การสร้าง
เทคนิค
ไฟฟ้า
การบิน
กลเม็ด
ทดสอบ
ช่วยกันทำ

คำศัพท
ถามบ่อย

หน้าหลัก
 
 
 
 
 
การบิน
บิน Cessna ที่ฝูงบิน ๖๐๔
ประวิช 5/03/45
 


ฝูงบิน ๖๐๔ กองบิน ๖ กองทัพอากาศ
ตั้งแต่ยังเด็กผมใฝ่ฝันเสมอ อยากจะเป็นนักบิน ได้บินอยู่บนท้องฟ้าเหมือนดั่งนก แต่ก็ยากเหลือเกินสำหรับผม เพราะไม่มีญาติพี่น้องที่รู้จักอยู่ในวงการนี้ รวมถึงทางบ้านก็ไม่สนับสนุน เพราะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระและแพง แต่ความฝันยังคงอยู่และรอให้ไขว่คว้า
ตอนผมเรียนอยู่ปีหนึ่ง ตอนนั้นมีเครื่องคอมพิวเตอร์ Apple II (เด็กสมัยนี้อาจไม่รู้จักแล้ว Apple II เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่นิยมมาก ประมาณ 15 ปีก่อน ก่อนที่ IBM PC จะออกมาแทนที่เครื่อง Apple II และกลายเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นตระกูล ของคอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันจนถึงปัจจุบัน) ตอนนั้นมีโปรแกรมประเภทจำลองการบิน (Flight simulator) รุ่นแรก ๆ ออกมาก็ใช้บนคอมพิวเตอร์แบบ PC ที่ใช้บนเครื่อง Apple ด้วย ผมเองก็ดิ้นรนหามาเล่นจนได้ แต่ก็ผิดหวังมาก เพราะการตอบสนองช้ามาก ตอนนั้นหัดเล่นอยู่ก็ไม่เข้าใจหลักการ การตอบสนองช้า เช่นกดปุ่มเพื่อเอียงปีก พอกดไปแล้วต้องรอประมาณ 2-3 วินาที ปีกถึงจะยอมเอียง ตอนนั้นกว่าจะขึ้นบินได้ก็เล่นกันเป็นเดือน พอเริ่มบังคับได้แล้วก็หัดลง พอลงทีไรตกทุกที เพราะพอกดหัวลงเครื่องก็จะปักลงแล้ว หยุดไป 2-3 วินาทีเมื่อจอแสดงภาพใหม่ ปรากฏว่าหัวกดไปลึกมาก ก็ต้องกดคีย์เพื่อหันหัวเครื่องบินขึ้น แล้วก็เงียบไปอีก 2-3 วินาที ปรากฏว่าหัวก็ยกสูงแล้วเครื่องก็เริ่ม Stall ต้องทำการกดลงอีก เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนเครื่องบินถึงพื้นดิน แล้วก็แตกเป็นชิ้น ๆ จำได้ว่าลง 100 ครั้ง น่าจะลงได้โดยเครื่องบินไม่แตกประมาณ 1-2 ครั้งเท่านั้น และก็มักจะฟลุ๊กด้วย จากนั้นก็มาถึงยุค เครื่อง IBM PC โปรแกรมจำลองการบินก็ดีขึ้นมาเป็นลำดับ มีการตอบสนองที่ดี ทำให้การขึ้น-ลงทำได้ง่าย และทำการบินได้ดี ตอนนั้นโปรแกรมจำพวกนี้ยังไม่ซับซ้อนอะไรมาก ในช่วงนั้นผมเล่นโปรแกรมจำลองการบินอยู่ตลอด รวมถึงโปรแกรมจำลองการบินของเครื่องบินรบไอพ่น และโปรแกรมประเภทเครื่องบินรบสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย ในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ โปรแกรมจำลองการบินมีความซับซ้อนมาก และเหมือนจริงมากขึ้นทั้งภาพและเสียง อาการต่าง ๆ ของเครื่องบิน เช่นการเลี้ยวออกข้างเนื่องจากแรงบิดจากใบพัด ฯลฯ เมื่อเล่นโปรแกรมแบบนี้ไปนาน ๆ เข้า ก็มานึกถึงว่าน่าจะลองบินเครื่องบินจริง ๆ ดูสักที ใจจริงอยากบินมานานแล้วครับ เคยติดต่อไปสนามบินอยู่หลายที่ ส่วนใหญ่จะอยู่ไกล และมีค่าเรียนที่แพงมาก เพราะสมัยก่อนนั้นยังไม่มีเงินเก็บ แต่เมื่อมาระยะหลังนี้พอเก็บเงินได้บ้างแล้ว ก็เลยคิดว่าน่าจะหันมาสานต่อความฝัน เพราะตอนนี้อายุเริ่มมากขึ้นแล้ว ถ้าไม่เรียนตอนนี้ แก่ไปจะไม่มีแรงเรียน และบังเอิญด้วยที่เมื่อต้นปี 2544 ผมได้รวบรวมเว็บไซท์การบินของคนไทยทั้งหมด แล้วไปพบเว็บของฝูงบิน 604 ที่เป็นฝูงสอนการบินให้กับนักบินพลเรือน จริงๆ แล้วเคยได้ยินเหมือนกันว่าทางกองทัพอากาศ มีหน่วยสอนพลเรือน แต่ก็ไม่มีรายละเอียดเลย จนมาพบเว็บนี้เข้า หลังจากได้เยี่ยมเว็บนี้แล้วก็ตั้งใจว่า ถึงเวลาที่จะลองเป็นนักบินจริงๆ ซักที ก่อนที่จะไปต่อ ขอเล่าประวัติของฝูงบิน 604 พอสังเขปดังนี้
ฝูงบิน 604 มีชื่อเป็นทางการว่า "หน่วยฝึกการบินพลเรือน กองทัพอากาศ" ซึ่งแต่เดิมมีชื่อว่า "สโมสรการบินพลเรือน" มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เลื่อมใสและสนใจในกิจการการบิน ได้มีโอกาสศึกษาวิทยาการในด้านการบิน หรือฝึกซ้อมการบินให้เกิดความชำนาญยิ่งขึ้น ซึ่งมีทั้ง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และประชาชนทั่วไป สำเร็จไปแล้วรวม 53 รุ่น รุ่นปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 54 ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถหาได้ที่ เว็บ http://www.oocities.org/sqn604/
หลังจากพบเว็บไซท์นี้แล้ว ก็ได้สอบถามถึงรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อเข้าเป็นสมาชิกพบว่า จะต้องทำการสอบด้วย เพราะมีคนสนใจเรียนจำนวนมาก ไม่พอกับจำนวนเครื่องบินและครู เอาล๊ะสอบก็สอบ ทางฝูงบินขายใบสมัครในช่วงเดือนกันยายน สอบในเดือน ตุลาคม และเริ่มเรียนเดือน พฤศจิกายน ผมเองก็เกิดสอบได้ และรู้สึกดีใจมาก ที่จะมีโอกาสขับเครื่องบินจริงซักที หลังจากเล่นอยู่ในโปรแกรมจำลองการบินมานาน แต่ก่อนจะได้บินต้องเรียนภาคทฤษฎีอยู่ประมาณ 2 เดือน ได้ความรู้เกี่ยวกับการบินมามากมายเลยครับ โดยเฉพาะหลักอากาศพลศาสตร์ หลักสูตรอุตุนิยมวิทยาสำหรับการบิน การติดต่อกับหอควบคุมการบิน และการเดินอากาศ หลังจากทฤษฎีจบ ก็ถึงคราวภาคอากาศ ถึงเวลาแห่งการรอคอยแล้วละครับ
โดยกำหนดการบินเที่ยวแรกของผมอยู่ในวันเสาร์ที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา เที่ยวบิน 11:00 น. เครื่องบินที่ใช้ฝึกคือเครื่อง Cessna รุ่น 172
แผงหน้าปัด และคันบังคับแบบ Control Column
แต่ด้วยความตื่นเต้นผมไปถึงสนามบินตั้งแต่ 8:30 น. กะว่าจะมาถ่ายรูปเพื่อนๆ ขึ้นบินกันด้วย แต่ปรากฏว่าวันนั้นมีหมอกลงที่สนามบินดอนเมือง ทำให้เที่ยวบินทั้งหมดเลื่อนไปเริ่มที่ 11:00 น. กว่าผมจะได้ขึ้นบินก็ปาเข้าไป 11.35น. เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินสาธิต โดยครูการบินจะสาธิตถึงสมรรถนะของเครื่องบิน เช่น การไต่ระดับ การเลี้ยว ความเร็วเดินทาง รวมถึงพาไปดูสถานที่ฝึกบิน อย่างที่บอก ว่าเป็นรอบสาธิตการบินและคุณลักษณะของเครื่องบิน แต่พอขึ้นเครื่องครูการบินก็ให้หัด Taxi (คือการบังคับเครื่องบินวิ่งบนพื้นดินไปตามทางวิ่ง)
Taxi ไปตามทางวิ่ง
การบังคับเลี้ยวจะบังคับล้อหน้า (เครื่องบินที่มีล้อหน้า) ในเครื่องบินประเภทนี้ การบังคับล้อจะใช้การบังคับโดยขา โดยมีที่เหยียบที่จะต่อเข้ากับล้อหน้า & Rudder ถ้าต้องการเลี้ยวขวาต้องดันเท้าขวาที่แป้นเหยียบขวา ถ้าต้องการเลี้ยวซ้ายต้องดันเท้าซ้ายที่แป้นเหยียบซ้าย พอครูให้ Taxi สิ่งแรกที่ผมทำคือสาวคันบังคับ เหมือนขับรถเลยครับ (คันบังคับของเครื่องรุ่นนี้จะคล้าย ๆ พวงมาลัยรถ มีชื่อเรียกว่า Control Column ) แต่สาวไปซ้ายไปขวาเครื่องก็ไม่เลี้ยวสักที นึกแล้วยังขำตัวเองอยู่เลย เพราะการควบคุมการเลี้ยวทำแป้นเหยียบ พอนึกได้ก็หันไปเหยียบแป้นแทน สุดท้ายก็วิ่งไปทางวิ่ง แล้วเวลาแห่งความจริงก็มาถึงเมื่อครูการบินเร่งคันเร่ง จนสุด เครื่องเริ่มออกตัว พอความเร็ว 60 MPH ครูก็ดึงคันบังคับ ยกหัวเครื่องบินขึ้นฟ้าเลย...
Cessna บินสู่นภา
พอไต่ไปซักเล็กน้อย เครื่องบินมีอาการ เหมือนถูกโยน โยกซ้าย โยกขวา โยกขึ้น โยกลง ผมรู้สึกเสียววูบ เหมือนกับตัวเองอยู่ในเรือเล็ก ๆ กลางทะเลที่มีคลื่นลมแรง กลัวว่าเครื่องจะตก แต่มาคิดอีกทีว่าที่ฝูงนี้ไม่เคยมีอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็สบายใจ
ถนนวงแหวน
วันนี้มีหมอกมากบินขึ้นไปแล้วมองขอบฟ้าไม่เห็นเลย ครูก็ชี้ตำแหน่งต่างๆ บนพื้น เช่น ถนนวงแหวน ฯลฯ มองจากข้างบนงงมากเลยครับดูไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร อยู่บนพื้นภาพก็เป็นอย่างหนึ่งอยู่บนอากาศภาพก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ปกติการบินฝึกของที่ฝูงจะบินไปที่พื้นที่ฝึก D-39 ที่กินพื้นที่จากฉะเชิงเทราลงมาจนถึงทะเล วันนี้พื้นที่การบินอยู่แถวสนามบินหนองงูเห่าและแถวถนนบางนา-ตราด พอเข้าพื้นที่ฝึกสิ่งแรกที่ครูฝึกสาธิตให้ดู คือ เบา-เร่ง เครื่องยนต์ โดยมีหลักการอยู่ว่า เมื่อเครื่องบิน บินรักษาระดับที่ความเร็วค่าหนึ่ง ที่กำลังเครื่องยนต์ค่าหนึ่ง ถ้าเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ เครื่องบินจะไต่ระดับโดยจะรักษาความเร็วนั้นไว้ ในทำนองเดียวกันถ้าเบากำลังเครื่องยนต์ลงเครื่องจะลดระดับ (หัวหันลง) แต่ความเร็วยังคงเดิม นั่นหมายความว่า การเร่ง-ลด เครื่องยนต์จะเป็นการเพิ่มหรือลดระดับความสูง (แต่ถ้าท่านเร่งเครื่องแล้วปรับทริมระดับจนเครื่องบินบินระดับได้ เครื่องบินจะบินที่ความเร็วสูงขึ้น) ถ้าบินระดับ ที่กำลังเครื่องค่าหนึ่ง แล้วทำการกดหัวลง เครื่องบินจะบินเร็วขึ้น (มีความเร็วสูงขึ้น) หรือถ้าเชิดหัวขึ้น เครื่องบินก็จะบินช้าลง (ความเร็วลดลง) หลักการนี้กลายมาเป็นคำกล่าวที่ว่า กำลังควบคุมความสูง การยกหัวขึ้นลง (Pitch) ควบคุมความเร็ว (Power for Altitude, Pitch for Speed) ซึ่งหลักการนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ ในการควบคุม เครื่องบินเล็กเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะตอนที่กำลัง Landing
ถัดมาครูสาธิตการเลี้ยว โดยจะเริ่มจาก การเอียงปีกโดยควบคุม Aileron เมื่อเลี้ยวจะต้องพยายามรักษาระดับ โดยยก Elevator ไว้ ลักษณะภาพที่ปรากฏ มีลักษณะคล้ายใน Flight simulator มากเลยครับ การกะระยะเข้าออกวงเลี้ยวคล้ายมาก ที่ต่างกันคือ ความรู้สึกของแรงที่กระทำต่อตัวนักบิน ที่มักเรียกว่าแรง G ซึ่งเกิดจากการเลี้ยวนั่นเอง
จากนั้นก็บินต่อไปผ่านมหาวิทยาลัยหลายแห่งแถวบางนา ไปเรื่อย ๆ จนเห็นทะเล พอเห็นทะเลแล้วก็เลี้ยวกลับ ขณะที่บินกลับมาใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยที่ผ่านมา ครูก็ขอสาธิตการเลี้ยวปีกลึก จำไม่ได้ว่าเอียงปีก 45 องศาหรือ 60 องศา ความรู้สึกหรือครับ เหมือนกับได้เล่นรถไฟเหาะที่กำลังเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงนะครับ ผมอดใจร้องเหมือนตอนนั่งรถไฟเหาะไม่ได้เลยครับ มันสะใจจริง ๆ สิ่งที่สังเกตได้อย่างหนึ่งคือ เวลาเลี้ยวลึก ๆ นั้น การดึง Elevator นอกจากช่วยรักษาระดับแล้ว ยังทำให้เลี้ยวได้เร็วมากขึ้น แต่ถ้าเลี้ยวลึกมากๆ Elevator จะไม่ช่วยรักษาระดับนั้นคือจะเสียความสูง (ยกเว้นว่าจะใช้ท่า Knife-Edge!)
จากนั้นก็กลับสู่สนามบินดอนเมือง ขากลับผมขอควบคุมเครื่องบินกลับจนใกล้สนามบินดอนเมืองแล้วจึงให้ครูพาลงสนาม พอถึงพื้นมีอาการมึนเหมือนไปนั่งรถไฟเหาะมาสัก 10 เที่ยว วันนั้นแย่ไปทั้งวันเลยครับ
ชั่วโมงที่สองของการบิน ก่อนไปบินผมตั้งใจว่าจะขอ TAKE OFF เอง ยังไม่ทันจะเอ่ยปากเลยครูก็ให้ TAKE OFF เองเลย คล้ายๆเครื่องบินเล็กครับ เร่งเครื่องยนต์จนสุด บังคับให้เครื่องบินหันหัวตรง พอความเร็วได้ก็ดึง ELEVATOR ขึ้นเล็กน้อยเครื่องบินก็บินขึ้นไป แล้วก็เลี้ยวเข้าพื้นที่ฝึก ครูให้ลองหัดเลี้ยวโดยเอียงปีก 30 องศากับขอบไฟฟ้า พอเลี้ยวเสร็จ จากนั้นก็ให้หัดทาบสนามโดยสมมุติว่าถนนข้างล่างเป็น RUNWAY หลังจากลองทาบถนนแล้วครูก็สั่งให้กลับดอนเมือง
กาง Flap ก่อน ลงสนาม
ในใจก็คิดว่าครูจะให้ LANDING เองหรือเปล่าแต่คิดอีกทีนี้เป็นชั่วโมงที่สองเองคงยังไม่ให้เอาเครื่องลงเองหรอก เลยไม่คิดอะไรจนถึงดอนเมือง พอใกล้สนามบินก็เลี้ยวเข้าแนวข้างสนามบิน(Downwind Leg) พอเครื่องขนานกับหัวสนามบิน ครูสั่งให้ลดความเร็ว (จริงๆ จะมีวิธีการหรือ PROCEDURE ในการลดความเร็วซึ่งผมไม่ขออธิบาย) กาง FLAP เลี้ยวตั้งฉากกับสนาม (Base Leg) ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าต้องลงเอง หัวใจเต้นระรัวเลยครับ พอเลี้ยวเข้าแนวสนามก็กดหัวลงโดยรักษาความเร็วไว้ที่ 85 MPH สนามบินจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พอเครื่องบินใกล้สัมผัสพื้นก็ยกหัวรักษาระดับ (Flare) จนล้อเครื่องบินแตะสนามเอง... บอกตรง ๆ นะครับ ดีใจมาก ในที่สุดฝันก็เป็นจริง
เลี้ยวเข้า Final Leg ก่อนการ Landing
หลังจากวันนั้นก็ไปฝึกบินเรื่อย ๆ มีอีกอย่างที่น่าสนใจคือการ Stall ในการฝึกจะต้องทำการ Stall การทำ Stall จะต้องดึงหัวขึ้นประมาณ 30 องศา ความเร็วเครื่องบินจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อเริ่ม Stall (จะมีเสียงเตือน) ก็ค่อยๆ ปล่อย Elevator พร้อมกับเร่งเครื่องจนความเร็วเพิ่มขึ้นแล้ว แก้ท่าทางให้เป็นปกติ มีอีกท่าคือ Full Stall อันนี้ครูสาธิตให้ดู โดยทำท่าเหมือนท่า Stall แต่จะยก Elevator จนเครื่องบิน Stall เต็มที่ เครื่องบินจะโค่นลงมา ให้ความรู้สึกเหมือนกับรถไฟเหาะ ประเภทที่ลากรถขึ้นไปที่สูง ๆ แล้วปล่อยให้หล่นลงมา อย่างไรอย่างนั้นเลย

ข้อเปรียบเทียบระหว่างการบินโดยใช้ซอฟท์แวร์ Flight Simulator กับการบินจริงๆ นั้น ในแง่การควบคุมจะคล้ายกันมากเรียกได้ว่าได้บินใน Flight Simulator ก็สามารถควบคุมเครื่องบินได้เลย กะจังหวะต่างๆ ได้ดีพอสมควร แต่ก็ยังไม่เหมือนของจริงซะทีเดียว แต่ในแง่ความรู้สึกแล้วจะต่างกันมากเพราะการบินจริงจะมีแรงต่างๆ มากมายเช่นแรงลมที่ทำให้เครื่องโยนไปมา การสั่นของเครื่องยนต์ แรงจากการเลี้ยว หรือแรง G ทั้งบวกและลบ แรงจากการ Stall เป็นต้น ในส่วนอื่นเช่นขั้นตอนการติดต่อกับผู้ควบคุมจราจรทางอากาศซึ่งก็ถือเป็นเรื่องยากเรื่องหนึ่งซึ่งจะต้องฝึกฝนอย่างมาก และเรื่องการบินเดินทางซึ่งใช้การมองหาตำแหน่งหรือจุดสังเกตุที่พื้นดิน เรียกว่าการบินเกาะภูมิประเทศ จะต้องจำภูมิประเทศประกอบกับแผนที่และเครื่องช่วยนำทางอื่นๆ ซึ่งในสามส่วนหลังนี้แทบไม่มีใน Flight Simulator ที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วๆ ไป

ถึงตรงนี้คงพอได้ภาพบางอย่างเกี่ยวกับการบินแล้ว หวังว่าคงจะมีประโยชน์แก่เพื่อนนักบินบ้างนะครับ เพราะหลักการบินของเครื่องบินใหญ่คล้ายกับเครื่องบินเล็กมาก เครื่องบินเล็กก็เป็นเครื่องบินเหมือนเครื่องบินใหญ่ บินได้เหมือนกัน ต่างกันก็ตรงที่มีขนาดเล็กกว่าเท่านั้นเอง

หมายเหตุ ที่เล่าให้ฟังมานี้ ผมมิได้ควบคุมเครื่องบิน 100 % นะครับ การควบคุมต่างๆ ครูการบินจะสอนและช่วยแก้ท่าทางการบินให้ด้วย
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต

 
 
 
 

ทีมงาน

ข่าว/กิจกรรม
แลกเปลี่ยนความรู้
Links

ชมรม/สนามบิน
แนะนำร้าน/สินค้า

รูปสวยๆ