โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ |
ภายใต้เทวดาที่ประกอบกันขึ้นเป็นคณะกรรมการพลังงานแห่งชาตินั้น
พลังงานทางเลือกคือพลังงานจาก แหล่งเชื้อเพลิง
ที่ใช้ไม่หมด(renewable) หรือมีอุปทานที่เกิดขึ้นตลอด(เช่นชีวมวล)
แทบจะไม่มีโอกาส โผล่มาเห็นแสงเดือนแสงตะวัน
ในประเทศไทยเลย ในทรรศนะของเหล่าเทวดา
พลังงานทางเลือกอย่างน้อยในปัจจุบัน
เป็นแต่วิมานในสายหมอก สวยหรูดูดีแต่ไม่มีจริง
เป็นเพียงความเพ้อฝันที่เรายังไม่อาจบรรลุได้
นอกจากกลับไปอยู่ ในถ้ำของยุคหินอีกครั้งเท่านั้น
ไม่นานมานี้เอง กฟผ.เพิ่งลดเป้าพลังงานไฟฟ้าสำรองของบ้านเราจากที่เคยวางเอาไว้
25% เหลือเพียง 15%
ตัวเลขพลังงานไฟฟ้าสำรองในบ้านเราเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะมันหล่นลงมาจากฟากฟ้าในยามค่ำคืนโดยไม่มีใครสังเกต
เห็น
มันซ้อนทับอยู่บนการคำนวณการณ์อนาคตที่ไม่แน่นอน
นั่นก็คือความต้องการพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
และบนการคาดการณ์อันนี้บวกเข้าไปอีก 15%
คือพลังงานไฟฟ้าสำรองที่เราต้องหาทางผลิตขึ้นเผื่อเผื่อขาดให้ได้
เหมือนกับการคาดการณ์อนาคตทั้งหลาย
มนุษย์โฉดเขลาเกินกว่าจะทำได้จริง
เพราะปัจจัยที่จะเป็นผู้กำหนด
อนาคตนั้นซับซ้อนหลากหลายเกินกว่าสมองมนุษย์จะคิด
ไปได้ทั่วถึง ยังไม่พูดถึงความหยาบของสูตรคำนวณ
ที่ไม่อาจจำลองแม้แต่ทั้งหมดที่อยู่ในสมอง
มนุษย์ออกมาได้
ฉะนั้น
จึงแทบจะหาสังคมใดในโลกที่สามารถคำนวณความต้องการพลังงานไฟฟ้าได้แม่นยำไม่ได้สักแห่ง
ในช่วงทศวรรษ 1970-80
เทวดาที่เป็นคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติของอังกฤษ
คาดการณ์ความต้องการพลังงาน
ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นผิดไปเกือบเท่าตัว(100%)
บนความไม่แน่นอนของการคาดการณ์ความต้องการในอนาคตนี้แหละ
ที่ตัวเลข 25%
หล่นปุมานอนแอ้งแม้งอยู่บนนั้นหน้าตาเฉย
ตัวเลขนี้มาจากไหน เทวดาเท่านั้นที่รู้ และการลดจาก 25%
เหลือ 15% ทำได้อย่างไร เทวดาเท่านั้นอีกนั่นแหละที่รู้
อย่างไรก็ตาม
แม้ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึง 15 ไม่ใช่ 10 หรือ 20
แต่การลดตัวเลขพลังงานสำรองลงเช่นนี้
เปิดโอกาสมหึมาสำหรับการเข้าสู่พลังงานทางเลือก
เพราะโดยไม่ต้องห่วงเรื่องพลังงานสำรอง เราจะมีไฟฟ้า
ใช้เหลือเฟือไปอีกไม่น้อยกว่า 10 ปีในอนาคต
เพราะการคำนวณความต้องการไฟฟ้าในอนาคตผิดพลาด
ด้วยเหตุผลใด จึงผิดพลาดมากขนาดนี้คงมีหลายปัจจัย
ทั้งที่สะอาดและสกปรก
แต่สมมุติให้เรายอมรับข้อแก้ตัวว่า
เป็นเพราะเกิดวิกฤต เศรษฐกิจขึ้นไปก่อนแล้วกัน
และนี่เป็นทางเดียวที่จะหาประโยชน์จากการคำนวณผิดพลาดของ
ความต้องการพลังงาน ไฟฟ้าในอนาคต
คือใช้โอกาสนี้สำหรับการเริ่มเข้าสู่พลังงานทางเลือกอย่างจริงจัง
ความวิตกกังวลว่า
ไฟฟ้าในประเทศไทยพึ่งพาแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติในสัดส่วนที่สูงขึ้นมากเกินไป
จนทำให้เหล่าเทวดาผลักดันให้หันไปหาเชื้อเพลิงอื่นโดยเฉพาะถ่านหิน
ทั้งที่เวียงแหงและประจวบคีรีขันธ์(ทั้งๆ ที่โรงไฟฟ้า
ถ่านหินที่มีอยู่ยังไม่สามารถแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศและทางน้ำได้)
ไม่ใช่คำตอบ เพราะที่จริงแล้ว
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีสำรองก๊าซธรรมชาติอยู่มากจนล้นตลาด
แม้การพึ่งเชื้อเพลิงชนิดเดียวอาจดูเหมือน
ไม่มั่นคง
แต่ถ้าคิดถึงจำนวนของสำรองก๊าซเฉพาะที่ได้ค้นพบแล้ว
รวมทั้งที่อาจค้นพบในอนาคต ก็อาจกล่าวได้ว่าก๊าซ
ธรรมชาติเป็นแหล่งพลังงานที่มั่นคงปลอดภัยที่สุดเท่าที่มีอยู่เวลานี้
ฉะนั้น
แทนที่จะไปส่งเสริมให้ผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหิน
น่าจะใช้โอกาสของความผิดพลาดจากการคำนวณส่งเสริม
ผลักดัน
ให้เพิ่มสัดส่วนของพลังงานทางเลือกจะเหมาะสมกว่าพลังงานทางเลือกที่ใกล้ตัวที่สุด
และได้ราคาการผลิตที่
ใกล้เคียงกับแหล่งพลังงานอื่นก็คือผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล
เวลานี้มีโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีข้อผูกพันกับ
กฟผ. ว่าจะผลิตไฟฟ้าเข้าระบบอีกถึง 5,000 เมกะวัตต์
แม้กระนั้นก็มีเสียงคัดค้านว่า
ค่าไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ ใช้เชื้อเพลิงชีวมวลแพงกว่าที่ผลิตด้วยโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ซึ่งใช้เชื้อเพลิงถ่านหินมาก
แต่ที่จริงแล้ว
ค่าไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหินซึ่งคำนวณไว้ต่ำนั้น
เป็นเพราะได้ผลักต้นทุนให้แก่สังคมจำนวนมาก
เช่นโรงไฟฟ้าถ่านหินที่แม่เมาะซึ่งไม่ได้ติดตั้งเครื่องกรองฝุ่นครบ
ปล่อยกำมะถันออกมาใส่ปอดของชาวบ้าน, พืชและ
สัตว์จนถึงป่วยเจ็บล้มตาย
แม้แต่การที่ถูกเรียกร้องให้ย้ายชาวบ้านออกไปจากภูมิลำเนาเดิม(ซึ่งยังไม่ยอมทำ)
เพื่อแก้ ปัญหา
ก็เป็นงบฯต้นทุนที่ไม่ได้คิดลงไปในค่าไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นได้
ยังไม่พูดถึงการสูญเสียที่ทำกินและระบบนิเวศ
อย่างมโหฬาร
โครงการทำเหมืองถ่านหินที่เวียงแหง
เท่าที่เปิดเผยมาให้พอรู้ได้
ก็จะมีการผลักภาระต้นทุนให้สังคมอีกมาก เช่นกัน
นับตั้งแต่สารพิษต่างๆ,
ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกิดจากการระเบิด,
การขนส่งที่ต้องผ่านพื้นที่ป่าในอนาคต,
และการเพิ่มการจราจรให้แก่ทางหลวงอย่างหนัก
เป็นต้น
คำนวณต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินอย่างเป็นธรรมแล้ว
บางทีค่าไฟฟ้าต่อหน่วยที่ได้จากโรงไฟฟ้าประเภทนี้อาจไม่ได้ถูกอย่างที่เทวดาทั้งหลายคำนวณ
ในทางตรงกันข้าม
พลังงานทางเลือกให้ผลได้แก่สังคมซึ่งไม่เคยนำเอามาคำนวณเพื่อ
หักต้นทุนลงไป หลายอย่าง เช่นพลังงานชีวมวลทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกมากกว่าการซื้อถ่านหินจากต่าง
ประเทศมากมายหลาย เท่านัก
เช่นเดียวกับที่พบในสังคมอื่นๆ
มานานแล้วว่า
โครงการประหยัดพลังงานทั้งหลายนอกจากทำกำไรแล้ว
ยังก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้นเสมอ ทั้งนี้
ยังไม่พูดถึงการได้พลังงานที่ไม่เกิดมลพิษในอากาศสูงเกินไป,
การใช้วัสดุจากไร่นาให้เกิดประโยชน์,
หรือแม้แต่การใช้ประโยชน์จากการขับถ่ายของมนุษย์และสัตว์
ถ้าถือประโยชน์ของสังคมเป็นที่ตั้งแล้ว
ก็ไม่แน่ว่าพลังงานทางเลือกคือทางเลือกซึ่งแพงจนเป็นเพียง
ความฝันของไทย แต่แน่นอนว่าถ้าดูกำไร-ขาดทุนของเอกชนผู้ลงทุนเป็นที่ตั้ง
หรือมอง กฟผ.เป็นเพียงธุรกิจ ของรัฐสาขาหนึ่ง
พลังงานทางเลือกก็ไม่คุ้มทุนหรือไม่คุ้มราคาไฟฟ้าต่อหน่วยที่ประชาชนต้องยอมจ่าย
ฉะนั้น
ถ้าถือหลักการประโยชน์ของสังคมเป็นที่ตั้งแล้ว
การลงทุนบุกเบิกพลังงานทางเลือกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น
พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, พลังงานคลื่น,
การผลิตไฟฟ้าจากคอกหมู และถังส้วมที่มีผู้ใช้มาก ฯลฯ
ล้วนเป็นการลงทุนที่ให้ผลคุ้มค่าทั้งสิ้น
กฟผ.อาจยอมรับซื้อไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทางเลือกเหล่านี้ในราคาที่สูงสักหน่อยในระยะเริ่มแรก
(กฟผ.ก็รับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนในราคาที่ไม่เท่ากันอยู่แล้ว)
แต่เอกชนไม่อาจตั้งราคาเอากำไรตามใจชอบได้ เนื่องจาก
มีไฟฟ้าสำรองอยู่มากพอที่ กฟผ.จะต่อรองได้จนอยู่ในราคาที่เป็นธรรม
ในระยะยาว ราคาของไฟฟ้าจากพลังงานทาง
เลือกมีแต่จะลดต่ำลง เพราะการพัฒนาเทคโนโลยี
และเพราะลดต้นทุนโดยปริมาณการผลิตที่สูงขึ้น
หลายประเทศในโลกนี้ซึ่งไม่ได้อยู่ในความฝัน
ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนของไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกไว้สูง
ตั้งแต่ 12% ไปจนเกือบ 50% ในอนาคตอันไม่ไกลนัก
ปัญหาคือทำอย่างไรจึงจะปลุกเทวดาในคณะกรรมการพลังงานฯ
ให้ตื่นจากฝันถึงไฟฟ้าจากถ่านหิน, นิวเคลียร์
และน้ำมันมาเผชิญกับโลกที่เป็นจริง
ซึ่งถึงอย่างไรมนุษยชาติ
ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ในไม่กี่ชั่วอายุคนข้างหน้านี้อย่างแน่นอนได้
พลังงานกระทบต่อชีวิตของทุกคน
ไม่ใช่เรื่องเทคนิควิชาการที่ไม่มีทางเลือกเลยนอกจากการ
ปิดประตู วินิจฉัยของเหล่าเทวดา
น่าจะถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรปรับโครงสร้างของคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ
ให้ประกอบด้วยตัวแทนจากคนหลากหลายกลุ่มในสังคม
เพื่อให้เขาเข้ามาร่วมตัดสินใจนโยบายพลังงานด้วยตัวเขาเอง
ไม่ใช่เพียงแต่ 'มีส่วนร่วม'
รับฟังการประชาสัมพันธ์ของโครงการต่างๆ
ซึ่งได้ตัดสินใจไปหมดแล้วอีกต่อไป