิ และความรู้ในระดับสูงขึ้นหรือขั้นฑุติยภูมิและตติยภูมิในบางส่วน  เน้นที่การดูแลคนทั้งตัว ไม่แบ่งแยกเป็นชิ้นส่วน และการเรียนเวชปฏิบัติยังแบ่งออกเป็นสองแนวในการเรียนโดยดูตามความจำเป็นว่าเมื่อจบแล้วจะไปทำงานที่ใด ถ้าต้องทำงานในที่ขาดแคลนแพทย์ ก็จะเน้นเรียนทางด้านศัลยกรรม ส่วนแพทย์ที่ต้องปฏิบัติงานในห้องฉุกเฉินก็จะเน้นฝึกปฏิบัติงานในห้องฉุกเฉิน

                ส่วนเวชศาสตร์ครอบครัว จะมีความแตกต่างจากเวชปฏิบัติทั่วไป คือการมองเห็นครอบครัวเป็นศูนย์กลาง มีแนวคิดว่าการเจ็บป่วยของคนคนหนึ่ง อาจมีผลมาจากปัญหาของคนในครอบครัว และปัญหาสุขภาพของคนคนหนึ่งจะมีผลกระทบต่อครอบครัวด้วย ดังนั้นการดูแลสุขภาพจึงต้องดูแลทั้งครอบครัว ซึ่งแนวคิดนี้จะกว้างกว่าแนวคิดของแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป ที่ดูเพียงคนๆ เดียว

                ทั้งแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป และแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว จะเป็นแพทย์ที่มีความสามารถในการดูแลสุขภาพครอบคลุมทุกเรื่องในระดับปฐมภูมิ และมีความรู้บางส่วนในระดับฑุติยภูมิ มีความสามารถในการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพ รู้จักการส่งต่อผู้ป่วยที่มีปัญหาซับซ้อนยากแก่การรักษาไปยังแพทย์เฉพาะทางได้อย่างเหมาะสม ในบางปัญหาที่พบบ่อยในชุมชนและเป็นเรื่องที่แพทย์ผู้นั้นสนใจ แพทย์ก็อาจเรียนรู้จนลงลึกถึงขั้นตติยภูมิเลยก็มี ที่เคยพบ เช่น แพทย์บางท่านจะมีความชำนาญด้านภูมิแพ้ บางท่านเก่งทางด้านสูตินรีเวช วัยทอง ผู้สูงอายุ เป็นต้น

 

ในการเปลี่ยนแปลงจากสาขาเวชปฏิบัติทั่วไป เป็นเวชศาสตร์ครอบครัว จะทำให้มีความแตกต่างที่อาจเห็นได้คือ

1.        แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป เน้นการดูแลองค์รวมในคนหนึ่งคน ซึ่งในการเรียนบางครั้งจะลงลึกถึงขั้นมีความสามารถคล้ายแพทย์เฉพาะทางสาขาอื่น เช่น ผ่าตัดช่องท้องได้ ผ่าตัดมดลูก ผ่าCraniotomy ส่วนเวชศาสตร์ครอบครัวจะเน้นในการดูแลทั้งครอบครัว เน้นเรื่อง ของสังคมจิตวิทยา (Psychosocial problem) มากกว่า ดังนั้นจะเข้าใจในจิตใจผู้ป่วยมากกว่าจะมุ่งการรักษาโรคเพียงอย่างเดียว

2.        แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปจะมีความเก่งใดด้านการรักษาโรค เหมาะกับการทำงานในโรงพยาบาลขนาดเล็กและขนาดกลาง ส่วนแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว เน้นการดูแลสุขภาพ เป็นที่ปรึกษาทางด้านสุขภาพของครอบครัว จะเหมาะกับการทำงานในคลีนิก ศูนย์แพทย์ หรือโรงพยาบาลขนาดเล็กที่อยู่ในชุมชนมากกว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่

3.        ด้วยเนื้อหาการเรียนที่ลดลงของความรู้ระดับฑุติยภูมิ ในการเรียนของแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว เมื่อพบปัญหาการดูแลที่ยาก สลับซับซ้อน หรือต้องทำการผ่าตัด แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวจะทำได้ไม่มากเท่ากับแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป แต่ในปัจจุบันประเทศไทยมีแพทย์เฉพาะทางสาขาอื่นมากมาย เมื่อแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวพบปัญหาก็สามารถส่งต่อไปให้แพทย์เฉพาะทางดูแลได้

ทั้งแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวและแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปนั้นมีส่วนที่ควรเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ การรู้จักเรียนรู้ด้วยตัวเอง ความรู้ของแพทย์ไม่ใช่ว่าจะได้มาเพียงแต่การอ่านตำราแพทย์เท่านั้น จะต้องรู้จักขวนขวายหาความรู้จากข่าวสารต่างๆที่ทันสมัยอยู่เสมอ เรื่องราวนอกเหนือการแพทย์ เช่น สังคมจิตวิทยา การติดต่อสื่อสาร เศรษฐศาสตร์ การจัดการ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ สามารถวิเคราะห์  และนำความรู้มาประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม